การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน (2)

แปลโดย iPAT

 

ภาคกลาง

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดทำลายความเงียบของหุบเขา

 

แรงระเบิดทำให้ป่าไม้ถูกทำลายเป็นวงกว้าง

 

ผู้อมตะแปดคนจากวังสวรรค์ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น

 

พวกเขายืนเป็นวงกลมด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลแต่สายตายังหยิ่งผยอง

 

โป้ชิงยืนอยู่ตรงกลางด้วยการแสดงออกที่กล้าหาญ

 

ดวงตาของโป้ชิงส่องประกายขึ้นทำให้ผู้อมตะทั้งแปดตกใจกลัวและถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว ในการต่อสู้ก่อนหน้าพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากดาบแสงที่พุ่งออกมาจากดวงตาของโป้ชิงอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ประกายในดวงตาของโป้ชิงกลับดับแสงลงอย่างรวดเร็วขณะที่ร่างกายของเขาหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

 

“สำเร็จ!”

 

“ในที่สุดพวกเราก็สามารถทำลายดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างโป้ชิง!”

 

ผู้อมตะทั้งแปดจากวังสวรรค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

ปราศจากดวงวิญญาณ ผีดิบอมตะโป้ชิงก็ไม่สามารถเคลื่อนไหว

 

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้ถึงระดับนี้”

 

“โชคดีที่ผีดิบอมตะโป้ชิงมีจุดอ่อนขนาดใหญ่ มิฉะนั้นหนึ่งในพวกเราอาจจบชีวิตลงที่นี่”

 

“น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถจับกุมเขาในขณะที่มีชีวิต”

 

“หลังจากนำร่างผีดิบอมตะโป้ชิงกลับวังสวรรค์ เราจะเก็บมันไว้อย่างดีและข้าจะเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง”

 

ก่อนหน้านี้เจ้าวังสวรรค์ เหลียนจิวเฉิง และไป่เฉินเทียนใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะสวนลวงตาต่อสู้กับโป้ชิง แต่พวกเขายังไม่ใช่คู่ของผีดิบอมตะโป้ชิงและต้องร้องขอกำลังเสริมอีกห้าคนจากวังสวรรค์

 

แปดผู้อมตะจากวังสวรรค์กระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะสายต่อสู้โบราณ หลังจากหนึ่งเดือน พวกเขาสามารถสังหารหยูมู่ฉานและทำลายดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างผีดิบอมตะโป้ชิงได้ในที่สุด

 

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะทั้งห้าจึงกลับวังสวรรค์และเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง

 

อายุขัยของพวกเขาแทบไม่เหลือ พวกเขาต้องเก็บรักษาทุกวินาทีเอาไว้อย่างดีที่สุด

 

ไป่เฉินเทียนและเหลียนจิวเฉิงต้องการจากไปเช่นกัน แต่สถานการณ์ของพวกเขาดีกว่าผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขายังมีเวลาดูแลลูกหลานและนิกาย

 

เจ้าวังมอบภารกิจเก็บกวาดสนามรบให้กับไป่เฉินเทียนและให้เหลียนจิวเฉิงไปสำรวจน้ำตกสวรรค์อีกครั้ง

 

สำหรับเจ้าวัง เขากลับไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์

 

“แม้เราจะชนะ แต่สังหรณ์ร้ายของข้ายังไม่ลดลง ตรงข้าม ข้ายิ่งรู้สึกกระสับกระส่ายราวกับบางสิ่งกำลังใกล้เข้ามา” เจ้าวังพึมพำต่อหน้าหอคอยดวงตาสวรรค์

 

เขาก้าวเท้าขึ้นบันไดอีกครั้ง

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เจ้าวังขมวดคิ้วลึกด้วยความสับสน

 

เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เขาก้าวขึ้นบันไดได้อย่างยากลำบาก

 

ในอดีตทุกก้าวที่เขาเดินขึ้นบันได เขาจะใช้พลังงานอมตะระดับแปดหนึ่งผล แต่ครั้งนี้เขากลับต้องใช้พลังงานอมตะมากขึ้นเป็นสองเท่า

 

“ตั้งแต่ข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้”

 

เขาเกิดความตระหนักรู้อย่างกะทันหัน เรื่องของโป้ชิงเป็นเพียงบทนำ ยังมีคนอื่นชักใยอยู่เบื้องหลัง

 

“ดูเหมือนบางคนกำลังขัดขวางข้า…ฮ่าฮ่าฮ่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งต้องการเดินขึ้นไปข้างบนและดูว่าผู้ใดกล้าหลบหนีจากโชคชะตา!”

 

เจ้าวังยังเดินขึ้นไปด้วยการแสดงออกที่มุ่งมั่น

 

แต่หลังจากเขาเดินขึ้นไปถึงขั้นที่หนึ่งร้อย ภาพบนกำแพงก็ดับมืดลง

 

มันราวกับมีหมอกสีดำปกคลุมภาพทั้งหมดเอาไว้

 

ไม่มีภาพอื่นเพิ่มเติม

 

หัวใจของเจ้าวังจมดิ่งลง “เป็นผู้ใดที่ขัดขวางข้า!? พวกเขาสามารถรบกวนคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์งั้นหรือ?”

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเจ้าวังก็เดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอย

 

เขาเหนื่อยล้ามาก พลังงานอมตะที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตถูกใช้ไปจนหมด

 

เขามองไปที่กำแพงด้วยความคาดหวัง

 

หลังจากกำแพงกลายเป็นสีดำ เขาก็ไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย แต่พลังอำนาจของวิญญาณโชคชะตาแผ่กระจายไปทั่วโลก สุดท้ายเขาจะสามารถเปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้

 

รูม่านตาของเขาหดเล็กลง

 

ร่างสูงวัยของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

กำแพงยังมืดสนิทแต่มันไม่เหมือนก่อนหน้าเพราะมีดวงตาคู่หนึ่งส่องประกายขึ้น

 

มันเป็นดวงตามนุษย์!

 

แต่มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและเจตนาสังหาร

 

มันมองมาที่เจ้าวังราวกับสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างอดทนและรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อล่าเหยื่อ

 

“เจ้า…เจ้าคือ…” ร่างของเจ้าวังปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่ออันเย็นเยียบ

 

เขาพยายามสงบจิตใจลงแต่ความหวาดกลัวยังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา

 

“วิกฤต! วิกฤตครั้งใหญ่! หากปล่อยทิ้งไว้ กระทั่งวังสวรรค์ก็อาจถูกทำลาย ผีดิบอมตะโป้ชิงไม่ใช่สิ่งใดสำหรับพวกเขา ข้าต้องปลุกผู้อมตะของวังสวรรค์ให้ตื่นขึ้นอีกจำนวนมาก นี่คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด!”

 

เจ้าวังไม่ลังเลที่จะวิ่งไปยังหน้าผาใบไม้เหิน

 

ที่นี่เป็นที่ตั้งของค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่

 

เจ้าวังกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงและทำให้เสียงระฆังดังกึกก้องไปทั่ว

 

เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ขึ้นทันที

 

…..

 

ในเวลาเดียวกันที่ภาคใต้

 

‘ในที่สุดก็สำเร็จ’ ฟางหยวนก้าวเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนหลังจากปิดผนึกมิติช่องว่างของตน

 

ด้วยมรดกบางส่วนของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย การอนุมานของฟางหยวนจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตอนนี้เขาสามารถปิดผนึกมิติช่องว่างและปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามเข้าสู่ภูเขาอี้เทียน

 

สถานการณ์บนภูเขาอี้เทียนค่อนข้างร้อนแรง

 

ฝ่ายธรรมะบุกโจมตีครั้งที่สามและสี่ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ราชันผีดิบเรียกกองกำลังผีดิบของเขามาสนับสนุน นี่ทำให้ฝ่ายธรรมะปวดหัวมาก

 

เว่ยหยางกับหงเฟยหยูร่วมมือกันทำให้พวกเขาได้เปรียบหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังำในการต่อสู้กลางอากาศ

 

หมอเทวดาเฉิงซูเดินทางมาสนับสนุนฝ่ายธรรมะ

 

เขาเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดหมอของภาคใต้ การคงอยู่ของเขาช่วยลดการสูญเสียของฝ่ายธรรมะได้มาก

 

เซียวซานรู้ว่าหากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ฝ่ายธรรมะจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นฝ่ายบุกโจมตีในการต่อสู้รอบที่ห้า

 

ฉากหน้า เซียวซาน ซันเพิ่งหู และจ้าวซิงซิงร่วมมือกันบุกโจมตีฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ลู่ซวนฟงได้รับภารกิจลอบเข้าไปในค่ายพักแรมของศัตรูและสังหารหมอเทวดาเฉิงซู

 

แต่ผลลัพธ์คือหมอเทวดาเฉิงซูไม่ตาย ตรงข้ามคนที่ถูกลอบสังหารกลับเป็นราชันผีดิบของฝ่ายปีศาจ

 

เมื่อราชันผีดิบตาย ฝ่ายปีศาจจึงอ่อนแอลง

 

ในช่วงเวลานี้หมอผีซูชิวก็มาถึงภูเขาอี้เทียนและช่วยกอบกู้สถานการณ์ของฝ่ายปีศาจ

 

ซูชิวช่วยชีวิตผู้ใช้วิญญาณปีศาจจำนวนมาก ในที่สุดเขาก็ได้รับตำแหน่งลำดับที่สามของฝ่ายปีศาจ ลู่ซวนฟงเป็นลำดับที่สอง ขณะที่เซียวซานยังเป็นที่หนึ่ง

 

สำหรับซันเพิ่งหูกับจ้าวซิงซิง พวกเขาถูกผลักลงไปในลำดับที่สี่และห้า

 

ผู้ใช้วิญญาณปีศาจดาวรุ่งโม่หวู่เทียนเริ่มท้าทายฝ่ายตรงข้ามในการต่อสู้ตัวต่อตัวและสามารถสังหารผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะหลายคน

 

ตระกูลเฉิงส่งหมอซูโจวมาสนับสนุนหมอเทวดาเฉิงซูทำให้ฝ่ายธรรมะสามารถรักษาเสถียรภาพ

 

นายน้อยตระกูลเยี่ยน เยี่ยนจุน ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนและสังหารหมอผีซูชิวก่อนจะหลบหนีไป

 

ขวัญกำลังใจของฝ่ายธรรมะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามพวกเขากลับตกหลุมพรางของฝ่ายปีศาจ

 

หมอซูชิวยังมีชีวิตอยู่ ตราบเท่าที่ร่างกายของเขาไม่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ เขาก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพ หลังจากเยี่ยนจุนสังหารหมอซูชิว เขาลอบฟื้นคืนชีพอย่างลับๆและปล่อยให้ฝ่ายธรรมะเฉลิมฉลอง

 

ในคลื่นระลอกที่หก โม่หวู่เทียนแสดงความสามารถอันโดดเด่นออกมาอีกครั้งโดยการสังหารผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ถึงสามคน กระทั่งเยี่ยนจุนก็ยังพ่ายแพ้ต่อเขาและได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ที่วุ่นวาย

 

ฝ่ายธรรมะล่าถอยไปด้วยความพ่ายแพ้แต่ฝ่ายปีศาจก็พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน

 

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจหยุดพักเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งเป็นการชั่วคราว

 

ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนก้าวขึ้นสู่ภูเขาอี้เทียนและเข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียน

 

เขาปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม เขาถูกจัดอยู่ในหนึ่งร้อยลำดับแรก หน้าที่ของเขาคือเฝ้าหอยิงธนู

 

ฟางหยวนอดทนรอเป็นเวลาสามวัน เมื่อไม่เห็นการปรากฏตัวของผู้อมตะ เขาจึงเริ่มปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างลับๆ

 

ตอนนี้สมาชิกของหมู่บ้านอี้เทียนมีถึงหกร้อยคนแล้ว

 

ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ บางคนเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อมตะขณะที่บางคนไม่ใช่

 

ฟางหยวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเขาโดยไม่ทำตัวโดดเด่น

 

ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนสามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว

 

สำหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาต้องบังคับให้ตัวหมากเบี้ยต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะทางอ้อม ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวน

 

เมื่อเวลาผ่านไป การต่อสู้รอบที่เจ็ดก็เริ่มขึ้น

 

ฝ่ายปีศาจวางแผนตัดเส้นทางการขนส่งเสบียงของฝ่ายธรรมะ แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้นำตระกูลเฉิง เฉิงเยี่ยนเฟยก็นำกองกำลังส่วนตัวของเขามาถึง วิญญาณกล่องอาหารของเขาสามารถหล่อเลี้ยงกองทัพทั้งหมดของฝ่ายธรรมะ

 

จากนั้นผู้นำกองกำลังขนาดใหญ่ของภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอี้ ตระกูลลั่ว ตระกูลเหยา และตระกูลเซี่ยก็ตามมาสมทบ

 

การต่อสู้ที่ร้อนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ใช้วิญญาณอย่างช่วยไม่ได้

 

แต่สำหรับฟางหยวน มันธรรมดามาก

 

การต่อสู้ครั้งนี้อาจดูยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นเพียงการจัดฉากของผู้อมตะเท่านั้น

 

ในช่วงหลายวันหลัง ผู้อมตะเริ่มปะทะกันเอง แม้พวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็พยายามใช้กลอุบายต่างๆอย่างลับๆ

 

หลังจากได้รับข้อมูลข่าวสาร ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกผู้อมตะภาคใต้ของฟางหยวนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เขาปรับแต่งวิญญาณจำนวนมากแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลไม่ต่างจากหลุมลึก

 

หนึ่งเดือนผ่านไป

 

วันนี้ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อนำผู้อมตะชุดคลุมดำมากกว่าสิบคนเข้ามารอบๆภูเขาอี้เทียน

 

เขาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว “วังสวรรค์ค้นพบแล้วและกำลังเตรียมตัวมาที่ภาคใต้ เวลาไม่เคยรอคอยผู้ใด เราต้องเริ่มแผนก่อนกำหนด!”

 

“ฟื้ว…”

 

ผู้อมตะด้านหลังเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกไปทุกทิศทาง