ตอนที่ 465 จงใจล้อคุณชายฟัง / ตอนที่ 466 คุณเป็นภรรยาผมรึเปล่า

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 465 จงใจล้อคุณชายฟัง

 

 

ตอนที่อวี๋กานกานกับเจียงฉี่กลับมาถึงบ้านเจียง ฟังจือหันก็รออวี๋กานกานอยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอกลับมาก็ไม่อยู่ต่อ จะพาเธอกลับทันที

 

 

เจียงฉี่ไปส่งฟังจือหันกับอวี๋กานกานอย่างอาลัยอาวรณ์

 

 

ตลอดทางกลับ อวี๋กานกานเล่าเรื่องวันนี้ที่บ้านตระกูลเจี่ยนให้ฟัง

 

 

สุดท้ายเธอก็พูดออกแนวเม้าหน่อยๆ “วันนี้ฉันอยู่ที่บ้านเจี่ยน เจอกับเจี่ยนเหยี่ย ก็คือผู้ชายคนที่เป็นรักแรกพบของซ่งฉาไป๋คนนั้น หน้าตาดีเลยล่ะ นิสัยก็ไม่แย่ แถมยังเป็นทหาร ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก”

 

 

เห็นความสงสัยกับตื่นเต้นในแววตาของอวี๋กานกานแวบหนึ่ง ฟังจือหันก็ส่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น “ตาบอด”

 

 

อวี๋กานกานหน้าแดงด้วยความอาย “…”

 

 

แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ พูดพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณไม่รู้เหรอว่าเจี่ยนเหยี่ย คนเขาเล่าว่าเป็นหนึ่งในสี่หนุ่มเมืองหลวง ฉันได้ยินเรื่องสี่หนุ่มเมืองหลวงนี้ต่างก็เป็นคนที่เก่งและยอดเยี่ยมมาก”

 

 

ฟังจือหันไม่ได้ตอบรับคำพูดของอวี๋กานกาน มือจับพวงมาลัย สายตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า

 

 

“แต่ว่าก็ได้ยินมาอีกว่าในสี่หนุ่มเมืองหลวงนี้มีอยู่สองคน พวกเขาเป็นคู่รักกัน คนหนึ่งแซ่ฟัง อีกคนหนึ่งเหมือนจะแซ่ลู่อะไรนี่แหละ ลืมไปแล้วๆ แต่ก็เป็นคู่รักกันนั่นแหละ” อวี๋กานกานใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่รู้ว่าเจี่ยนเหยี่ยรสนิยมทางเพศเป็นยังไง แต่อย่าเหมือนกับสองคนนั้นเด็ดขาดเลย”

 

 

ฟังจือหันหมดคำจะพูดที่สุด “…”

 

 

อวี๋กานกานพลันระดับเสียงเบาลงมากๆ “ฟังจือหัน คุณรู้จักพวกเขาไหม คู่รักตามที่เขาเล่ามากันนั่นน่ะ คุณเคยเจอพวกเขาไหม”

 

 

ฟังจือหันในที่สุดก็หันหน้ามามองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง

 

 

แต่ยังคงไม่พูดจา

 

 

อวี๋กานกานสะกดความชั่วร้ายภายในใจ มองฟังจือหันอย่างตั้งตาคอย “ความจริงฉันยังไม่เคยเจอคู่รักชายชายจริงๆ เลย พวกเขาดูดีสูงโปร่งเหมือนกับในการ์ตูนหรือว่าเหมือนกับคนพูดกันว่าว่าแนบชิดติดกันเหมือนนิ้วชี้นิ้วกลาง ค่อนข้างท่าทางตุ้งติ้ง”

 

 

“ดูดีสูงโปร่ง แนบชิดติดกันเหมือนนิ้วชี้นิ้วกลาง ท่าทางตุ้งติ้ง…”

 

 

ดวงตาของเด็กสาวแวววาว รวมกับความเข้าใจผิดของเธอก่อนหน้านี้อีก ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดจากไหน ทำได้เพียงแค่พูดไม่ออก

 

 

“ใช่เลย” อวี๋กานกานพยักหน้า ถอนหายใจออกมา “แต่ก่อนซ่งฉาไป๋ก็บอกอยู่บ่อยๆ ว่าผู้ชายสุดยอดขนาดนี้ก็หาแฟนผู้ชายกันทั้งนั้น ดูแล้วคงไม่ผิดไปเลยจริงๆ”

 

 

ตอนที่รอไฟแดง ฟังจือหันมองอวี๋กานกานพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครเป็นคนบอกเธอว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่รักกันเหรอ”

 

 

“พวกเขาสองคนไม่ใช่คู่รักกันเหรอ” อวี๋กานกานพูดด้วยความตกใจ

 

 

“ข่าวลือต่างก็เป็นเรื่องไม่จริง”

 

 

ขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไปตามทาง ฟังจือหันอธิบายประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุย

 

 

อวี๋กานกานมองฟังจือหันด้วยใบหน้าข้องใจ “เป็นข่าวลือเหรอ ทำไมที่ฉันจำได้เหมือนว่าคุณบอกฉัน”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

เห็นฟังจือหันมีสีหน้ายากจะอธิบายออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ อวี๋กานกานก็หันไปมองนอกหน้าต่าง ยกมือขึ้นมาปิดปากที่มุมปากยกขึ้น ในใจขำแทบจะพลิกฟ้าแล้ว…

 

 

สวรรค์!

 

 

เธอไม่เคยรู้เลยว่าตนเองจะยังมีทักษะการแสดงที่ดีขนาดนี้!

 

 

ระหว่างที่ทั้งสองคนกลับไปก็ได้แวะซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันบางส่วน

 

 

ตั้งแต่ออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ทั้งสองคนก็ตรงกลับไปในทันที

 

 

เสื้อฟ้าอวี๋กานกานไม่ได้ซื้อเพราะครั้งก่อนตอนที่เธอย้ายออกยังมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งเพิ่งซักยังไม่แห้งจึงทิ้งไว้ที่บ้านฟังจือหันไม่ได้เอาไปด้วย

 

 

เธอก็ไม่คิดว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงนานเกินไป คาดว่าผ่านไปสองวันก็จะซื้อตั๋วกลับไป

 

 

แต่เปิดตู้เสื้อผ้าที่ฟังจือหันเตรียมไว้ให้เธอ ด้านในกลับเต็มไปด้วยเสื้อผ้าขนาดตัวเธอและยังมีรองเท้ากับกระเป๋าด้วย

 

 

อวี๋กานกานตกตะลึงกับความละลานตาตรงหน้า รู้สึกเหมือนว่าตนเองเข้าไปในร้านตัดเสื้อร้านหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 466 คุณเป็นภรรยาผมรึเปล่า

 

 

อวี๋กานกานตกตะลึงกับความละลานตาตรงหน้า รู้สึกเหมือนว่าตนเองเข้าไปในร้านตัดเสื้อร้านหนึ่ง

 

 

ที่จริงแล้วเสื้อผ้าที่เธอมีทั้งหมดรวมกันคาดว่ายังไม่เยอะเท่าชุดในตู้เสื้อผ้านี้

 

 

เธอวิ่งลงมาจากชั้นบน ทั้งประหลาดใจทั้งมีความสุข “ฟังจือหัน คุณซื้อเสื้อผ้ามากขนาดนั้นให้ฉันทำไม”

 

 

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ขายาวไขว่ห้างอยู่ มือถือแก้วน้ำ เชิดคางขึ้นน้อยๆ พร้อมกับดวงตาเจือรอยยิ้ม “ผมบอกเมื่อไหร่ว่าซื้อเสื้อผ้าให้คุณ”

 

 

ชายหนุ่มกำลังหยอกเล่น อวี๋กานกานย่อมรู้เป็นธรรมดา

 

 

เธอก้าวขาไปแล้วจ้องเขาจากมุมสูงแสร้งทำเป็นโมโห “ไม่ได้ซื้อให้ฉัน งั้นคุณซื้อให้ใคร”

 

 

ฟังจือหันเชยคางขึ้นมองเธอและตอบพร้อมรอยยิ้ม “ซื้อให้ภรรยาผม”

 

 

เขาออกแรงโอบรอบเอวเธอ ดึงตัวเธอทั้งตัวเข้าหาอ้อมแขน ชายหนุ่มถามเอื่อยเฉื่อยด้วยความใจเย็น “คุณเป็นภรรยาผมรึเปล่าล่ะ”

 

 

ไอร้อนกรุ่นแผ่ซ่านไปบนหน้า อวี๋กานกานจิตใจเตลิดเปิดเปิง ยกมือดันฟังจือหันแล้วหันหลังจะเดินไป “ฉันคิดว่าฉันพักที่คอนโดของหลินจยาอวี่ดีกว่า”

 

 

ฟังจือหันกอดเธอจากทางด้านหลังซึ่งกำลังนั่งอยู่บนหน้าขาของตนเอง เอียงคอขบติ่งหูขาวสะอาดราวกับหยกของเธอ ความรู้สึกทั้งมึนทั้งจั๊กจี้ตีขึ้นมา อวี๋กานกานหดทั้งตัว

 

 

เธอมองค้อนเขาแวบหนึ่ง “ฟังจือหัน อย่าลวนลาม”

 

 

คางของฟังจือหันเกยอยู่บนไหล่เธอ เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เบี่ยงหน้าหอมแก้มเธอ บอกว่าเขาลวนลาม งั้นเขาก็ลวนลามเสียหน่อย

 

 

อวี๋กานกานมองส้มซึ่งอยู่ในถาดบนโต๊ะชาตรงหน้า เธอยื่นมือไปหยิบลูกหนึ่งเข้ามาใกล้ปากฟังจือหัน “คุณอยากกินส้มไหม ฉันปอกให้ลูกหนึ่งดีไหม”

 

 

น้ำเสียงค่อนข้างแปลกประหลาด ฟังจือหันมองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง “ปอกเถอะ”

 

 

อวี๋กานกานปอกเปลือกส้มไปพลางพูดไปพลาง “ส้มนี่เป็นผลไม้ที่อร่อยมากนะ เปรี้ยวหวานรสชาติดี มีปริมาณน้ำเยอะ สารอาหารมากมาย วิตามินซีค่อนข้างสูง ผู้หญิงกินแล้วยังช่วยบำรุงและดูแลผิวด้วย”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

“ดังนั้นผู้หญิงบางคนเจอผู้ชายที่ให้ส้มกับตัวเองก็จะรักไปตลอดชีวิต” เจียงฉี่เล่าเรื่องว่าทำไมกู้ซูหลิงถึงได้ชอบฟังจือหันให้ฟังทั้งหมด

 

 

ตอนนี้อวี๋กานกานกำลังคิดบัญชีกับฟังจือหัน

 

 

เขาไม่โกรธแต่กลับยิ้ม มุมปากมีแววขบขัน รับส้มครึ่งหนึ่งที่อวี๋กานกานปอกแล้ว หลังจากปอกเสร็จถึงดึงออกมาชิ้นหนึ่งป้อนใส่ปากอวี๋กานกาน ถามแฝงความนัยลึกซึ้ง “ลองกินดู เปรี้ยวมากใช่ไหม”

 

 

อวี๋กานกานกินส้มไปด้วยพูดไปด้วย “เหอะๆ ฉันกินมะนาวก็ยังไม่รู้สึกว่าเปรี้ยวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงส้ม”

 

 

เธอดึงชิ้นหนึ่งออกมาป้อนที่ปากฟังจือหัน “ทำไมฉันรู้สึกว่าส้มกับหนังสือเข้ากันยิ่งกว่าอะไร กินส้มด้วยอ่านหนังสือไปด้วย ชีวิตเจอเรื่องดีๆ”

 

 

หนังสือ สื่อเป็นนัยถึงกู้ซูหลิง

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

ขณะนั้นพลันได้ยินเสียงแมวร้องขึ้นมา

 

 

ยาจุดกันยุงก้าวลงมาจากชั้นบน เดินกรีดกรายมาทีละก้าวๆ จนถึงหน้าโต๊ะ จากนั้นจ้องอวี๋กานกานด้วยตาแมวโตๆ

 

 

อวี๋กานกานถูกความน่ารักพังไปหมด รีบดึงมือฟังจือหันออก เดินไปอุ้มยาจุดกันยุงขึ้นมา ลูบไปตามขนแมวอ่อนนุ่มบนตัวมัน

 

 

“ขนสีขาวของแกเหลืองนิดหน่อยแล้ว ไม่ได้อาบน้ำมากี่วันละเนี่ย ฉันอาบน้ำให้แกเอง”

 

 

เธออุ้มยาจุดกันยุงขึ้น “ไป ฉันจะพาแกไปอาบให้ขาวสะอาด”

 

 

ยาจุดกันยุงเหมือนกับว่ามึนงงนิดหน่อย เพราะแมวเหมียวต่างก็ไม่ชอบอาบน้ำ อยากจะเผ่นหนีจากแขนอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานร้องอุทานพร้อมกอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก ลูบขนฟูบนหัวของมันหลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำ