“ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพรเสด็จอา”
แม้แต่ในเวลานี้ สายตาของหลินเมิ้งหยาก็ยังไร้ซึ่งความกังวล
แน่นอนว่านางกำลังสวมใส่ชุดนี้อยู่ แต่นั่นมิได้หมายความว่านางกระทำความผิด
ตอนแรกเหล่าพระปิตุลาคิดว่าจะได้เห็นหลานสะใภ้ร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าจะยังคงรักษาท่วงท่าได้อย่างสง่างาม นางไม่เหมือนคนที่กำลังจะโดนเล่นงานเลยแม้แต่น้อย
“ลุกขึ้นเถิด เจ้าอย่าได้ตำหนิเปิ่นกงเลย ถึงอย่างไรงานพิธีไหว้พระขอพรในวันนี้ก็สำคัญยิ่ง ดังนั้นจึงปล่อยให้เกิดปัญหาไม่ได้ ท่านอ๋องเหล่านี้ล้วนจิตใจดีมีคุณธรรม พวกเขาไม่มีทางทำให้เจ้ารู้สึกลำบากใจหรอก”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า ถอยหลังไปยืนอีกฝั่ง
“ฮวงกงกง เจ้าบอกว่าชุดของพระชายาอวี้มีปัญหา ตกลงปัญหาอยู่ที่ใด?”
ฮองเฮาที่เปรียบเสมือนตัวแสดงหลักไม่มีทางปล่อยโอกาสให้ผู้คนนึกสงสัยตนเอง ดังนั้นนางจึงโยนคำถามให้ฮวงกงกงเป็นผู้ตอบ
สีหน้าเคร่งขรึมเข้มงวดของฮวงกงกงพลันเปลี่ยนไป
“ทูลฮองเฮา ผู้ดูแลขั้นตอนชำระล้างด้วยเครื่องหอมพบว่าชุดทางการของชายาอวี้ไม่เหมาะสม เขาเอ่ยว่าลวดลายของหงส์มีมากถึงเจ็ดสี อีกทั้งดอกแปะเจียกยังเป็นดอกโบตั๋นพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของฮวงกงกงทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
หงส์เจ็ดสีและดอกโบตั๋นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของฮองเฮา ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับถูกประดับลงบนชุดของชายาอวี้ นั่นมิเท่ากับว่านางกำลังก่อกบฏอย่างนั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังตั้งใจใส่มาในงานไหว้พระขอพรวันนี้อีก
“เจ้ามั่นใจแล้วใช่หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าบังอาจใส่ร้ายชายาอวี้เด็ดขาด”
อ๋องฉงซานที่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยถลึงตาโต
ฮวงกงกงรีบตามตัวผู้ดูแลงานเข้ามา จากนั้นผู้ดูแลงานจึงเอ่ยตอบ
“ไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตรวจสอบละเอียดแล้ว ดวงตาของหงส์บนชุดของพระชายาเป็นสีม่วง ยิ่งไปกว่านั้น ดอกไม้ที่ปักบนชุดเป็นลายดอกโบตั๋นอย่างแน่นอน กระหม่อมไม่มีทางดูผิดพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ดูแลตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สิ่งนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
สายตาสงสัยตกอยู่บนร่างของนาง ทว่านางกลับแสดงท่าทางเป็นปกติ ส่งยิ้มอย่างมีมารยาท น้อมรับสายตาตำหนิติเตียนจากทุกคน
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ท่านอ๋องทั้งสองก็อดชื่นชมนางไม่ได้
“เอาแบบนี้ เรื่องนี้จะฟังความเพียงฝ่ายเดียวก็คงมิได้ ชายาอวี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ตกลงเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”
อ๋องหลีซานเอ่ยถาม แม้ใบหน้าของเขาจะเคร่งขรึม ทว่าสายตากลับเผยให้เห็นความรู้สึกที่ยากจะทำใจ
เหตุเพราะอุปนิสัยและบุคลิกของชายาอวี้ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย น่าเสียดายที่โชคชะตาของนางอาภัพ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องเจอความโชคร้ายเช่นนี้
แม้พวกเขาจะเป็นอ๋อง แต่ถึงกระนั้นก็พอจะรู้เรื่องของวังหลังมาบ้าง
ฮองเฮามักจะป้ายความผิดให้คนที่มิได้ทำอะไรผิดเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ชุดทางการทุกชุดล้วนตัดเย็บโดยฝ่ายใน เกรงว่าชายาอวี้คงมิทันระวังจึงติดกับเข้า
“คำพูดของผู้ดูแลและฮวงกงกง…” หลินเมิ้งหยาจงใจเงียบไปอึดใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ทั้งหมดล้วนเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเปิ่นเฟย! ท่านอ๋องทั้งสองโปรดเมตตา นับตั้งแต่วันที่หลานสะใภ้แต่งงานเข้าจวนอวี้ หลานสะใภ้มิเคยทำเรื่องเสื่อมเสีย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงมาร่วมพิธีการยิ่งใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรกก็จะต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้ หลานสะใภ้รู้สึกปวดใจยิ่งนัก”
หลินเมิ้งหยาปฏิเสธ ทว่าสายตาของฮองเฮากลับแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
นางไม่กลัวการปฏิเสธของหลินเมิ้งหยา เหตุเพราะหลักฐานยังคงเห็นอย่างทนโท่ การปฏิเสธของนางในคราวนี้จะเป็นมูลเหตุที่ทำให้นางกำจัดหนามยอกอกคนนี้ออกไปได้
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระองค์จะต้องช่วยออกหน้าให้กระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ แม้กระหม่อมจะเป็นเพียงผู้ดูแลตัวเล็กๆ แต่กระหม่อมก็รู้ดีว่าไม่ควรให้เกิดเรื่องวุ่นวายในงานพิธี หากเหนียงเหนียงไม่เชื่อ เช่นนั้นได้โปรดตรวจสอบด้วยตนเองเถิด”
ผู้ดูแลคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงร้องขอความเป็นธรรม
ฮองเฮาและอ๋องทั้งสองสบตากัน สุดท้ายจึงเอ่ย
“ถูกต้อง เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ดังนั้นจะใส่ร้ายป้ายความผิดให้แก่พระชายามิได้ หยุนซือฝู เจ้าเป็นคนเก่าคนแก่ของพระราชวัง อีกทั้งชุดทางการยังมีคนของเจ้าคอยดูแล เช่นนั้นเจ้าจงไปดูเถิดว่ามีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือไม่?”
“เพคะฮองเฮาเหนียงเหนียง”
เสียงของหญิงวัยกลางคนในชุดเป็นระเบียบเรียบร้อยดังขึ้นจากทางด้านหลังฮองเฮา
หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะในใจ ฮองเฮาเหนียงเหนียงตัวดี! ทั้งอ๋องคนสนิท ทั้งคนดูแลตัดเย็บเสื้อผ้าก็พากันมาร่วมการแสดงในครั้งนี้ ดูเหมือนคงจะอยากให้นางตายจริงๆ สินะ
หยุนซือฝูไม่อาจมองออกอย่างผิวเผิน หลังจากถวายคำนับแล้ว นางจึงเดินเข้ามายืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยความเคารพ ก่อนจะใช้มือตรวจสอบ
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะส่งเสียงเย็น
“ช้าก่อน! หากคิดจะตรวจสอบชุดของหม่อมฉันก็มิใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่ถ้าหากชุดของหม่อมฉันไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เช่นนั้นฮองเฮาจะจัดการเช่นไรเพคะ?”
น้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาเจือไว้ซึ่งความรู้สึกผิดเพียงเล็กน้อย
ฉะนั้นฮองเฮาจึงมั่นใจว่านางแค่ต้องการหาข้ออ้างแต่เพียงเท่านั้น
หันไปมองท่านอ๋องทั้งสอง คนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาจึงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม
“หากผู้ดูแลงานมองผิดไป เช่นนั้นก็ต้องลงโทษเขาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แก่พระชายา”
เป็นกลอุบายที่ถูกวางมาอย่างดี ไม่ว่าปัญหาจะตกอยู่ที่นางหรือผู้ดูแล แต่เรื่องทั้งหมดก็ไม่เกี่ยวข้องกับฮองเฮาแต่อย่างใด
แต่หลินเมิ้งหยามิใช่คนที่ปล่อยให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ
“ไม่เพคะ ฐานะของหม่อมฉันคือลูกสะใภ้ของฮ่องเต้ หม่อมฉันควรเข้าไปร่วมพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษและขอพร แต่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นหม่อมฉันจึงมิอาจแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษได้ ฉะนั้นหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้หม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันหวังว่าฮองเฮาจะพระราชทานอนุญาตให้หม่อมฉันเข้าไปไหว้พระและกราบไหว้บรรพบุรุษได้ ด้วยเพราะมีบรรพบุรุษคุ้มครอง ดังนั้นหม่อมฉันจึงยังอยู่ดีมีสุข แคล้วคลาดต่อภัยอันตรายทั้งปวง มิทราบว่าเหนียงเหนียงคิดเห็นเช่นไร?”
ฮองเฮาเลิกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะเอ่ยร้องขอเช่นนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ปากของหลินเมิ้งหยาเอื้อนเอ่ยว่าต้องการจะไปไหว้พระและเคารพบรรพบุรุษ หากตัวนางปฏิเสธไป เช่นนั้นก็เท่ากับนางเป็นคนใจแคบ
“ได้ เปิ่นกงรับปากเจ้า หยุนซือฝู เจ้าจงดูให้ดี”
ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้หยุนซือฝู อีกฝ่ายผันตัวเป็นกล้องจุลทรรศน์ทันทีเพื่อจับผิดชุดของหลินเมิ้งหยา
แต่เมื่อเทียบกับสมองอันชาญฉลาดของหลินเมิ้งหยาแล้ว ต่อให้พวกนางจะเข้ามากันสักกี่คน หลินเมิ้งหยาคนนี้ก็ไม่กลัว
ตรวจสอบโดยไม่ปริปากส่งเสียง
สายตาของหยุนซือฝูเริ่มกระวนกระวาย
นางจ้องมองลายหงส์บนชุดด้วยท่าทางสงบนิ่ง แต่กลับต้องแปลกใจที่ไม่เห็นด้ายสีม่วงที่ลูกตาหงส์
มันเป็นสีดำอย่างชัดเจน! สีดำหาใช่สีที่ส่องประกายได้ ดังนั้นหงส์บนชุดทางการของชายาอวี้จึงมีเพียงแค่หกสี!
หันไปมองทางด้านข้าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งตกตะลึง นั่นหาใช่ลายดอกโบตั๋นที่พวกนางตั้งใจประดิดประดอย แต่กลับเป็นดอกแปะเจียกงดงามอร่ามตา
เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้?
“ทูลฮองเฮา ชุดที่ชายาอวี้สวมใส่หาใช่ชุดที่พวกเราฝ่ายในเป็นผู้ส่งไปให้!”
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหยุนซือฝูก็ส่งเสียงอ้ำอึ้งออกมา
ฮองเฮาสบถในลำคอ ตอนแรกคิดว่าหลินเมิ้งหยาจะเก่งกาจ แต่สุดท้ายนางก็ติดกับที่ตนเองวางเอาไว้จนได้
“ชายาอวี้ เจ้าเปลี่ยนชุดทางการเองตามใจชอบ นี่นับว่าเป็นความผิดใหญ่หลวง เจ้าต้องได้รับโทษ!”
ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงสงบนิ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มเล็กน้อย
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าหยุนซือฝูเป็นนางในเก่าแก่ของวังหลวง ชุดที่หม่อมฉันสวมใส่ ไม่ว่าผ้า ด้ายหรือลวดลายการปักเย็บล้วนเป็นพวกนางที่ทำทั้งสิ้น แต่ตอนนี้กลับใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉัน หรือว่านางมีเหตุจูงใจอันใดกัน?”
หยาดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของหยุนซือฝู
ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาฮองเฮา นี่…นี่มันไม่เหมือนกับที่เคยคุยกันไว้นี่นา!
ทั้งเนื้อผ้า ทั้งลวดลายล้วนเป็นการตัดเย็บที่พวกนางทำขึ้น แต่…แต่เพราะเหตุใดมันจึงเปลี่ยนไปเล่า?
“หยุนซือฝู เจ้าจงดูให้ละเอียดเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง ฮองเฮาจึงระเบิดอารมณ์ออกมา
นางคนไร้ประโยชน์ ทั้งที่เคยกำชับเอาไว้แล้ว แต่เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้
หรือว่าหลินเมิ้งหยาจะเสกอะไรมาบังตาเอาไว้?
“ดูเถิด จงเข้ามาดูให้ดี หยุนซือฝู ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนออกแบบลายหงส์และดอกแปะเจียกเองกับมือมิใช่หรือ เป็นอะไรไปเล่า หรือช่างตัดเย็บเช่นเจ้าแก่ชราจนสายตาพร่ามัว? แม้แต่งานตัดเย็บของตนเองก็จำมิได้?”
หลินเมิ้งหยาถามแกมข่มขู่จนหยุนซือฝูตกใจลมแทบจับ
ยื่นมือที่สั่นเทาเข้าไปสัมผัสลายหงส์และดอกแปะเจียก
ตอนแรกนางคิดว่าจะมีสิ่งใดแปะไว้เพื่อปิดบัง
แต่นางกลับมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าขาวซีด เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!
“ข้าคิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้ย่อมรู้ดีที่สุดใช่หรือไม่? หม่อมฉันเป็นเพียงผู้น้อย เรื่องนี้คงต้องให้ฮองเอาและเสด็จอาทั้งสองเป็นผู้ตัดสิน”
หลินเมิ้งหยาคุกเข่าลงบนพื้น เอื้อนเอ่ยด้วยความจริงใจ
สีหน้าของฮองเฮาไม่น่ามองอย่างยิ่ง นางมิได้เจ็บปวดที่ต้องฆ่าคน แต่เพราะคำพูดของหลินเมิ้งหยา ความโกรธเกรี้ยวของนางจึงพวยพุ่งออกมา
พิธีการทางด้านนอกใกล้จะเสร็จสิ้นเต็มที หากนางยอมให้หลินเมิ้งหยาไปเข้าร่วมพิธี เช่นนั้นก็ถือว่านางขาดทุนครั้งใหญ่
“ตึง” เสียงดังขึ้น ผู้ดูแลงานและหยุนซือฝูทรุดตัวลงกับพื้น ท่าทางเสมือนคนกำลังหวาดกลัว
หากหลินเมิ้งหยาเค้นตรวจสอบเรื่องนี้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นพวกนางก็คงหนีไม่รอด
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางต่างประจักษ์อยู่แก่ใจดีว่าฮองเฮาเป็นคนเช่นไร นางสามารถลงมือได้อย่างอำมหิต ไร้ซึ่งความสงสาร ตอนที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ พวกนางคิดถึงบทสรุปเอาไว้อยู่แล้ว
ทั้งที่เป็นการช่วงชิงบัลลังก์ของชนชั้นสูง แต่คนที่ตกเป็นเครื่องมือคือคนชั้นล่าง สิ่งที่พวกนางทำได้คือปิดปากให้สนิท
“พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดหรือไม่?”
สายตาของฮองเฮาเย็นชาลง
ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะกระตุกยิ้มน่าเวทนา สุดท้ายจึงส่ายหน้า