เล่มที่ 10 บทที่ 288 เด็กที่ถูกลักพาตัวไปจะมีชะตากรรมน่าเวทนายิ่ง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง น้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กที่ถูกลักพาตัวไป ชั่วชีวิตนี้ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? ”

จ้องมองคนที่หลับสนิทโดยไม่กะพริบตา ราวกับเกรงว่าหากหลับตา คนตรงหน้าก็จะหายไปอย่างไรอย่างนั้น

เด็กผู้ชายที่หน้าตาดีจะถูกคนรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งนั่นเป็นกรณีที่ดีที่สุด ส่วนคนอื่นจะถูกทำความสะอาดร่างกาย ขายให้ตระกูลใหญ่ไปเป็นบ่าวรับใช้ เด็กผู้ชายยังถือว่าชะตาชีวิตดีอยู่บ้าง ทว่าเด็กผู้หญิงกลับไม่โชคดีถึงเพียงนั้น

เด็กผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์หน้าตาดีจะถูกขายไปยังสถานที่ประเภทนั้น นับตั้งแต่นั้น จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้อีกเลย ส่วนคนที่หน้าตาธรรมดาทั่วไปก็จะถูกย่ำยี ทั้งชีวิตนี้จะถูกทำลายจนสิ้น

พอคิดว่าน้องสาวของตนเองเกือบจะก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในประตูนรก เซียวยวี่ก็รู้สึกราวกับหัวใจกำลังหลั่งโลหิต

ร่างกายของเซียวยวี่กำลังสั่นเทิ้ม เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเซียวยวี่กำลังกลัว

จะไม่กลัวได้อย่างไร?

ในภพก่อนเซี่ยยวี่หลัวก็เห็นในโทรทัศน์มาไม่น้อยไม่ใช่หรือ?

เด็กๆ ที่ถูกลักพาตัวไป…

พอคุยถึงหัวข้อสนทนานี้ สภาวะจิตใจของเซี่ยยวี่หลัวพลันหนักอึ้ง นางพยักหน้าเบาๆ พร้อมกล่าวเสียงค่อย “ข้ารู้! ”

วันนี้คนที่จะลักพาตัวเซียวจื่อเมิ่งไป ฟังจากที่เซียวจื่อเมิ่งเล่ามา น่าจะคิดลักพาตัวพวกนางไปขายยังสถานที่อย่างนั้น

สถานที่อย่างนั้น สถานที่อย่างไหน?

สถานที่ที่จะได้กินดีอยู่ดี มีเสื้อผ้าและของใช้ดีๆ ขอเพียงแค่ขายรอยยิ้มและเรือนร่าง ปรนนิบัติปรนเปรอบุรุษก็เพียงพอแล้ว

“เมื่อก่อนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกลักพาตัวไปขายยังสถานที่ประเภทนั้น บิดามารดาทำใจไม่ได้ ล้มป่วยอย่างหนัก ในภายหลังมารดาของนางจากโลกนี้ไป บิดาของนางฝืนยื้อไว้ บอกว่าจะรอบุตรสาวกลับมา สุดท้ายนางกลับมาจริง… เพียงแต่…” เซียวยวี่ทอดถอนใจ เมื่อครู่ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ คราวนี้น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “เป็นเพราะนางติดโรคสกปรก สถานที่นั้นไม่ต้องการนางอีก นางถึงได้กลับบ้าน เพียงแต่มารดาด่วนจากไป บิดาก็ไม่ไหวแล้ว ครอบครัวดีๆ หนึ่งครอบครัวถูกพวกค้ามนุษย์ทำลายเช่นนี้! ”

สตรีผู้นั้นอาศัยอยู่ข้างบ้านเซียวยวี่ เมื่อก่อนตอนเขายังเป็นเด็ก เคยพบพี่สาวตัวน้อยผู้นี้ นางชอบหัวเราะเป็นพิเศษ ในบ้านรักใคร่เอ็นดูราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็มิปาน แต่หลังจากนั้น พี่สาวตัวน้อยก็หายตัวไป ข้างบ้านมีเพียงเสียงร่ำไห้เศร้าโศกเรื่อยมา ไม่มีเสียงหัวเราะอีกเลย

จวบจนภายหลัง เขาได้พบพี่สาวตัวน้อยผู้นั้นอีกครั้ง นางซูบผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวยวี่กล่าวอะไรนานถึงเพียงนี้ เขามองดูเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่บนเตียงเงียบๆ ราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่าที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมาอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นจึงหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว แววตาเต็มไปด้วยประกายซาบซึ้ง “วันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัดสินใจเด็ดขาด จะพาคนไปหาในตัวเมือง กว่าข้าจะรู้ตัว อาเมิ่งคงถูกพาตัวไปนานแล้ว”

หากคนถูกลักพาตัวไป ยิ่งเวลาผ่านไปนาน โอกาสที่จะหาพบก็ยิ่งน้อย นานไปก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร

เซี่ยยวี่หลัวถือว่ามีประสบการณ์ ถึงอย่างไรก็เห็นข่าวการลักพาตัวมาไม่น้อย เมื่อพวกค้ามนุษย์จับคนได้ ย่อมต้องหนี นอกจากนั้น ระหว่างทางต้องปลอมตัวอยู่บ่อยครั้ง

แต่ที่นางหาเซียวจื่อเมิ่งพบ ก็เพราะเด็กคนนี้มีความสามารถในการเอาตัวรอดด้วย

“จะขอบคุณข้าคนเดียวไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะจื่อเมิ่งทิ้งผ้าเช็ดหน้าไว้ ทิ้งเบาะแสให้ข้า ข้าก็ไม่กล้ามั่นใจเหมือนกัน” เซี่ยยวี่หลัวหันมองเด็กที่อยู่บนเตียง แววตาอ่อนโยนประหนึ่งจะมีน้ำหยดออกมา

เซียวยวี่มองดวงตาของเซี่ยยวี่หลัว ดวงตาคู่งามมีประกายไหลเวียน แววตาฉายประกายแสง ดวงตาของนางอ่อนโยนดุจสายน้ำ เห็นแล้วยากจะลืมเลือน

เพียงรู้สึกราวกับหัวใจถูกอะไรข่วนทีหนึ่ง เซียวยวี่รีบก้มหน้าลง ไม่กล้ามองดวงตาคู่งามนั่นอีก…

แววตาอ่อนโยนที่แฝงเร้นด้วยความรักเช่นนั้น…

เซียวยวี่ไม่กล้ามองอีก หัวใจเต้นแรง กลับจงใจทำสีหน้าขึงขัง “อาหารใกล้เย็นแล้ว รีบกินเถอะ” กล่าวจบ จึงเปิดประตูเดินออกไป

เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเซียวยวี่ ก้มหน้าเริ่มกินข้าว

น้ำแกงไข่หอมมาก ในนั้นใส่ต้นหอมสับ ล้วนเป็นของที่เซี่ยยวี่หลัวเตรียมไว้ก่อนหน้านี้

เครื่องปรุงเหมือนกัน รสชาติที่ทำออกมาก็ไม่ต่างกันมากนัก ดูท่า ท่านราชบัณฑิตน้อยก็มีฝีมือการทำอาหารดีเช่นกัน

เพียงแต่ในนิยายเหมือนจะไม่ได้กล่าวถึงตอนท่านราชบัณฑิตน้อยทำอาหาร ก็จริง ในนิยายช่วงแรกเซี่ยยวี่หลัวไม่สนใจใยดีท่านราชบัณฑิตน้อย ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่มีเงิน ต่อให้มีฝีมือดีก็ไม่อาจทำอะไรได้หากปราศจากวัตถุดิบ ทำอาหารเก่งก็ไม่อาจทำให้มีรสชาติอร่อยได้ ในภายหลัง ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นท่านราชบัณฑิตน้อยแล้ว อยู่ใต้คนเดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเอง จึงไม่มีโอกาสบรรยายถึงเรื่องที่ท่านราชบัณฑิตน้อยทำอาหารเป็น

ต้มน้ำแกงได้ไม่เลวเลย!

เซี่ยยวี่หลัวดื่มน้ำแกงไข่จนหมดในคราเดียว รู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งนัก

เซียวจื่อเซวียนกินอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว มาเปลี่ยนเวรแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง ถือชามที่ยังเหลือข้าวอีกกึ่งหนึ่งพร้อมกล่าว “เจ้าอยู่ดูแลน้องสาวที่นี่ดีๆ ข้าจะล้างชามกับตะเกียบเอง”

เซียวจื่อเซวียนขานตอบก่อนกล่าวเสียงเบา “พี่สะใภ้ใหญ่ ถั่วที่ท่านต้มอร่อยมากขอรับ ข้ายังไม่เคยกินถั่วที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”

เซี่ยยวี่หลัว “เช่นนั้นพรุ่งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่จะทำให้พวกเจ้าอีกหนึ่งจาน”

นางยกชามข้าวไปยังห้องครัว ห้องครัวเงียบมาก น่าจะไม่มีคนอยู่แล้ว

เพียงแต่ เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว ยามเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเล็ก เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อาจสงบใจได้อีก เซียวยวี่ยังกินข้าวไม่เสร็จ?

เซียวยวี่เห็นนางเข้ามา ไม่รอให้เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอะไร ชี้ไปยังตำแหน่งตรงข้าม “นั่งลงกินข้าวสิ! ”

ราวกับเกรงว่านางจะไม่นั่งอย่างไรอย่างนั้น

เซี่ยยวี่หลัวนั่งลง กินข้าวที่เมื่อครู่ยังเหลืออีกครึ่งชามต่อ

เซียวยวี่ชี้ถั่วแระพร้อมกล่าว “นี่คือถั่วสดเช่นนั้นหรือ? ไม่เคยเห็นวิธีกินเช่นนี้มาก่อน”

เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง เห็นเซียวยวี่ใช้ตะเกียบคีบถั่วแระขึ้นมาหนึ่งฝัก ใช้มือแกะเปลือกออก นำถั่วด้านในออกมา แล้วจึงใส่เข้าไปในปาก เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าว “ถั่วแระไม่ได้กินเช่นนี้ วิธีกินของเจ้า จะทำให้ไม่ได้กินน้ำแกงในถั่วแระ รสชาติจะด้อยลงเล็กน้อย”

“ไม่ได้กินเช่นนี้หรือ? ” เซียวยวี่เอ่ยถาม “เช่นนั้นต้องกินอย่างไร? ”

“เจ้าดูนี่ กินเหมือนข้า! ” เซี่ยยวี่หลัวคีบถั่วแระมาหนึ่งฝัก ใช้กรรไกรตัดปลายสองด้านของถั่วแระออกแล้ว ใส่เข้าไปในปากกัดทีหนึ่ง ถั่วแระที่ต้มสุกแล้วถูกบีบออกมาจากสองด้านหรือตรงกลาง ผสมกับน้ำแกงที่ถูกบีบออกมาจากฝักถั่วแระ และรสชาติที่ติดอยู่บนเปลือกถั่วแระ แล้วจึงเคี้ยวถั่ว รสชาติดีเยี่ยมจริงๆ

“นี่อย่างไร เหมือนที่ข้ากินเมื่อครู่ อย่าใช้มือ กัดให้ถั่วออกมาก็พอแล้ว ในฝักถั่วแระมีน้ำแกง น้ำแกงผสมกับถั่วถึงจะอร่อย! ” เซี่ยยวี่หลัวอธิบาย

เซียวยวี่ทำเป็นแล้ว ลองกินตามหนึ่งฝัก ถั่วที่มีน้ำแกงผสมด้วยหอมอร่อยกว่าตอนกินถั่วเปล่าๆ มากนัก

“ไม่เลวจริงๆ ! ” เซียวยวี่แววตาลุกวาว กินต่อเนื่องอีกหลายฝัก

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เช่นนั้นเมื่อครู่จื่อเซวียนก็กินเหมือนเจ้าใช่หรือไม่? ”

เซียวยวี่ยิ้มด้วยความเก้อเขิน “พวกเราสองคนล้วนคิดว่าถั่วแระต้องกินเช่นนี้! ”

ไม่ได้กินน้ำแกงยังรู้สึกว่ารสชาติอร่อย เช่นนั้นหากได้กินน้ำแกงด้วย คงต้องพูดว่ารสชาติอร่อยเสียยิ่งกว่าอะไรเป็นแน่!

เซี่ยยวี่หลัวเทถั่วแระใส่ถ้วยเล็ก นำไปให้เซียวจื่อเซวียน พร้อมสอนวิธีกินถั่วแระให้เซียวจื่อเซวียน จากนั้นจึงกลับห้องครัว

เซียวยวี่ก็กินเสร็จแล้ว กำลังเก็บชามกับตะเกียบอยู่