บทที่ 238: การเจรจากับราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 (3)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 238: การเจรจากับราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 (3)

ฉินเย่จ้องไปที่ศีรษะของโนบูนางะที่อยู่บริเวณช่องอก และรอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ผุดขึ้นที่มุมปาก “แต่ท่านไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากพวกเราอีกแล้ว”

ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งมั่นใจ ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ทำให้ตนเองได้เปรียบไม่ได้มีเพียงฐานข้อมูลที่ไม่ตรงกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมุมมองสมัยใหม่ซึ่งโนบูนางะสามารถมองโลกด้วย

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะดูถูกข้าเกินไปเสียแล้วหากเจ้าคิดว่าเรื่องพวกนี้มันมากพอที่จะโน้มน้าวข้าได้” โนบูนางะแค่นหัวเราะออกมา จากนั้นพร้อมกับดวงตาที่ลุกโชน เขาจ้องไปที่ฉินเย่เขม็งและเอ่ยต่อ “สิ่งที่ข้าต้องการ… ก็คือการเป็นจักรพรรดิของญี่ปุ่น !”

“ข้าไม่ต้องการที่จะใต้บังคับบัญชาของผู้ใดอีกแล้ว ข้าต้องการเอกราชอย่างแท้จริง !! ญี่ปุ่น… เป็นของข้า !”

“แน่นอน” ฉินเย่แย้มยิ้มและพยักหน้า “มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถสนับสนุนท่านได้ ในตะวันออกนี้… มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่มีความสามารถมากพอที่จะทำความปรารถนาของท่านให้เป็นจริง ในส่วนที่เกี่ยวกับความกังวลของท่าน… พวกเราได้คิดหาทางออกที่เป็นไปได้เอาไว้แล้ว”

เขายังคงแย้มยิ้มและเอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย “อย่างเช่น… หนึ่งยมโลก สองระบบ”

หมิงชีหยินกำลังดักฟังบทสนทนาของทั้งสองอยู่ด้านนอก และเขาก็แทบจะสำลักเมื่อได้ยินข้อเสนอของฉินเย่ บ้าไปแล้ว ?! เจ้าหนู… นี่เจ้าจริงจังอย่างนั้นหรือ ? เจ้าถึงขนาดนำกลยุทธ์ของปู่เติ้งออกมาเลยเนี่ยนะ ? นี่เจ้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้โอดะโนบูนางะยอมมาอยู่ฝั่งเดียวกับตนเลยใช่หรือไม่ ? [1]

โนบูนางะที่ได้ยินข้อเสนอนี้เองก็มึนงงไม่แพ้กัน

นี่มันบ้าอะไรกัน ?!

โนบูนางะเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ในตำนาน ทว่าข้อเท็จจริงที่ว่าเขามาจากยุคสงครามระหว่างแคว้นนั้นยังคงอยู่ นับประสาอะไรกับส่งครามระหว่างรัฐของจีน มันจึงเป็นธรรมดาที่ความคิดของเขาในตอนนี้จึงมีเพียงอย่างเดียว การรวมเป็นหนึ่ง !

หนึ่งยมโลก สองระบบ นี่คือแนวคิดที่ถูกสร้างขึ้นจากความเจือจางในอำนาจอธิปไตย ดังนั้นมันจึงเป็นข้อห้ามอย่างสิ้นเชิงสำหรับขุนกำลังที่มีเป้าหมายชีวิตคือการรวมเป็นหนึ่งอย่างเขา

“นะ หนึ่ง… หนึ่งยมโลก สองระบบ ?” ศีรษะที่อยู่ในช่องอกเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“หนึ่งประเทศ… เอ่อ… ยมโลก แบ่งการปกครองเป็นสองระบบ” ราวกับได้รับพรทางด้านสติปัญญา ฉินเย่รีบเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว “ยมโลกของจีนจะถูกพัฒนาและสร้างขึ้นบนรากฐานของสังคมนิยมและขยายโดยค่านิยม วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมของจีน เมื่อเราสามารถพิชิตญี่ปุ่นได้ ท่านสามารถก่อตั้งระบบการปกครองได้ตามที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทุนนิยม สังคมนิยมหรืออื่น ๆ พวกเราจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือตั้งคำถามใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว !”

แม้แต่คนอย่างโนบูนางะก็ค่อนข้างงุนงงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

นี่มันไม่ถูกต้อง…

ศัพท์มากมายพวกนี้มาจากไหนกัน ? มันเหมือนกับว่า… การเจรจาในตอนนี้แตกต่างจากการเจรจาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

แต่คนฉลาดมักจะพูดน้อยแต่คิดเยอะ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “การปกครองเช่นนี้ไม่เคยมีบันทึกมาก่อนในประวัติศาสตร์”

“คำเหล่านี้คือคำที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ และพวกมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเราให้คุณค่ากับท่านมากเพียงใด” ฉินเย่ตอบพร้อมกับประสานมือเข้าด้วยกัน “หากท่านยังไม่พอใจกับข้อเสนอนี้ เรายังคงมีตัวเลือกอื่น ๆ อีก”

โอดะโนบูนางะไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาครุ่นคิดถึงคำถามที่ว่าเขาขาดการติดต่อจากสังคมสมัยใหม่มานานแค่ไหน แต่… ทั้งหมดที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายมโลกของจีนให้คุณค่ากับเขามากแค่ไหน ?

หากเขารู้ความจริงเกี่ยวกับการล่มสลายของยมโลก มันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะพุ่งไปกัดฉินเย่ให้ตายทันทีแน่นอน

ฉินเย่ลดความก้าวร้าวของตนและให้เวลาโอดะโนบูนางะในการคิด และเขาเอ่ยเสริมว่า “ข้อตกลงอีกรูปแบบหนึ่งก็คือข้อตกลงเขตปกครองพิเศษ”

“มันคืออะไร ?”

“นี่คือข้อตกลงที่เราจะทำหากท่านเต็มใจที่จะให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีกับยมโลกของจีน หลังจากนั้นท่านก็จะได้รับการแต่งตั้งในฐานะของยมทูตอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน และท่านสามารถพัฒนามันได้อย่างอิสระตามต้องการ ทั้งหมดที่เราจะทำมีเพียงจัดหาเสบียงและกองกำลังให้ท่านเท่านั้น”

“ท่านสามารถพัฒนาญี่ปุ่นให้เป็นมหาอำนาจทางวัฒนธรรม หรือเปลี่ยนให้เป็นเขตเศรษฐกิจหรือเขตทางทหารก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านทั้งสิ้น พวกเราสัญญาว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเลยแม้แต่นิดเดียว”

ใครบอกว่าเขามองภาพรวมไม่เป็น ?

ไม่ได้อยากจะอวดนะ แต่เมื่อเป็นเรื่องของความไร้ยางอาย จะมีใครสามารถสู้เขาได้อย่างนั้นเหรอ ?

แววตาของโนบูนางะเบิกกว้างขึ้น

ช่างกล้าดีจริง ๆ!

สองข้อตกลงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการยกย่องจากยมโลกของจีนมากเพียงใด ทั้งหมดที่เขาต้องทำมีเพียงให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีกับจีน จากนั้นก็เอาชนะญี่ปุ่น และเขาก็จะได้เป็นจักรพรรดิของญี่ปุ่น !

ภายในใจของเขาร้อนขึ้นขณะที่เอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า “เจ้าจะไม่เข้ามายุ่ง แม้ว่าข้าจะสังหารผู้ใดก็ตาม ?”

“ไม่”

“เจ้าจะไม่สนใจ แม้ว่าข้าจะประกาศตนว่าเป็นกษัตริย์ของญี่ปุ่น ? แล้วเรื่องเกี่ยวกับการเงินและกิจการภายในเล่า ? เจ้าสามารถรับรองได้หรือไม่ว่าเจ้าจะไม่ส่งผู้ใดเข้าแทรกแซงในหน่วยงานเหล่านี้ ?”

ฉินเย่พยายามข่มความดีใจที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในใจของตัวเอง “เราจะไม่เข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน ตราบใดที่ท่านไม่ก่อกบฏต่อเราหรือก่อจลาจล ท่านสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ท่านสามารถเรียกตัวเองว่ากษัตริย์ก็ได้ เพราะอย่างไรแล้วมันก็เป็นเพียงตำแหน่งสำหรับพวกเราเท่านั้น”

“ท่านโอดะ” ฉินเย่จ้องเข้าไปในตาของอีกฝ่าย “ท่านไม่ใช่หุ่นเชิด แต่พวกเราต้องการท่านในฐานะของ… เพื่อนร่วมงาน…”

“ตอนนี้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของท่านได้ หากท่านถูกพาไปยังส่วนลึกของเมืองใต้พิภพแล้วล่ะก็ ท่านจะไม่มีทางได้กลับเข้ามาอีกเลย !”

และนี่ก็คือความจริง มันเป็นรั้วที่โนบูนางะจะไม่สามารถหลบหนีออกมาได้อีกเลย

ตราบใดที่โนบูนางะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เขาย่อมเข้าใจดีว่าอิซานามิจะไม่มีทางทนต่อการมีอยู่ของเขา ไม่สิ มันอาจจะถูกกว่าหากบอกว่าอิซานามิมาสามารถอดทนต่อการมีอยู่ของเขาในฐานะของสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของโชกุน แต่ไม่ใช่ในฐานะของผู้ที่มีความทะเยอทะยานมากจนทำให้เขาได้รับฉายาอย่างราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 !

ด้วยเหตุนี้โนบูนางะจึงรู้ดีว่าตัวเลือกเดียวของเขาในตอนนี้ก็คือการให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อยมโลกของจีน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมาจนถึงตอนนี้เป็นเพียงเพื่อทำให้เขามีอำนาจในการต่อรองเท่านั้น

ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด แต่ฉินเย่ก็ยังคงเงียบต่อไปเนื่องจากรู้ว่าตัวเองพูดออกไปมากพอแล้ว ฝ่ามือของเขาเปียกชื้นขณะที่เขารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน จากนั้นหลังจากผ่านไปพักใหญ่ โนบูนางะก็เอ่ยออกมาในที่สุด “ข้าต้องขอเวลาคิดดู….”

ฉินเย่เอ่ยแทรกขึ้นทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบ “ด้วยความเคารพอย่างสูง ท่านโอดะ แต่ท่านมีเวลาในการพิจารณาเงื่อนไขเหล่านี้มากขนาดนั้นเลยหรือ ?”

“เพื่อรักษาวิญญาณของท่าน ทางจีนของเรายอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อแย่งถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เราจะสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณของท่านออกมาได้ก็ต่อเมื่อประกอบถ้วยกลับเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่…” ฉินเย่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและยิ้ม “อีกสามวันหลังจากนี้ เรือที่ขนถ้วยใบนี้จะแล่นผ่านทางทะเลตะวันออก จากนั้น อีก 30 ชั่วโมง ท่านก็จะไปถึงที่ช่องแคบสึชิมะ สถานที่ศัตรูเก่าของท่าน… รอคอยท่านอยู่ก่อนแล้ว”

รุกฆาต !

ฉินเย่มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นหลังม่านไม้ไผ่ตอนนี้ แต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องมีดวงตาวาวโรจน์ที่จ้องเขม็งมาที่เขาอย่างแน่นอน มันดำเนินไปเช่นนี้เป็นเวลากว่าห้านาทีกระทั่งโนบูนางะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามาที่นี่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ ?”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…. หัวใจของฉินเย่เต้นเร็ว ๆ ขึ้น และดวงตาของเขาก็เป็นประกาย โนบูนางะกำลังถามว่าเขามีอำนาจที่จะทำข้อตกลงกับตนหรือไม่ !

การยืนยันครั้งสุดท้าย !

“แน่นอนว่าไม่” ฉินเย่ตั้งสติและพยายามสงบใจของตัวเอง เด็กหนุ่มรู้ดีว่าการเจรจาได้มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว และทุกอย่างก็จะได้ข้อสรุปในเวลาอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

“ท่านหมิงกำลังรออยู่ด้านนอก เรื่องในคราวนี้ถูกจัดให้เป็นปฏิบัติการลับสุดยอด ดังนั้นมันจึงมีเพียงเราทั้งสองที่มาที่นี่ในวันนี้ ข้อตกลงที่จะทำในวันนี้จะมีท่านหมิงเป็นพยาน สิ่งนี้พอจะช่วยบรรเทาความกังวลในจิตใจของท่านได้บางหรือไม่ ?”

โนบูนางะไม่ได้เอ่ยตอบออกไปโดยตรง “บอกข้อตกลงของเจ้าออกมา”

“ท่านโอดะ ข้อตกลงนี้จะมีรายละเอียดแยกย่อยอื่น ๆ อีก เพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาด พวกเราจึงไม่ได้นำมันมาด้วยในวันนี้ ขอเวลาพวกเราครึ่งวัน”

“แน่นอน” โนบูนางะพับพัดของตนเบาและปิดลงมาด้านล่างโดยสมบูรณ์ บ่งบอกว่าบทสนทนาระหว่างพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว

ถึงเวลาออกไปจากที่นี่แล้ว !

ฉินเย่ประสานฝ่ามือและกำปั้นเข้าด้วยกันเพื่อแสดงความเคารพก่อนจะเดินออกมาจากวัดฮนโน ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากประตูทางเข้าหลักของวัด ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าของเด็กหนุ่มพลันพร่าเลือนบิดเบี้ยว และประกายแสงสีดำก็เริ่มปกคลุมไปทั่ว ทำให้เด็กหนุ่มหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว

หลายนาทีผ่านไป เมื่อฉินเย่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับมาที่โรงแรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ให้ตายเถอะ !!” ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะปล่อยหมัดลงไปที่เตียงหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตนอยู่ไหน ในขณะเดียวกัน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

อีกแค่นิดเดียว… ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือร่างข้อตกลงและรับรองมันด้วยลายเซ็น จากนั้น… ทันทีที่เข้าไปที่ยมโลก ข้าอยากจะรู้เช่นกันว่าเจ้าจะสามารถหนีไปที่ไหนได้ โอดะ โนบูนางะ สหายที่รักของข้า…. !

“ไม่เลวเลยนี่…” หมิงชีหยินลอยอยู่รอบ ๆ อีกฝ่าย “ไม่ว่าในแง่ของการจับประเด็น ความไร้ยางอาย หรือแม้แต่ความสามารถในการปรับตัว ตลอดจนการควบคุมบทสนทนาในการเจรจา ข้าให้คะแนนเต็มทั้งหมด !…”

“ท่านพูดอะไรของท่าน ?” ฉินเย่แคะหูของตนจากนั้นจึงเป่าไปที่นิ้วของตนขณะกลอกตาให้กับกระจกโบราณ “ข้าเพียงพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยยกระดับยมโลกของเราก็เท่านั้น ท่านเองก็ควรอ่านหนังสือให้มากกว่านี้ มันจะสามารถช่วยเราได้มากเลย”

“เฮอะ !!” หมิงชีหยินลอยไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นราวกับผีเสื้อ “ข้าขอถามอะไรเจ้าอย่าง ! เจ้าไว้วางใจที่จะมอบพลังและอำนาจทั้งหมดนั้นให้โนบูนางะจริง ๆ น่ะหรือ ?”

“อ่าฮะ…” ฉินเย่เอนตัวพิงโซฟาอย่างสบายและเอ่ยเสียงเบา “มันเป็นธรรมดาที่ข้าต้องแสดงความไว้วางใจให้เขาเห็นบ้างไม่ใช่หรือ ? ข้าสามารถมอบอำนาจให้เขาโดยสมบูรณ์ได้ภายใต้ข้อตกลงแรก แต่เพียง… ทางจีนจะไม่จัดหาเสบียงใด ๆ ให้กับเขาเลย อยากได้ความเป็นเอกราชไม่ใช่หรือ ? เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเริ่มสร้างทุกอย่างด้วยตนเองตั้งแต่ต้น และเมื่อเวลานั้นมาถึง… เขาก็จะกลับมาขอความช่วยเหลือจากเราด้วยความเต็มใจของเขาเอง”

ให้ตายเถอะ… นั่นมันใจดำเกินไปแล้ว แม้ว่าจะวัดด้วยมาตรฐานของยมโลกเองก็ตาม… หมิงชีหยินถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างมาก “แล้วถ้าหาก… เขาตัดสินใจเลือกข้อตกลงเขตปกครองพิเศษเล่า ?”

“ข้าจะบอกอะไรท่านอย่าง” ฉินเย่ยกขาขึ้นไขว่ห้าง “เมื่อพูดถึงเรื่องของการเมืองและการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่มีผู้ใดเก่งไปกว่าจีน ท่านรู้เกี่ยวกับระบบราชการหรือไม่ ? หากเขาให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีกับเราภายใต้ข้อตกลงเขตปกครองพิเศษ มันก็ยังมีผลประโยชน์อีกมากมายที่ข้าสามารถกอบโกยจากเขาได้ ท่านเคยดูซีรีย์เรื่อง ‘ในนามของประชาชน’ หรือไม่ ? ลองเรียนรู้จากมันดู” [2]

“…ให้ตายเถอะ …เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะก่อกบฏเมื่อรู้ความจริงเลยหรือ ?”

“ก่อกบฏ ? ด้วยอะไรล่ะ ? ตัวเขากับทหารราบอีก 2,000 นายน่ะหรือ ?” ฉินเย่แค่นหัวเราะออกมาและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “การที่วิญญาณญี่ปุ่นมาขอความช่วยเหลือจากจีนเพื่อเอาชนะยมโลกของญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าวิญญาณญี่ปุ่นจะกล้าก่อกบฏและทำให้จีนแปรพักตร์ไปร่วมมือกับยมโลกของญี่ปุ่น ? ท่านคิดว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงพันปีก่อนหรืออย่างไร ?”

“หากเขากล้าวางแผนก่อกบฏแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะถูกโยนลงไปในหุบเหวของขุมนรกทันที ตอนนี้ข้ามีวิญญาณกว่าแสนตนอยู่ภายใต้บังคับบัญชา นั่นมันมากเพียงพอที่จะหยุดการก่อจลาจลที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ข้าจะรีบแต่งตั้งตำแหน่งให้เขาทันทีที่เขาไปที่ยมโลก เพราะไม่ว่าอย่างไร… เขาก็จะไม่รู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการในนรกอยู่แล้ว หากพูดอีกอย่างก็คือข้าจะควบคุมเขาด้วยความไม่ครบถ้วนทางข้อมูล หากพูดสั้น ๆ ก็คือ ตราบใดที่ข้าสามารถประมูลถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีและนำมันกลับไปที่เมืองเป่าอันได้ เขาก็จะไม่ต่างอะไรกับแป้งเกี๊ยวซ่าที่อยู่ในกำมือของข้า ข้าสามารถปั้นให้เขาเป็นรูปร่างอะไรก็ได้ !”

เงียบ….

วินาทีต่อมา หมิงชีหยินก็ถอนหายใจยาวเหยียด “สมกับที่เป็นจอมเจ้าเล่ห์… วิธีการนี้มันสกปรกเกินไปจริงๆ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าจะทรยศต่อความคาดหวังของเขาแบบนี้ หยาบคายและไร้ความงดงาม !”

เจตนารมณ์ร่วมในข้อตกลงล่ะ ? ไหนยังความซื่อสัตย์ ? ความเชื่อใจระหว่างสองชาติ ? ให้ตายเถอะ… นี่คือว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไปของพวกเขาจริง ๆ น่ะหรือ ?

อนาคตของยมโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง…

หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง ฉินเย่ก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำ จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตนเอง เปิดคอมพิวเตอร์และเข้าไปยังไป่ตู้เพื่อเริ่มค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ

มันยังไม่ถึงเวลาที่จะพัก…

ตอนนี้เขาสามารถสร้างสัมพันธ์กับพันธมิตรฝ่ายแรกได้แล้ว แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่านี่มันยังไม่พอ เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของยมโลกญี่ปุ่น ยมโลกที่อยู่มานานนับพันปี มันไม่มีมาตรการใดเพียงพอสำหรับการเผชิญหน้าในครั้งนี้

“เจ้ากำลังทำสิ่งใด ?” เมื่อเห็นว่าฉินเย่เข้ามาในหน้าเว็บไซต์ของห้องสมุดไป่ตู้ หมิงชีหยินก็ถามออกมา “เขาไว้ใจท่านเปา เขารู้ดีว่าในยมโลกแห่งเก่า การปรากฏตัวของข้านั้นมีความหมายเช่นเดียวกันกับการปรากฏตัวของท่านเปา ดังนั้นการมีอยู่ของข้าคือสิ่งเดียวที่เจ้าต้องการ มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าจะต้องคิดมากเกี่ยวกับการร่างข้อตกลงเลยมิใช่หรือ ?”

“ท่านหมิง” ฉินเย่ถามออกมาขณะที่มือยังคงพิมพ์ต่อไป “ท่านคิดว่ามีกองทัพญี่ปุ่นกี่คนที่รวมตัวอยู่ที่ทะเลตะวันออกในตอนนี้ ?”

กระจกโบราณส่ายไปมาเล็กน้อย “ข้าไม่แน่ใจ… แต่ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเกิน 6,000 อาร์ทิสคงจะเคยบอกเจ้าแล้วว่าขนาดของยมโลกแต่ละแห่งนั้นเทียบได้กับขนาดของประเทศนั้น ๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ใหญ่มาก จากบันทึกของข้า จำนวนสูงสุดที่พวกนั้นสามารถระดมได้น่าจะอยู่ประมาณ 6,000 ตัวเลขเดียวกันกับทุกครั้งที่พวกนั้นมาเพื่อท้าประลองกับยมโลกของเรา”

นิ้วของฉินเย่ชะงักไปขณะที่เขาเอ่ยถามต่อ “แต่ตอนที่อานูบิสบุกเข้ามาทางพรมแดนตะวันตกของจีนเมื่อนานมาแล้ว ข้าจำได้ว่าท่านเคยบอกว่ากองกำลังของเขามีมากถึง 100 ล้านเลยมิใช่หรือ ?”

หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นรีบตอบกลับไปทันทีว่า “นั่นไม่เหมือนกัน ! นั่นคือการสำรวจอย่างเป็นทางการ ! มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างยมโลกของประเทศต่าง ๆ …เจ้ายังไม่ได้อยู่ในจุดที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างยมโลก ทั้งหมดที่เจ้าต้องรู้ในตอนนี้ก็คือภายใต้สถานการณ์ที่เงียบสงบ มันไม่มีเหตุผลที่ยมโลกจะต้องเปิดพรมแดนของตัวเองเลยสักนิด เพราะอย่างไรแล้ว นั่นก็จะเทียบได้กับการประกาศให้ยมโลกอื่น ๆ ได้รับรู้ว่าพวกเขาจะกำลังจะเริ่มทำสงคราม”

“และนั่นก็ไม่ต่างอะไรไปกับการหาเรื่องตาย !”

[1] ปู่เติ้งในที่นี้หมายถึงเติ้ง เสี่ยวผิง และหนึ่งยมโลก สองระบบก็อ้างอิงมาจากระบบการปกครองของมาเก๊าและฮ่องกง

[2] ซีรีย์เรื่องในนามของประชาชน (人民的名义) ซีรีย์จีนที่ฉายในปี 2017 ซึ่งพูดเกี่ยวกับประเด็นการเมืองและเสนอนโยบายการปราบปรามคอร์รัปชัน