เมื่อสัมผัสโดนฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่น เซี่ยยวี่หลัวตัวสั่นราวกับต้องกระแสไฟอย่างไรอย่างนั้น คิดอยากชักมือออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน เซียวยวี่กุมมือไว้แน่น ฝ่ามือใหญ่กุมมือเรียวเล็กนั่นไว้ในฝ่ามือ
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าห้วงความคิดขาวโพลง
นางมองดูมือของทั้งสองคนที่กุมกันไว้แน่นราวกับคนสติเลอะเลือน ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
ตอนเซียวยวี่หันตัวกลับตวัดมุมปากเล็กน้อย แววตาอ่อนโยนแฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้ง
มือเล็กที่อยู่ในฝ่ามืออ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก เหมือนจะเกาะกุมหัวใจของเขาเอาไว้
เซียวยวี่อุ้มเซียวจื่อเมิ่ง จูงมือเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเซวียน ทั้งสี่คนเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย ชาวบ้านที่เห็นต่างรู้สึกเขินอายแทน
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพอเซียวยวี่กับภรรยาเซียวยวี่ยืนด้วยกัน ข้าก็ไม่อาจละสายตาได้เลย? ”
“ข้าก็เหมือนกัน ดูรูปลักษณ์หน้าตาสองคนนั้นสิ ช่างเป็นโครงหน้าของสามีภรรยา บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม มองเป็นอาหารตาได้ดีจริงๆ ! ”
“ถึงบอกอย่างไรว่าหากไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ย่อมไม่ได้อยู่ร่วมกัน คนเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน! ”
เซียวหมิงจูฟังวาจาของทุกคนที่บ่งบอกถึงความอิจฉา นางจ้องมองทิศที่พวกเขาเดินจากไปด้วยแววตาดุร้าย แววตาฉายประกายสิ้นหวังอีกครั้ง จากนั้นความสิ้นหวังจางหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความโกรธแค้นและริษยาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นางจริงใจต่อเซียวยวี่ แต่ทำไมถึงไม่ได้รับการตอบกลับเล่า?
หลัวไห่ฮวาก่นด่าไม่หยุด เดินขากะเผลกไป เดินไปไกลแล้วยังคงบ่นพึมพำ
ชาวบ้านเห็นจนรู้สึกเคยชิน หลัวไห่ฮวาผู้นี้เดิมทีก็คบหาด้วยยากอยู่แล้ว หากพูดคุยให้เข้าใจได้ เช่นนั้นสิถึงจะเรียกว่าแปลก!
มือของเซี่ยยวี่หลัวยังถูกเซียวยวี่กุมไว้ นางคิดอยากชักออก แต่เซียวยวี่จับไว้แน่นมาก เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อยากออกแรงมากเกินไป ได้แต่ปล่อยให้เขาจูงมือ
แอบคิดในใจ ว่าอีกครู่หนึ่งเขาคงปล่อยมือ
เพียงแต่ เดินมาตลอดทาง เซียวยวี่ยังคงไม่ปล่อยมือ เซี่ยยวี่หลัวคิดอยากดิ้นรนให้หลุด คนที่จูงมืออยู่กลับออกแรงมากขึ้น ไม่ยอมปล่อยออก
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ปล่อยไป
จูงมือครานี้ จึงจูงจนกลับถึงบ้าน
ส่วนเซียวยวี่ ไม่ได้ปล่อยมือมาตลอดทาง
กลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวจะไปเปิดประตู ดิ้นรนครู่หนึ่ง เซียวยวี่จึงปล่อยมือ เซี่ยยวี่หลัวรีบชักมือออกทันที
จับมือมาตลอดทาง ฝ่ามือมีเหงื่อออกแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวถือกุญแจ แต่มือลื่น ทำอย่างไรก็ไม่อาจเสียบกุญแจเข้าไปในรูกุญแจ พยายามอยู่ครู่ใหญ่ ก็ยังเสียบไม่เข้า เซียวยวี่อุ้มเด็กอยู่ จะเดินขึ้นหน้าก็ไม่สะดวก
เซียวจื่อเซวียนเห็นพี่สะใภ้ใหญ่มือสั่นอยู่ตลอด นึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ยังรู้สึกกลัวเพราะเรื่องที่จื่อเมิ่งถูกลักพาตัวไป ก็รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเปิดประตูเองขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวรีบยื่นส่งกุญแจให้เซียวจื่อเซวียน ฝ่ามือของเซียวจื่อเซวียนสัมผัสกับฝ่ามือของนางพอดี
เซียวจื่อเซวียนตกใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดมือของท่านถึงมีเหงื่อออกเยอะขนาดนี้ขอรับ? ”
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวรีบกล่าว “อากาศร้อนเกินไป ฝ่ามือจึงออกเหงื่อได้ง่าย” นางไม่ใช่คนเหงื่อออกง่าย แต่เพราะถูกเซียวยวี่กุมมือไว้ในฝ่ามือตลอด จึงรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว
ในที่สุดก็เปิดประตูแล้ว เซียวยวี่ไม่ได้ปลุกเซียวจื่อเมิ่งตื่น แต่วางนางลงบนเตียง เซี่ยยวี่หลัวอยู่ในห้องเป็นเพื่อนนาง
ตระเตรียมอาหารไว้แล้ว เซี่ยยวี่หลัวจัดมุมผ้านวมให้เซียวจื่อเมิ่ง จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบา “เจ้าไปกินข้าวก่อน ข้าทำแผลให้จื่อเซวียนครู่หนึ่ง”
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง จากนั้นจึงไปห้องครัว
หลัวไห่ฮวาลงมือรุนแรงนัก รอยแผลบางแห่งมีเลือดซึมออกมาแล้ว
ยังดีที่บาดแผลรุนแรงล้วนอยู่ตรงคอ บนใบหน้ามีรอยแผลตื้นเขินหนึ่งหรือสองแห่งเท่านั้น น่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง ล้างแผลและใส่ยาให้เซียวจื่อเซวียนเสร็จ จึงให้เขาไปกินข้าว “เจ้าไปกินข้าวก่อน จำไว้ว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ และอย่ากินอาหารรสเผ็ดหรือรสจัด ไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจอักเสบได้”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็ไปกินข้าวด้วยสิขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับไปมองเซียวจื่อเมิ่งที่ตกใจกลัวจนนอนหลับไปบนเตียง ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “เจ้าไปกินก่อน กินเสร็จแล้วค่อยมาเปลี่ยนกับข้า จื่อเมิ่งตกใจกลัว ข้างกายต้องมีคนอยู่ด้วยตลอด! ”
เซียวจื่อเซวียนขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากินเสร็จแล้วจะมาเปลี่ยนกับท่านขอรับ”
“ได้ รีบไปเถอะ หากอาหารเย็นแล้ว ก็อย่าลืมอุ่นก่อนแล้วค่อยกิน” เซี่ยยวี่หลัวกำชับเสียงเบา
เซียวจื่อเซวียนเข้าไปในห้องครัว เห็นพี่ใหญ่กำลังต้มน้ำแกง
ก่อนออกไป เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวจะทำน้ำแกง เติมน้ำเสร็จ นางก็วิ่งออกไปแล้ว น้ำหนึ่งหม้อถูกไฟในเตาไฟต้มจนเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อาหารบนเตาปรุงอาหารล้วนยังอุ่น ไม่จำเป็นต้องอุ่นอีก เซียวยวี่ต้มน้ำแกงไข่ที่เซี่ยยวี่หลัวคิดจะทำเป็นอย่างสุดท้ายเสร็จ สองพี่น้องจึงเริ่มกินอาหาร
“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าไม่มาหรือ? ” เซียวยวี่ยกอาหารไปวางบนโต๊ะพร้อมเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่ากลัวจื่อเมิ่งจะตกใจกลัว จึงอยู่เป็นเพื่อนนาง รอให้ข้ากินเสร็จแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนให้พี่สะใภ้ใหญ่มาขอรับ”
เซียวยวี่รู้สึกหัวใจอ่อนระทวย หยิบชามสะอาดมาสองใบ ชามหนึ่งใส่น้ำแกงไข่ที่เขาเพิ่งต้มเมื่อครู่ อีกชามหนึ่งตักข้าว ก่อนคีบผักใส่ไม่น้อย กำลังจะยกออกไป
เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ท่านจะออกไปกินข้างนอกหรือขอรับ? ”
เซียวยวี่ไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ “เจ้ากินก่อน”
เซียวยวี่ยกอาหารมาถึงหน้าประตูห้องเซี่ยยวี่หลัว ข้างในเงียบสงบมาก เซียวยวี่เคาะประตูเบาๆ เซี่ยยวี่หลัวมาเปิดประตู เห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือเซียวยวี่ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น? ”
เซียวยวี่ยื่นส่งอาหารที่ตัวเองตักมาในชามไปตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว “กินข้าวเถอะ”
เซี่ยยวี่หลัวมองดูของสองอย่างในชาม
ชามหนึ่งเป็นน้ำแกง อีกชามเป็นข้าว บนข้าวมีกับข้าวอยู่ไม่น้อย
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เซียวยวี่กล่าวอีกครั้ง “รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะเย็น”
เซียวยวี่กล่าวเสียงเบามาก เบาจนฟังดูอ่อนโยนยิ่งนัก
ประหนึ่งขนนกที่เคลื่อนผ่านกลางใจเบาๆ ทำให้รู้สึกทั้งคันทั้งชา
เซี่ยยวี่หลัวมองดูอาหารในมือเซียวยวี่ สติเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จวบจนเซียวยวี่เอ่ยเรียกนางอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวจึงรับอาหารในมือเซียวยวี่มา ตอนที่นางกำลังจะยื่นมือไปรับน้ำแกง เซียวยวี่เบี่ยงหลบ “ร้อน ข้ายกเข้าไปให้”
เมื่อเซียวยวี่วางน้ำแกงในมือลง เซี่ยยวี่หลัวตาไวจึงเห็นรอยแดงบนฝ่ามือเซียวยวี่ นั่นเป็นรอยแดงที่เกิดขึ้นเพราะถูกลวก!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกผิดเล็กน้อย หากเมื่อครู่รู้ว่าน้ำแกงร้อน นางคงรับมานานแล้ว ใครจะรู้ เขาไม่กล่าวอะไรสักคำ ยืนถืออยู่อย่างนั้น มือร้อนจนแดงแล้วยังไม่กล่าวอะไร
“มือของเจ้าเป็นอะไรหรือไม่? ต้องใส่ยาหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความรู้สึกผิด
เซียวยวี่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร อีกครู่หนึ่งก็หายแล้ว! ” เขาไม่ได้พูดความจริง น้ำแกงที่เพิ่งต้มจนเดือด จะไม่ร้อนได้อย่างไร?
เขาไม่บอกเรื่องที่ฝ่ามือของตัวเองถูกลวกจนแดง ค่อยๆ เดินไปยังริมเตียง มองดูเซียวจื่อเมิ่ง เห็นนางนอนหลับสนิท ภายในใจก็รู้สึกวางใจ
“วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก” เซียวยวี่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ กล่าวกับเซี่ยยวี่หลัวด้วยความจริงใจ “หากไม่ได้เจ้า บางทีอาเมิ่งอาจถูกลักพาตัวไปแล้วจริงๆ”
เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจ ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ข้าเพียงรู้สึกโชคดีที่วันนี้ข้าหานางพบ นางเป็นน้องสามีของข้า เป็นคนที่ข้าสนิทด้วยมากที่สุด เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า”
หากวันนี้เซียวจื่อเมิ่งถูกคนลักพาตัวไปจริง นางคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต