เล่มที่ 10 บทที่ 286 อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรแย่งชิง สามีงั้นหรือ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “แม่นางหมิงจู แม่เสี่ยวฮวามีวิธีสั่งสอนบุตรของตัวเอง เด็กกระทำผิด ย่อมต้องสั่งสอนดีๆ ส่วนนางจะสั่งสอนบุตรตัวเองอย่างไร ก็เป็นเรื่องของนาง ข้าคิดว่าเราที่เป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย และไม่อาจเข้าไปยุ่ง ท่านว่าถูกหรือไม่? ”

ความหมายก็คือเรื่องของคนอื่น เจ้าก้าวก่ายมากเกินไปแล้ว

เซียวหมิงจูถูกพูดดักทาง “ข้า แต่เจ้าก็ไม่ควรทนดูนางลงมือหนักถึงเพียงนี้! ”

เซี่ยยวี่หลัวไหวไหล่ เกี่ยวอะไรกับนางด้วย บิดาของเด็ก สามีของนางก็อยู่ข้างๆ โดยไม่กล่าวอะไร ให้นางบอกว่าลงมือหนักเกินไป? หลัวไห่ฮวาจงใจทำเช่นนั้นให้นางดูอยู่แล้ว

“แสดงว่าแม่เสี่ยวฮวาตั้งความหวังกับเสี่ยวฮวาไว้สูง เด็กแย่งของของผู้อื่นครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่แก้นิสัย ต่อไปเห็นสิ่งของที่ควรแย่งหรือไม่ควรแย่งก็คงแย่งมาหมดไม่ใช่หรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเรียบสงบ

กล่าวตามตรง เซี่ยยวี่หลัวเพียงกล่าวถึงเสี่ยวฮวาเท่านั้นจริงๆ

เด็กคนนี้เห็นของดีก็คิดแย่งชิง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางแย่งของของจื่อเมิ่ง เด็กผู้หญิงตัวเล็ก แย่งชิงของของคนอื่นเป็นประจำ ตอนเด็กผู้ใหญ่ยังสามารถบอกได้ว่าเพราะเป็นเด็ก ชอบเล่นซนนึกสนุก เรื่องผ่านไปก็ปล่อยให้ผ่านไป

แต่หากเติบใหญ่แล้วยังมีนิสัยเช่นนี้เล่า ใครจะให้อภัยนาง?

เซียวหมิงจูรู้สึกว่าเซี่ยยวี่หลัวพูดเป็นนัย

อะไรคือสิ่งที่ควรแย่งชิง?

อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรแย่งชิง? สามีงั้นหรือ?

ดวงตาของเซียวหมิงจูแทบลุกเป็นไฟ ถลึงตามองเซี่ยยวี่หลัวด้วยอารมณ์โมโห

เซี่ยยวี่หลัวกล่าววาจาแฝงความนัย!

นางกำลังจะสื่อว่าตนเองปรารถนาจะได้เซียวยวี่!

เซียวยวี่คือคนที่นางไม่ควรแย่งชิงเช่นนั้นหรือ?

เซียวหมิงจูครุ่นคิดอย่างซับซ้อน คิดอะไรไปมากมาย โมโหจนแทบระเบิด

เซี่ยยวี่หลัวที่ไม่รู้ความ เห็นใบหน้าของเซียวหมิงจูที่กลายเป็นสีขาวซีดครู่หนึ่ง ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดนางถึงโมโหจนมีท่าทางราวกับจะกินตนเองอย่างไรอย่างนั้น

หลัวไห่ฮวาก็โดนพูดดักทางจนกล่าวไม่ออก ได้แต่ตีเด็กอย่างรุนแรงอีกครั้ง เซียวไฉซุ่นดูอยู่ข้างๆ ก็มองออกแล้วเช่นกันว่าภรรยาของตนเองจงใจ

หากเป็นการอบรมสั่งสอนจริง เซียวไฉซุ่นไม่มีอะไรจะกล่าว แต่นี่เป็นการอบรมที่ไหนกัน นี่เป็นการตีเด็กพลางถือโอกาสข่มขวัญเซี่ยยวี่หลัว!

อีกฝ่ายช่วยหาลูกสาวกลับมา ไม่กล่าวขอบคุณสักคำยังไม่เท่าไร กลับคิดข่มขวัญอีก เซียวไฉซุ่นโมโหจนเพลิงโทสะลุกโชน

มือของหลัวไห่ฮวาที่ง้างขึ้นสูง กำลังคิดจะตีลงไปอย่างรุนแรง กลับถูกเซียวไฉซุ่นปัดออก “หลัวไห่ฮวา ถ้าเจ้ากล้าแตะลูกอีกแม้เพียงปลายเล็บ ข้าจะหย่าขาดกับเจ้าเสีย”

แย่งตัวเสี่ยวฮวามาจากอ้อมอกหลัวไห่ฮวา กอดไว้ในอ้อมกอด เซียวไฉซุ่นหันมองมาทางเซี่ยยวี่หลัว กล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณ “วันนี้ต้องขอบคุณภรรยาอายวี่เป็นอย่างมาก หากไม่ได้เจ้า ไม่รู้จริงๆ ว่าลูกของข้าจะถูกพาตัวไปถึงไหน”

กับคนที่มีความเข้าอกเข้าใจและมีเหตุผล เซี่ยยวี่หลัวก็จะเข้าอกเข้าใจและมีเหตุผลเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นอะไร รีบพาเด็กกลับบ้านไปล้างหน้าเถอะ เด็กต้องหิวแล้วแน่” เซี่ยยวี่หลัวลูบใบหน้าของเสี่ยวฮวาที่ยังร่ำไห้อยู่ ยิ้มพร้อมกล่าว “เสี่ยวฮวา เจ้าอยากได้ผ้าเช็ดหน้าไม่ใช่หรือ? กลับไปข้าจะปักผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้เจ้า เจ้าอย่าร้องไห้เลย”

เด็กยังเล็ก หากสอนสั่งดีๆ ย่อมต้องกลายเป็นเด็กดีสักวัน กลัวแต่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีจิตใจความนึกคิดวิปลาส เด็กจะเลียนแบบได้

เสี่ยวฮวาสะอื้นไห้ รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง “ได้เจ้าค่ะ! ”

เซียวไฉซุ่นเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวกล่าววาจาเพียงไม่กี่ประโยคก็ปลอบโยนจนเสี่ยวฮวาดีใจ ภายในใจรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก จึงกล่าวขอบคุณ ก่อนอุ้มเสี่ยวฮวาไปโดยไม่สนใจหลัวไห่ฮวาที่ค้ำไม้เท้าอยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย

เซียวต้าจ้วงเห็นบิดาอุ้มน้องสาวไปแล้ว จึงวิ่งแจ้นตามหลังไป ทิ้งหลัวไห่ฮวาไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง

“พวกเจ้ารอข้าก่อน รอข้าก่อน…” หลัวไห่ฮวาใช้ไม้เท้าค้ำยันร่างกายพร้อมตะโกนเรียก แต่คนข้างหน้าเดินไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครหันกลับมามองนางแม้แต่คนเดียว และไม่มีใครสนใจนาง

หลัวไห่ฮวาเห็นว่าตัวเองถูกทิ้ง เกิดความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง นางหันไปกล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “เซี่ยยวี่หลัว เจ้าพอใจแล้วสิ? ”

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจ “ข้าพอใจอะไร? ”

“เจ้าทำให้ข้าถูกทุกคนรังเกียจ ไม่โทษเจ้าจะโทษใคร !” สามีรังเกียจนาง บุตรสาวรังเกียจนาง ตอนนี้บุตรชายก็ไม่ต้องการนาง

เซี่ยยวี่หลัวไม่โมโห กลับหัวเราะออกมา “แม่เสี่ยวฮวา ท่านไม่รู้สึกว่าโทษผิดคนหรือ? ชีวิตของท่านไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้าแม้แต่น้อย ท่านจะดีหรือไม่ดี ก็ไม่เกี่ยวกับข้า! แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับข้า”

นางดันเซียวจื่อเซวียนมาด้านหน้า ชี้รอยแผลบนใบหน้าและคอของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “รอยพวกนี้เป็นฝีมือของท่าน ท่านต้องขอโทษเขาเดี๋ยวนี้! ”

หลัวไห่ฮวา “ทำไมข้าต้องขอโทษ? ”

“เพราะนี่เป็นฝีมือของท่าน พวกเราไม่มีความแค้นอะไรกับท่าน ไม่ได้ไปทำอะไรให้ท่าน ท่านข่วนเขาจนเป็นเช่นนี้ ท่านไม่ขอโทษแล้วใครจะขอโทษ! ” น้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวเย็นเยียบกว่าเมื่อครู่เสียอีก

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบๆ มองดูบาดแผลบนใบหน้าเซียวจื่อเซวียน ต่างก็พยักหน้า “จริงด้วย แม่เสี่ยวฮวา เจ้าเป็นคนข่วน เจ้าควรขอโทษจื่อเซวียน! ”

“ทำไมข้าต้องขอโทษ ข้าไม่ขอโทษ! ” หลัวไห่ฮวาตะคอก “ลูกสาวข้าถูกเซียวจื่อเมิ่งชักนำไป จึงเกือบถูกคนอื่นลักพาตัว เจ้าไม่ขอโทษข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้ข้าขอโทษ! ”

เซี่ยยวี่หลัวอยากเปิดดูหัวสมองของหลัวไห่ฮวาเสียจริง ดูว่าข้างในใส่อะไรไว้

เป็นคนไม่มีเหตุผล ราวีไม่เลิก วิปลาสเหนือความคาดคิด

หลัวไห่ฮวาผู้นี้ ไม่อาจพูดคุยด้วยเหตุผลได้แม้แต่น้อย นางคิดว่าคนอื่นผิดทั้งหมด ขอเพียงครอบครัวนางเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เป็นความผิดของผู้อื่น ไม่ใช่ความผิดของนาง ตรรกะความคิดและการอนุมานเช่นนี้ เหมือนกับ… พวกโจรชัดๆ

เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะเบา คิดอยากให้คนที่สมองไม่ปกติขอโทษ ไม่ต่างกับคิดจะเคลื่อนย้ายภูเขา

นางยังคิดจะกล่าวอะไรอีก จื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเสื้อนาง ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ต้องการคำขอโทษจากนางขอรับ! ”

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกปวดใจจนแทบทนไม่ไหว “ทำไมหรือ? ”

“ข้าไม่ได้ดูแลน้องสาวดีๆ ข้าทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยความหนักแน่น

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว นางขานตอบทีหนึ่ง ลูบศีรษะเซียวจื่อเซวียน ก่อนกล่าวว่าได้ด้วยน้ำเสียงสะอื้น

เซียวยวี่อุ้มเซียวจื่อเมิ่งอยู่ตลอด มองดูอยู่ข้างๆ

หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิง เซียวจื่อเมิ่งกลัวจนนอนหลับไป เซียวยวี่อุ้มนางอยู่ตลอด ขยับตัวออกด้านข้างเล็กน้อย

เขากลัวว่าเสียงของคนอื่นจะกวนจนเซียวจื่อเมิ่งตื่น

เซียวยวี่กอดเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่น มือซ้ายตบหลังของนางเบาๆ เป็นครั้งคราว วาจาและท่าทีของเซี่ยยวี่หลัวเมื่อครู่นี้ทำให้เซียวยวี่รู้สึกหวั่นไหว

นางเองก็โมโห โมโหเป็นอย่างมาก!

เพราะเรื่องของเซียวจื่อเมิ่ง และเรื่องของเซียวจื่อเซวียน

เซี่ยยวี่หลัวเอาใจใส่เด็กสองคนนี้มาก เซียวยวี่หัวใจเต้นแรง หากไม่ใช่เพราะมีคนอยู่กันเยอะถึงเพียงนี้ เขาต้องเข้าไปหาเพื่อ…

ทำอะไรเล่า?

ใบหน้าของเซียวยวี่ร้อนผ่าว เขาอุ้มเซียวจื่อเมิ่ง เดินไปหาเซี่ยยวี่หลัวช้าๆ มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาอ่อนโยน น้ำเสียงทุ่มต่ำดังสายน้ำ “อาหลัว เรากลับบ้านกันเถอะ! ”

เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเซวียนอยู่ตลอด พอได้ยินเสียงเรียกอาหลัว ตัวนางรู้สึกราวกับต้องกระแสไฟก็มิปาน หันขวับมองไปทางเซียวยวี่ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

เซียวยวี่เองก็จ้องมองนาง แววตาไม่ได้มีความเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน

เขายื่นมือซ้ายไปทางเซี่ยยวี่หลัว

เซี่ยยวี่หลัวมองมือใหญ่ที่ยื่นมาหาตัวเอง ไม่ได้ขยับเขยื้อน

เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้ว จึงแสยะปากแย้มรอยยิ้ม จับมือของเซี่ยยวี่หลัวไปวางไว้บนฝ่ามือเซียวยวี่

ฝ่ามือใหญ่ห่อหุ้มมือเรียวเล็กนั่นไว้