การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน (1)

แปลโดย iPAT

 

เขตต้องข้ามของผู้อมตะคือพลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

 

ตอนนี้เขตต้องข้ามขยายตัวออกไปเป็นรัศมีหลายพันลี้ ผู้อมตะทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากมัน

 

ก่อนที่การแข่งขันครั้งนี้จะถูกจัดขึ้น ผู้อมตะทุกคนทดลองเข้าไปด้วยตนเอง แต่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

 

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดการแข่งขันดังกล่าว

 

แต่ฟางหยวนตระหนักถึงช่องโหว่บางอย่าง

 

เบาะแสก็คือวิญญาณอมตะ

 

วิญญาณอมตะสามารถใช้งานได้ในเขตต้องห้ามแต่พลังอำนาจของพวกมันจะลดลงอย่างมาก ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวฝังวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะไว้ในร่างของเซียวซานเพื่อปกป้องเขาในระดับหนึ่ง

 

ท้ายที่สุดเซียวซานก็เป็นลูกหลานของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียว

 

‘วิญญาณอมตะสามารถใช้งานในเขตต้องห้าม แต่ผู้อมตะไม่สามารถเข้าไป เป้าหมายของมันควรจะเป็นร่างกายของผู้อมตะ’

 

ฟางหยวนคาดเดา

 

แล้วสิ่งใดคือความแตกต่างระหว่างผู้อมตะกับวิญญาณอมตะ?

 

เห็นได้ชัดว่าพลังงานแห่งเต๋าไม่ใช่คำตอบ วิญญาณอมตะเป็นภาชนะที่ใช้บรรจุพลังงานแห่งเต๋าขณะที่ร่างกายของผู้อมตะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ฟางหยวนคิดและได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ‘มิติช่องว่าง!’

 

วิญญาณอมตะไม่มีมิติช่องว่างแต่ผู้อมตะมี หากเขตต้องห้ามมีเป้าหมายอยู่ที่มิติช่องว่าง ฟางหยวนจะใช้ช่องโหว่นี้เพื่อเข้าสู่การแข่งขันด้วยตนเอง

 

‘ข้าแตกต่างจากคนอื่นๆ ข้ามีทะเลวิญญาณที่สอง หากข้าสามารถปิดผนึกมิติช่องว่าง ข้าจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าและสามารถเข้าไปในเขตต้องข้าม’

 

ยิ่งคิด ฟางหยวนก็ยิ่งมีความหวัง

 

แม้เขาจะไม่มีวิธีปิดผนึกมิติช่องว่างในเวลานี้แต่เขามีวิญญาณสติปัญญา ด้วยแสงแห่งปัญหาและความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะหาวิธีได้ด้วยตนเอง

 

‘ข้ามีวิธีเคลื่อนย้ายมิติช่องว่าง ข้าย้ายที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวมาแล้ว นี่เป็นข้อมูลอ้างอิงที่ดี’

 

‘ถูกต้อง ข้ายังมีท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานของนางมารผลาญสวรรค์ ข้าอาจได้รับแรงบันดาลใจจากมัน นางคิดค้นท่าไม้ตายนี้จากมรดกของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย บางทีการวิจัยครั้งนี้อาจทำให้ข้าได้รับมรดกของผู้อมตะเฒ่ากงเจียจากนางโดยตรง’ ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็ว

 

ผู้อมตะเฒ่ากงเจียได้รับการยอมรับจากมวลชนว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเทียบเท่ากับบรรพชนผมยาวและเฒ่าสายฟ้าเทียนหนาน

 

เขามีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับมิติช่องว่างและทะเลวิญญาณ ในแง่มุมนี้ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าเขา

 

ฟางหยวนไม่ได้ลงทุนมากนักในการแข่งขันครั้งนี้

 

ตามเงื่อนไขฟางหยวนสามารถเลือกผู้ใช้วิญญาณระดับสามจำนวนหนึ่งคนเพื่อเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเป็นเวลาสามเดือน

 

แม้เขาจะมีทรัพยากรอมตะมากมาย แต่เขาพึ่งมาถึง หากเขารีบร้อน มันอาจดึงดูดความโลภของผู้คน บางทีผู้อมตะระดับแปดอาจมาสร้างปัญหาให้เขาโดยตรง

 

โชคดีที่สามารถเพิ่มเดิมพันระหว่างการแข่งขัน

 

ร่างผีดิบอมตะสุดยอดเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดมีความสำคัญต่อฟางหยวนมาก นอกจากนี้ยังมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

 

สิ่งสำคัญอีกประการก็คือความลับเกี่ยวกับเส้นทางแห่งอาหาร

 

ในความเป็นจริงหลังจากหลายปีผ่านไป วิญญาณจำนวนมากควรตายเพราะความหิวโหย

 

แต่สนามรบแห่งความโกลาหลยังอยู่มาจนถึงวันนี้ นี่หมายความว่ามันเก็บความลับเกี่ยวกับเส้นทางแห่งอาหารเอาไว้

 

หากได้รับวิธีการบางอย่างบนเส้นทางแห่งอาหาร ฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหาความหิวโหยของวิญญาณอมตะจำนวนมากของเขา

 

ฟางหยวนลอบใช้วิญญาณท่องแดนอมตะกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอย่างลับๆ

 

เขายังให้ความสำคัญกับการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ในเวลาเดียวกันเขาก็อนุมานวิธีปิดผนึกมิติช่องว่างอย่างกระตือรือร้น

 

หนึ่งเดือนต่อมา ข่าวการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและปีศาจแพร่กระจายออกไป เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของทุกกองกำลังในภาคใต้

 

การโจมตีหมู่บ้านอี้เทียนของเซียวซานครั้งแรกเป็นผู้ใช้วิญญาณจากตระกูลวู เนื่องจากพวกเขาเป็นกองกำลังที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

วูเฉินตง

 

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ขั้นสุดยอดบนเส้นทางแห่งทาส

 

ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาสเชี่ยวชาญการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากแต่มีจุดอ่อนที่ตัวผู้ใช้วิญญาณเอง ดังนั้นตระกูลวูจึงส่งผู้ใช้วิญญาณระดับสี่อีกสามคนมาคุ้มกันเขา

 

สองในสามเป็นผู้นำหมู่บ้านภายใต้การปกครองของตระกูลวู สำหรับคนสุดท้าย เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูล

 

ฝูงสัตว์อสูรบุกโจมตีหมู่บ้านอี้เทียนราวกับคลื่นน้ำ

 

ผู้ใช้วิญญาณของหมู่บ้านหลายคนเสียชีวิตแต่เซียวซาน ซันเพิ่งหู และจ้าวซิงซิงยังมีชีวิตอยู่เพราะพวกเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า

 

วูเฉิงตงได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องล่าถอยขณะที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ของตระกูลวูเสียชีวิตสองคน

 

แม้ศัตรูจะถูกขับไล่ แต่หมู่บ้านอี้เทียนของเซียวซานก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน

 

การมีชีวิตอยู่ของวูเฉิงตงทำให้เซียวซานรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจไล่ล่าแต่ระหว่างทางพวกเขาพบผู้ใช้วิญญาณปีศาจบางคนนำศีรษะของวูเฉิงตงมาด้วย

 

คนผู้นี้ชื่อ ลู่ซวนฟง เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่ได้รับฉายาว่าจอมโจรแห่งภาคใต้ เขามีผู้อมตะคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและเคยบุกเข้าไปในหอปราบมารของตระกูลไท่มาก่อน

 

ลู่ซวนฟงสังหารวูเฉิงตงและยุติวิกฤตของหมู่บ้านอี้เทียน

 

การโจมตีระลอกแรกของฝ่ายธรรมะสิ้นสุดลงตรงนี้

 

ในความเป็นจริงลู่ซวนฟงลอบแทรกซึมเข้าไปเป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถสังหารลู่ซวนฟงได้อย่างง่ายดาย

 

ในการต่อสู้รอบที่สอง ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน

 

ครั้งนี้หลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังขึ้นไปบนภูเขาและเข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียน

 

ทั้งสองต่างเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีชื่อเสียงด้านการบินของภาคใต้

 

นี่ทำให้หมู่บ้านอี้เทียนมีความได้เปรียบและสามารถขับไล่ผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะให้จากไป

 

เพื่อรับมือหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวัง ฝ่ายธรรมะต้องเชิญผู้ใช้วิญญาณหญิงชื่อหงเฟยหยูมาที่นี่

 

แต่หงเฟยหยูเพียงคนเดียวยังไม่สามารถต่อต้านผู้เชี่ยวชาญด้านการบินสองคน

 

ขณะที่หงเฟยหยูตกอยู่ในอันตราย มือกระบี่แสงเว่ยหยางจากตระกูลเฉิงก็มาถึง

 

เว่ยหยางเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉิงเยี่ยนเฟย เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ขั้นต้น ไม่เพียงเขาจะสามารถช่วยเหลือหงเฟยหยู เขายังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

 

หลังจากหงเฟยหยูที่ได้รับบาดเจ็บและล่าถอย เว่ยหยางยังสามารถต่อต้านหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังเพื่อซื้อเวลาให้กับฝ่ายธรรมะกระทั่งกำลังเสริมมาถึง

 

หลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังถูกบังคับให้ล่าถอย

 

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เว่ยหยางได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของภาคใต้ทันที

 

ด้วยการคงอยู่ของเว่ยหยาง สถานการณ์ระหว่างฝ่ายธรรมะกับปีศาจกลายเป็นไร้ทางออกอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามเมื่อราชันผีดิบที่สองที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาสเข้าสู่ภูเขาอี้เทียน ฝ่ายธรรมะจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอย

 

การต่อสู้รอบที่สองจบลงเช่นนี้

 

‘ดูเหมือนเพราะข้า การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนจึงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย’ ฟางหยวนเฝ้ามองและลอบเปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า

 

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ฝ่ายปีศาจถือไพ่เหนือกว่าอย่างชัดเจน

 

นั่นเป็นเพราะการเข้าร่วมของหวังเซียว เขาสังหารผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะมากมายและกลายเป็นผู้นำของฝ่ายปีศาจ

 

แต่บนภูเขาซานชา หวังเซียวถูกสังหารไปแล้วโดยฟางหยวน นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้

 

โชคดีที่ราชันผีดิบที่สองมาถึงก่อนเวลาและสามารถรักษาสถานการณ์ของฝ่ายปีศาจ

 

ราชันผีดิบที่สองเป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคใต้และเป็นผีดิบระดับห้าขั้นสุดยอด เขาเคยทิ้งมรดกเอาไว้บนภูเขามู่เป่ย สิ่งนี้ให้กำเนิดผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาสผู้หนึ่งที่ชื่อติงเฮา

 

แต่ติงเฮาถูกสังหารไปแล้วโดยฟางหยวนเช่นกัน

 

‘ในชีวิตก่อนหน้า ติงเฮาเสียสละตนเองเพื่อช่วยชีวิตราชันผีดิบที่สอง หากครั้งนี้ราชันผีดิบที่สองตกอยู่ในอันตราย แล้วผู้ใดจะช่วยเขา’ ฟางหยวนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนดำเนินไปอย่างเร้าร้อนแต่ฟางหยวนยังพบกับความยากลำบากในการอนุมานวิธีปิดผนึกมิติช่องว่าง

 

เขาติดอยู่ในจุดคอขวด เขาต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก มิฉะนั้นเขาอาจต้องใช้เวลานับสิบปี

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามนางมารผลาญสวรรค์ฉวยโอกาสนี้ขอยืมท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือจากฟางหยวน

 

นางมารผลาญสวรรค์ เทพธิดาหลี่ซาน และไห่ลั่วหลันล้วนต้องการผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ แต่ทั้งสามเป็นผู้อมตะของภาคเหนือ พวกนางไม่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันระหว่างผู้อมตะภาคใต้

 

หากผู้อมตะภาคเหนือปรากฏตัวขึ้น ผู้อมตะภาคใต้จะร่วมมือกันโจมตีศัตรูจากภายนอก

 

ดังนั้นหากกลุ่มของไห่ลั่วหลันต้องการเข้าร่วม พวกนางต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือของฟางหยวน

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะให้ยืม

 

การให้ยืมท่าไม้ตายแตกต่างจากการให้ยืมวิญญาณ

 

เมื่อท่าไม้ตายถูกหยิบยืมโดยบางคน พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ความลับของอีกคน พวกเขาจะรู้จุดอ่อนและสามารถคิดค้นวิธีรับมือ

 

แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ยืมเท่านั้น

 

เขาให้ยืมท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือแลกกับมรดกบางส่วนของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย

 

แม้เขาจะจ่ายด้วยราคามหาศาลแต่เขาก็ได้รับผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว

 

เขาผ่านจุดคอขวดและสามารถอนุมานต่อได้อย่างราบรื่น