บทที่ 237: การเจรจากับราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 (2)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 237: การเจรจากับราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 (2)

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

เป็นเวลากว่าสามนาทีเต็มกว่าที่โอดะโนบูนางะจะเอนตัวไปด้านหน้าและเอ่ยเบา ๆ “ฉลาดพูด”

แต่ก่อนที่ฉินเย่จะได้ตอบอะไรออกมา โนบูนางะก็เอ่ยต่อพร้อมกับแย้มยิ้มบาง “ระหว่างเป็นหุ่นเชิดของจีนกับการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอิซานามิ ข้าเลือกที่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะอย่างน้อยข้าก็ยังได้พบเจอกับสหายเก่า ๆ ของตนเอง”

ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับม่านไม้ไผ่นั้นโปร่งใส หลังจากผ่านไปสักพัก ฉินเย่ก็เลือกที่เมินข้ามเรื่องนี้และเอ่ยอย่างใจเย็น “ท่านรู้หรือไม่ว่าจุดหมายปลายทางของเราในตอนนี้ก็คือทะเลตะวันออกของจีน ?”

“เหรอ ?”

“และที่นั่นก็มีกลุ่มที่มีชื่อเสียงของยมโลกญี่ปุ่นรวมตัวอยู่ที่นั่น รอคอยการมาถึงของท่านอย่างอดทน”

ดวงตาของโอดะโนบูนางะวาวโรจน์ขึ้นก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่อีกฝ่ายกระทำเช่นนั้นมันชัดเจน

อิซานามิไม่ไว้ใจเขา

นางรู้ดีว่าคนอย่างโอดะโนบูนางะจะต้องไม่มีทางยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนางอย่างเต็มใจ ความแค้นของเขานั้นฝังรากลึกเกินไป และเพราะว่านางตระหนักถึงความโกรธแค้นและความเกลียดชังที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของเขาตลอด 400 ปีเป็นอย่างดี นางจึงพร้อมที่จะใช้มาตรการที่รุนแรงที่สุดเพื่อ “เชิญ” เขากลับไปที่เมืองใต้พิภพ

และบังเอิญว่านี่ก็เป็นไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของฉินเย่ตอนนี้เช่นกัน

มันไม่มีที่ว่างสำหรับวิญญาณที่ทะเยอทะยานอีกตนหนึ่งในยมโลกของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นในเวลานี้คือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและศิลปะ พวกเขาจะทนโอดะโนบูนางะและความคับแค้นใจอันรุนแรงที่สั่งสมมาหลายร้อยปีได้อย่างไร ?

อิซานามิต้องการจะแย่งดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะไปเพื่อเป้าประสงค์ของตนเอง ในขณะที่องเมียวจิได้รวมตัวกันเพื่อกำจัดดวงวิญญาณของเขา มันไม่มีที่สำหรับเขาในญี่ปุ่นอีกแล้ว

หากจะต่อต้าน โอดะโนบูนางะก็จะต้องถูกกองกำลังของอิซานามิกำจัดอย่างแน่นอน กองกำลังของวิญญาณตรงหน้าและของอิซานามิแตกต่างกันเกินไป !

ฉินเย่รู้ถึงสิ่งนี้เป็นอย่างดี และโอดะโนบูนางะเองก็เช่นกัน หากพูดกันตามจริง มันเป็นเพราะว่าเขาตระหนักได้ถึงสิ่งนี้เป็นอย่างดีเขาถึงโมโหแบบนี้

“นั่นเป็นความจริงหรือ ?” ที่ด้านหลังของม่านไม้ไผ่ โนบูนางะกัดฟันกรอด

“แน่นอน” ฉินเย่ตอบ “ข้าเองก็เช่นกัน เพิ่งค้นพบความจริงนี้เข้าเมื่อไม่นานมานี้ เหลือเวลาอีกไม่มาก ข้าเกรงว่าเราคงจะต้องร่วมมือกันหากเราต้องการที่จะผ่านเรื่องในครั้งนี้ไปได้”

เกิดความเงียบขึ้นเป็นครั้งที่สาม

ครั้งนี้ ความเงียบที่เกิดขึ้นกินเวลาถึงสิบนาที และทันใดนั้นเอง โนบูนางะก็หัวเราะออกมา “ข้าต้องขอยอมรับเลยว่าเจ้าเป็นคนที่จับประเด็นได้เก่งมาก”

ฉินเย่ยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ

“แต่…” โนบูนางะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบดังเดิม “ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าอิซานามิจะยอมไว้ชีวิตข้าหรือไม่หากข้านำหัวของเจ้าไปวางไว้เบื้องหน้าของนาง ?”

เปลวไฟนรกที่ลุกโชนอยู่รอบ ๆ วูบไหวอย่างรุนแรง และเสียงกรีดร้องที่เย็นยะเยือกที่น่าขนลุกก็ดังก้องไปทั่วห้อง

โนบูนางะกางพัดออกและยกม่านไม้ไผ่ขึ้นเล็กน้อย “ข้าอยากรู้ว่ามันจะเพียงพอที่จะทำให้ข้าได้รับความไว้วางในจากนางบ้างหรือไม่…”

ฉินเย่หลับตาลง “ท่านแน่ใจแล้วหรือ ? ท่านหมิงยังคงรอข้าอยู่ด้านนอก…”

“แน่นอน ข้าอยากจะลองดู” โนบูนางะหัวเราะออกมาเบา ๆ เบื้องหลังม่านไม้ไผ่

แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ คลื่นพลังหยินที่รุนแรงก็พลันปะทุออกมาจากร่างของฉินเย่และห่อหุ้มร่างของเด็กหนุ่มด้วยวังวนพลังหยินขนาดใหญ่ ในชั่วพริบตา ฉินเย่เปลี่ยนไปสวมหมวกทรงสูงปักด้วยดิ้นทองและถือไม้ขกสังปั๊งไว้ในมือ ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและสยายออกไปขณะที่เขาเดินกลับออกมาในสถานะของยมทูตขาวดำ มือกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนเอื้อมไปที่จุดที่เขาเคยนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แทบจะเหมือนกับว่ามันคือส่วนหนึ่งของเส้นทางที่นำไปสู่นรก

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงขัดขืนความเป็นไปของสวรรค์ ?!” ฉินเย่เอ่ยออกมาอย่างเหยียดหยามและส่ายไม้ขกสังปั๊งของตน ทันใดนั้นสายลมอันรุนแรงก็พัดเข้ามาภายในห้อง เสียกรีดร้องอันโหยหวนดังขึ้นให้ได้ยิน เสื้อผ้าของเขากระพืออย่างบ้าคลั่ง “เจ้าไม่เกรงกลัวผลที่ตามมาของการตัดสินใจในครั้งนี้เลยสินะ ?”

“ข้าคือผู้ตัดสินทางเดินของตนเอง” โนบูนางะหัวเราะออกมา

“ตราบใดที่พวกเจ้าไม่สามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ มันก็จะไม่มีผู้ใดรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเจ้าเคยมาที่นี่มาก่อน…”

“โนบูทาดะ มุไร ซาดาคัตสึ ฆ่ามัน !”

ประตูเลื่อนภายในวัดถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ฉินเย่พบว่าโครงกระดูกสองชุดที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้เงยหน้าขึ้น และเปลวไฟนรกสีเขียวหยกก็ลุกโชนขึ้นในส่วนที่ควรจะเป็นเบ้าตา พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่โหยหวน ทั้งสองพุ่งเข้าหาฉินเย่อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน เหล่าทหารราบ นักธนู และสาวใช้ที่ซ่อนตัวอยู่ในภาพอูกิโยะก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับประกายสีเขียวที่น่าขนลุก วัดฮนโนที่ว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนทันที สายลมหยินส่งเสียงดังก้องขณะที่เหล่าวิญญาณกรีดร้องอยู่ภายในเงามืด

แซ่กกกกซ่าาาาาา ! วิญญาณสาวใช้ที่ผมเผ้าไม่เป็นทรงพุ่งออกมาจากภาพอูกิโยะ ตามมาด้วยวิญญาณอื่น ๆ อีกนับร้อยตน พร้อมด้วยอาวุธมากมายตั้งแต่มีดทำครัวไปจนถึงปืนที่ขึ้นสนิม วิญญาณที่อยู่ภายใต้การควบคุมของโนบูนางะพุ่งตรงเข้ามายังห้องด้านในสุดทันที

ทั่วทั้งสถานที่สั่นสะเทือน พลังหยินพรั่งพรูออกมาจากทั่วทุกมุมและหลั่งไหลมารวมกันที่ห้องด้านในสุดราวกับกระแสน้ำที่รุนแรง บดบังร่างเงาของเหล่าวิญญาณที่รวมตัวกันเป็นกองกำลังที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ฉินเย่ถอนหายใจออกมา พวกคนใหญ่คนโตพวกนี้ไม่ง่ายที่จะเจรจาด้วยเลยสักนิด ดูเหมือนว่าเราคงจะต้องถอยก่อนแล้ว !

“เช่นนั้น ท่านโอดะ ข้าคงต้องขออภัย” ฉินเย่ยกไม้ขกสังปั๊งขึ้นในอากาศก่อจะตบลงไปที่ม่านไม้ไผ่อย่างจัง ทำให้มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะพุ่งเข้าหาชายผู้นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของม่าน

เร็วมาก

นี่คือการต่อสู้ระหว่างขั้นยมทูตขาวดำ และทั้งสองก็ปลดปล่อยการโจมตีมากมายด้วยความเร็วมหาศาล ฉินเย่จู่โจมโอดะโนบูนางะด้วยความเร็วที่อยู่เหนือกว่าขั้นนักล่าวิญญาณ ร่างของเขาดูราวกับกำลังกะพริบอยู่ ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาของการกระทำก่อนหน้าเท่านั้น

เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเร็วเสียง

เมื่อม่านไม้ไผ่พังทลาย ในที่สุดฉินเย่ก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของราชาปีศาจเป็นครั้งแรก

อีกฝ่ายเป็นเพียงชายที่ถูกเผาไปทั่วทั้งร่าง

มันไม่มีผิวหนังเหลืออยู่บนร่างของเขาอีกต่อไป ที่บาดแผลก็ไม่มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน กลับกัน ผิวหนังที่ไหม้เกรียมและเลือดที่แห้งกรังของเขาดูเหมือนจะหลอมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นคราวสีดำบนร่าง เขาแต่งกายด้วยชุดฮาโอริสีเข้มและหมวกของไดเมียว แต่ถึงกระนั้น เขากลับไร้ซึ่งส่วนที่ควรจะเป็นศีรษะ

ในเวลาเดียวกันกับที่ฉินเย่พุ่งออกไปพร้อมกับไม้ขกสังปั๊ง บริเวณอกของศพไร้หัวก็ระเบิดออก เผยให้เห็นซี่โครงซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผิวหนังที่ไหม้เกรียมและเลือดอย่างน่ารังเกียจ และ ณ จุดนั้น ใจกลางบริเวณอกของศพ ศีรษะของโนบูนางะปรากฏอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นตำแหน่งของหัวใจ เขาอ้าปากและเปล่งเสียงคำรามที่ดังสนั่นไปยังไม้ขกสังปั๊งซึ่งกำลังจะมาถึงตน

โฮกกกกกก !

เสียงคำรามของเขาถูกเสริมด้วยพลังของขั้นยมทูตขาวดำ ทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นขุมนรกที่มืดมิดซึ่งหมุนวนอยู่ในดวงตา พลังหยินที่รุนแรงหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดราวกับคลื่นสึนามิที่ก่อตัวเป็นอสรพิษสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าหาฉินเย่และพยายามจะกลืนกินร่างของเด็กหนุ่ม

“คิดว่าความฉลาดพูดของเจ้าจะทำให้ข้าเชื่อเรื่องทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ?” เสียงที่ดังสนั่นของโนบูนางะทำให้ทั้งวัดฮนโนสั่นไหวอย่างรุนแรง “ข้าคือราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ! เจ้าดูถูกข้ามากเกินไปแล้ว !”

“ฆ่ามันซะ !”

ทว่าทันใดนั้นเอง–…

โฮกกกกก !

เสียงที่ดังสนั่นไม่แพ้กันทำให้วัดฮนโนต้องสั่นไหวเป็นครั้งที่สอง รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้น แผ่กระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทหารราบทั้งหมดจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหวั่นสะพรึง เปลวไฟนรกสีเขียวหยกลุกโชนขึ้นมาจากรอยแตกพวกนั้นในขณะที่ต้นไม้โดยรอบเริ่มโน้มลงมาราวกับมีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังกดพวกมันเอาไว้

ครั้งนี้ มันไม่ใช่เพียงวัดฮนโนเท่านั้นที่สั่นไหว

แต่เป็นทั้งมิติกำลังสั่นสะเทือน !

ขุมพลังที่มหาศาลอย่างไม่สามารถเปรียบได้ปรากฏขึ้นโดยไร้ซึ่งคำเตือนและปกคลุมทั่วทั้งมิติ เสียงอันทรงพลังของหมิงชีหยินดังก้องไปทั่ว “ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?”

“เจ้ากล้าโจมตีคนของข้าอย่างนั้นหรือ ?”

รัศมีอันรุ่งโรจน์ฉายออกมาจากกระจกราวกับแสงของดวงอาทิตย์ในยามรุ่งสาง

แสงสว่างดังกล่าวสาดส่องไปทั่วทุกมุมของวัด และวิญญาณทั้งหมดต่างพากันกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวขณะที่พวกมันทรุดตัวลงกับพื้น สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว จากนั้น ขณะที่แสงนั้นค่อย ๆ หายไป วิญญาณเหล่านั้นพลันกลับไปอยู่ประจำที่ของตนภายในอูกิโยะดังเดิม

ฟึ่บ… ภายในห้องด้านในสุดยังคงส่องสว่างด้วยประกายแสงดังกล่าว มันคือแสงที่โนบูนางะไม่ได้เห็นมานานกว่าร้อยปี และตอนนี้ มันทำหน้าที่คล้ายกับไฟสปอตไลท์ที่ฉายไปยังขั้นยมทูตขาวดำทั้งสองที่กำลังจ้องตากันอย่างดุเดือด

ฉินเย่ยืนนิ่ง นิ้วมือของเขาจับอยู่บนแขนของตนเอง ในขณะที่อสรพิษสีดำยังคงยังคงพุ่งมาหาเด็กหนุ่มอย่างดุร้ายแต่ก็ไม่สามารถที่จะผ่านม่านพลังหยินที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้ได้

เขาได้รับการปกป้องโดยศักดิ์ศรีแห่งอำนาจ

เม็ดเหงื่อเย็นไหลมาตามสันกราม พวกเขาปะทะกันอย่างรุนแรง ไม่ปล่อยช่องว่างให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้ หากงูพวกนี้พุ่งเข้ามาอีกแม้แต่นิดเดียวเขาก็พร้อมที่จะปลดปล่อยจิตวิญญาณใบมีดออกมาทันที

ฉินเย่และโนบูนางะจ้องตากันนิ่ง ทว่าไม่มีใครลงมือ

จากนั้น หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที เหล่าอสรพิษตรงหน้าก็เริ่มถอยกลับไปและโนบูนางะก็ทำราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ม่านไม้ไผ่ชุดใหม่ห้อยลงมาตรงหน้าของเขาอีกครั้งก่อนที่ราชาปีศาจจะตบเสื่อทาทามิตรงหน้าของตนเบา ๆ ด้วยพัดในมือ “เชิญนั่ง เมื่อครู่ข้าใจร้อนเกินไป”

ฉินเย่เดินเข้าไปนั่งอย่างหวาดระแวงขณะที่พยายามข่มหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง

แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ !

ความแค้นใจที่สั่งสมมานับร้อยปีทำให้เขามีพื้นฐานที่จะกลายเป็นภูตผีคลุ้มคลั่งได้อย่างง่ายดาย ฉินเย่สามารถบอกได้จากการสนทนาของพวกเขาว่าโนบูนางะนั้นแตกต่างจากวิญญาณร้ายอื่น ๆ ที่เขาเคยเผชิญหน้ามาในอดีตอย่างสิ้นเชิง อันที่จริง อีกฝ่ายอยู่คนละระดับกว่าวิญญาณพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ !

พลังหยินของโนบูนางะเกือบจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว สิ่งนี้บอกฉินเย่ว่าวิญญาณตรงหน้าอยู่ขั้นยมทูตขาวดำระดับสูงเป็นอย่างต่ำ อันที่จริง เขาอาจจะเกือบบรรลุเป็นขั้นตุลาการนรกแล้วด้วย !

และที่สำคัญที่สุด ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมโนบูนางะถึงลงมืออย่างกะทันหัน…

เหตุผลของเรื่องนี้มีอยู่สองประการ ประการแรกก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าฉินเย่เป็นฝ่ายรุกในการเจรจามาโดยตลอด และความอุกอาจนี้ก็อาจไปกระตุ้นสัญชาตญาณของโนบูนางะขึ้นมา

ประการที่สอง ซึ่งสำคัญกว่าประการแรก โนบูนางะไม่เชื่อใจเขา และอีกฝ่ายก็ต้องการรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของฉินเย่คือใคร หรืออีกนัยหนึ่งก็คือวิญญาณตรงหน้าต้องการรู้ถึงขอบเขตของข้อเสนอที่ฉินเย่สามารถมอบให้กับตน !

และยิ่งเด็กหนุ่มคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าโนบูนางะคงจะไม่โจมตีเขาอย่างแน่นอน ต่อให้หมิงชีหยินจะไม่ลงมือก็ตาม เพราะอย่างไรแล้ว มิติที่ไม่เสถียรแห่งนี้ก็คงจะไม่สามารถทนต่อการต่อสู้ระหว่างขั้นยมทูตขาวดำทั้งสองได้

ในทางกลับกัน หากหมิงชีหยินปฏิเสธที่จะแสดงเศษเสี้ยวอำนาจของท่านเปา โนบูนางะก็จะสามารถอนุมานได้ว่าตนไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในแผนการของยมโลก และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทิศทางในการเจรจาก็คงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ดูเหมือนท่านโอดะจะไม่ค่อยเชื่อใจข้าเท่าใดนัก” ทั้งสองฝ่ายไม่เอ่ยถึงการต่อสู้เมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย ฉินเย่เริ่มระดมยิงกระสุนนัดแรกในการเจรจาครั้งใหม่ของพวกเขา “ท่านไม่คิดว่าวิธีการตรวจสอบเช่นนี้มันรุนแรงเกินไปหน่อยหรือ ?”

“มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากทีเดียว” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของโนบูนางะนั้นนิ่งสงบ “อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าท่านเปาตั้งใจที่จะเดิมพันกับข้าไม่ใช่หรือ ?”

“เรามาคุยกันต่อจากจุดที่ได้ค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้เถอะ” เสียงของเขาทุ้มลงกว่าเดิมและโนบูนางะก็ดึงม่านขึ้นไปจนหมด “อย่างที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ บอกมาว่าข้อเสนอของเจ้าคืออะไรและเงื่อนไขของเจ้าคืออะไร”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ในที่สุดก็เข้าเรื่องสักที

เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องถูกดึงดูดด้วยข้อเสนอของเขาแน่นอน

หนึ่งในสิ่งที่ฉินเย่เกลียดที่สุดก็คือการได้รับคำตอบอย่าง “เหรอ ? ข้าเข้าใจแล้ว” และ “ข้าจะลองคิดดู” การต่อสู้เมื่อครู่นี้อาจจะรุนแรง แต่มันเป็นวิธีเดียวที่โนบูนางะจะสามารถเชื่อถือได้

การปรากฏตัวของหมิงชีหยินทำให้เขาคิดว่าท่านเปากำลังเดิมพันกับตน เพราะอย่างไรแล้ว เหตุการณ์ล่มสลายของยมโลกก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดจะคาดถึง ดังนั้นยิ่งโนบูนางะถูกต้อนมากเท่าไหร่ ความต้องการในการหาทางออกของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และความมั่นใจของฉินเย่เองก็เช่นกัน

“ประการแรก พวกเราจะช่วยท่านจากทะเลตะวันออก” ฉินเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีที่ท่านอาศัยอยู่กำลังเดินทางไปที่ช่องแคบสึชิมะเพื่อถูกขายในงานประมูลที่กำลังจะถูกจัดขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดบางประการ ข้างเกรงว่าเราจะไม่สามารถเข้าถึงถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีได้ก่อนที่จะถึงงานประมูล ทางอิซานามิได้ก่อตั้งกองกำลังของนางไว้ที่ช่องแคบสึชิมะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันไม่มีทางเลยที่ท่านจะสามารถฝ่าวงล้อมของอีกฝ่ายได้โดยปราศจากการสนับสนุนจากพวกข้า”

โนบูนางะครางออกมาเสียงเบาเป็นการรับรู้

“ประการที่สอง ท่านจะกลับมาที่จีนกับเรา ในฐานะของเลขาธิการตนแรกของท่านจ้าวนรก ข้ารับรองเลยว่าท่านจะได้รับอิสระในการกระทำสิ่งต่าง ๆ โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้เราจะช่วยให้การสนับสนุนท่านในการรุกรานญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ในภายภาคหน้า อย่างไรก็ตาม ท่านจะต้องปฏิญาณว่าจะสวามิภักดิ์ต่อยมโลก และเป็นหนึ่งในประชากรของเรา”

โนบูนางะแค่นหัวเราะ “หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ในอนาคต หลังจากที่ข้าสามารถยึดครองญี่ปุ่นได้แล้ว ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ในท้ายที่สุดก็คือยมโลกของจีน ข้าจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิของญี่ปุ่น อย่างมากที่สุดข้าก็น่าจะถูกผลักไสให้เป็นเจ้าแห่งอาณาจักรแห่งหนึ่งของจีนแทน”

“ขออภัย ท่านยมทูตผู้สูงศักดิ์ แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ข้า โอดะโนบูนางะผู้นี้ต้องการ”