ตอนที่ 688 สะดวกจริงๆ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนให้อวี๋หมิงหลางแกล้งแสดงอวี๋หมิงหลางก็ทำ หลังจากที่เขาแกล้งทำแล้วอาเหม็ดก็เชื่อ 

 

 

เวลานี้อาเหม็ดเจ็บจนสูญเสียความสามารถในการใช้สมองประมวลผล พอเห็นอวี๋หมิงหลางเอามือกุมท้องอาเหม็ดก็เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองต่อยถูกหรือเปล่า 

 

 

“สุ่ยเซียน บอดี้การ์ดของเธอสุดยอดเลย” เสี่ยวเชี่ยนพูดกับสุ่ยเซียน 

 

 

“แต่ว่า…” สุ่ยเซียนมองอวี๋หมิงหลางด้วยความสงสัย ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าท่าทางของอวี๋หมิงหลางมันดูปลอมมาก? 

 

 

“ใช้ได้เลย รักษาไว้ดีๆล่ะ คนเก่งๆแบบนี้หายากนะ” เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าสุ่ยเซียน 

 

 

หลิวเหมยมองพี่ชายอย่างสงสัย คนอื่นอาจไม่เข้าใจแต่เธอมองอยู่ตลอดนะ ไม่ได้โดนเลยสักนิด พี่เธอเล่นอะไรเนี่ย? 

 

 

อวี๋หมิงหลางขยิบตาให้หลิวเหมย เขาหันหลังให้อาเหม็ดกับสุ่ยเซียน หลิวเหมยเข้าใจทันที อ้อ พี่หลางให้เธอเงียบๆไว้ 

 

 

ก็ได้ งั้นเธอก็จะทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น 

 

 

ถึงอาเหม็ดจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์กลายเป็นแบบนี้ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อเขา วิกฤติคลี่คลายแล้ว 

 

 

เขาไม่ต้องกลัวว่าความลับจะแตก…แล้วใช่ไหม? 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคุยกับสุ่ยเซียนอีกสักพัก อวี๋หมิงหลางเดินเข้าไปหาอาเหม็ดที่นั่งอยู่บนพื้นหรือจะเรียกว่ากึ่งนอนก็ได้ เอาเป็นว่าท่าทางของอาเหม็ดในตอนนี้ค่อนข้างตลก 

 

 

อวี๋หมิงหลางแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาก้มตัวลงไปพลางยื่นมือให้อาเหม็ด “อื้อหือ เก่งมาก!” 

 

 

“ขอบ…คุณ…” อาเหม็ดพูดด้วยความยากลำบาก เขาสงสัยว่าเข่าอวี๋หมิงหลางมัดพวกอุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กอะไรแนวๆนั้นไว้หรือเปล่า เจ็บมาก… 

 

 

“แต่ผมว่าครั้งนี้ยังสู้ไม่มันเท่าไร ไม่งั้นพวกเรามาสู้กันอีกรอบดีไหม?” 

 

 

พออวี๋หมิงหลางพูดจบอาเหม็ดก็ตาเหลือกเป็นลมสลบไป… 

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือตกใจ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกำลังหลอกสุ่ยเซียนให้เชื่อว่าอาเหม็ดเป็นบอดี้การ์ดที่เก่ง สายตาของสุ่ยเซียนมองผ่านเสี่ยวเชี่ยนไปด้านหลัง พอเสี่ยวเชี่ยนมองตามไปเธอก็ถึงกับพูดไม่ออก 

 

 

ไอ้บ้าอวี๋เสี่ยวเฉียง! 

 

 

ให้แกล้งทำเป็นเสมอยังจะไปทำให้ตานั่นสลบอีก? 

 

 

อวี๋หมิงหลางผายมือออก เขาพยายามเต็มที่แล้วนะ ใครจะไปคิดว่าตานี่จะขี้ตกใจ? 

 

 

“ตกลงพวกเธอสองคนกำลังเล่นอะไรกันแน่?” ไอคิวของสุ่ยเซียนไม่ได้ต่ำ เห็นแบบนี้เธอก็เข้าใจแล้ว บอดี้การ์ดของเธอที่บอกว่าเป็น ‘สปายเก่า’ แทบจะถูกอวี๋หมิงหลางฆ่าในเสี้ยววินาที 

 

 

เธอมองอวี๋หมิงหลางที่ท่าทางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนโดนต่อย แต่พอหันไปมองบอดี้การ์ดของตัวเองที่นอนอยู่บนพื้น…สภาพน่าเวทนามาก 

 

 

แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับมาบอกว่าเสมอกัน? 

 

 

“ก็คิดเสียว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดชเรอดิงเงอร์ของเธอไง เข้าใจ๋?” เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสตอนที่อาเหม็ดสลบพูดประโยคนี้กับสุ่ยเซียน 

 

 

แมวของชเรอดิงเงอร์ มุกนี้เป็นมุกตั้งแต่วันที่เสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนรู้จักกันวันแรก ทั้งสองคนชอบเอามาล้อเล่นกัน 

 

 

ผ่านไปหลายปีแล้ว อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็มาพูดแบบนี้ในสถานการณ์นี้ สมองของสุ่ยเซียนก็นึกอะไรออกขึ้นมาแวบหนึ่ง 

 

 

“เธอจะบอกว่าเขา—” พึ่งพาไม่ได้? 

 

 

ยังไม่ทันพูดจบเสี่ยวเชี่ยนก็ทำปากชู่ว สุ่ยเซียนเข้าใจทันที เสี่ยวเชี่ยนไม่ให้เธอพูดแล้วงั้นก็ไม่พูด 

 

 

จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่เสี่ยวเชี่ยนรู้จากเมื่อชาติก่อน อาเหม็ดเป็นคนที่มีความคิดซับซ้อน ถึงขนาดเรียกได้ว่าเป็นคนอันตราย คนแบบนี้ทำอะไรไม่มีทางทิ้งร่องรอยให้คนจับผิด ไม่ว่าเขาจะมาอยู่ข้างกายสุ่ยเซียนเพราะชอบหรือมีเหตุผลอื่น แต่เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเขาจะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน 

 

 

ยอมทิ้งสถานะตัวเองแล้วมาเป็นบอดี้การ์ด ก็แสดงว่าเขามีการสืบเรื่องของสุ่ยเซียนมาเป็นอย่างดี ไม่แน่ว่าอาจมีการติดอุปกรณ์จำพวกเครื่องดักฟังไว้ที่ตัวสุ่ยเซียนด้วย คำพูดบางอย่างเธอจึงไม่ให้สุ่ยเซียนพูดออกมา 

 

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยนสุ่ยเซียนแสดงความฉลาดออกมาไม่ได้มากเท่าไร นั่นเป็นเพราะเสี่ยวเชี่ยนฉลาดเกินไป แทบจะอยู่ระดับเดียวกับซุปเปอร์บอสอย่างพ่อของทังสุ่ยเซียน แต่สุ่ยเซียนเองก็ไม่โง่ เธอสู้เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ แต่สมองเธอฉลาดกว่าคนทั่วไปมาก ไม่อย่างนั้นเมื่อชาติก่อนคงพยุงตระกูลทังเอาไว้ไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนแค่ส่งสัญญาณให้เป็นนัยๆ เธอก็เข้าใจ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาให้อวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางยื่นมือไป เดิมคิดจะสะกิดเรียกอาเหม็ดดีๆ แต่สายตากลับกวาดไปรอบตัว ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในสมอง เขาหยิบตะปูขึ้นมาจากพื้น แล้วทิ่มเข้าไปที่สะโพกของอาเหม็ด— 

 

 

“จ๊าก!” อาเหม็ดเจ็บจนกระเด้งตัวขึ้นมา 

 

 

อวี๋หมิงหลางโน้มตัวเข้าไปพยุงเขาด้วยสีหน้าเป็นมิตร เต็มไปด้วยความห่วงใย 

 

 

“พี่ชาย ทำไมไปนั่งทับตะปูล่ะ? ไม่เป็นไรนะ?” 

 

 

“ฉันก็นึกว่าเขาเคยฝึกพลังเสื้อคลุมเหล็กกับพลังระฆังทองเสียอีก ที่ตะปูทิ่มตรงไหนก็ไม่เจ็บยกเว้นตรงไข่ พี่ชาย เจ็บเหรอ?” หลิวเหมยรับมุกของอวี๋หมิงหลางเป็นแล้ว 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเลิ่กคิ้ว ดูไม่ออกเลยนะว่าหลิวเหมยก็มีพรสวรรค์ อวี๋หมิงหลางพยักหน้าให้เธออย่างภูมิใจ 

 

 

ยังต้องถาม? ถึงน้องเขาจะตาไม่ถึงเรื่องผู้ชาย แต่ยังไงก็เล่นกับเขามาตั้งแต่เด็กจนโต มันต้องได้เชื้อฉลาดไปบ้างแหละน่า! 

 

 

“ผมไม่เป็นไร…” อาเหม็ดฝืนลุกขึ้นยืน ถอยหลังไปสองก้าวด้วยความระแวงอวี๋หมิงหลาง กลัวว่าถ้าบอกว่าเป็น อวี๋หมิงหลางกับอวี๋หลิวเหมยจะเอาตะปูมาทิ่มไข่เขา 

 

 

พลังเสื้อคลุมเหล็ก พลังระฆังทองมันคืออิหยังหว่า… 

 

 

“งั้นพวกเราไปก่อนล่ะ สุ่ยเซียน ไว้โทรคุยกัน” เสี่ยวเชี่ยนโบกมือให้สุ่ยเซียนแล้วควงแขนวายร้ายอวี๋หมิงหลางเดินออกไปพร้อมกับน้องสาวจอมวายร้ายอีกคน 

 

 

ก่อนขึ้นรถ อวี๋หมิงหลางหันไปมองทางที่เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นคนผมทองซ่อนตัวอยู่ ตรงนั้นไม่มีคนแล้ว 

 

 

“เสียวเหม่ย ช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครไว้หรือเปล่า?” 

 

 

“อาเหม็ดเหรอ?” 

 

 

“นั่นไม่นับ” 

 

 

“งั้นก็ไม่มีแล้ว มีเรื่องอะไรเหรอ?” 

 

 

“เมื่อกี้มีคนถ่ายรูปพวกเราจากตรงนั้น แต่ถูกผมห้ามไว้” 

 

 

“ช่วงนี้ฉันออกจะเป็นเด็กดี อาจเป็นคนมาถ่ายวิวกลางคืนก็ได้มั้ง แล้วบังเอิญถ่ายติดพวกเรา” 

 

 

“เด็กดี? เด็กดีที่ไหนนั่งกินไก่ทอดรอดูเรื่องสนุก เล่นทรายกัดไข่?” อวี๋หมิงหลางพูดถึงเรื่องเย่ต้าเชียน เสี่ยวเชี่ยนบอกว่าไม่ได้ล่วงเกินใคร งั้นก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ อย่างไรเสียตอนนี้เย่ต้าเชียนก็ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล 

 

 

“ไปให้พ้นเลย! หมากัดต่างหาก นอกจากสองโลของนายแล้วฉันน่ะไม่—” โวะ ปากหนอปาก นี่เธอพูดอะไรออกไป! 

 

 

ประธานเชี่ยนหน้าแดง เธอเกือบพูดออกไปแล้วว่า นอกจากสองโลของนายแล้วฉันน่ะไม่เคยแตะของใคร จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเผลอหลุดปาก ขนาดเขาใส่แว่นกันแดดเธอยังรู้สึกได้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาที่มองมา 

 

 

อยู่กับตาบ๊องนี่มานาน บางครั้งประธานเชี่ยนเลยติดเชื้อต๊องๆมาด้วย 

 

 

“พี่ฉันอะไรสองโลเหรอพี่สะใภ้?” หลิวเหมยถามด้วยความอยากรู้ 

 

 

“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าถามมาก!” อวี๋หมิงหลางถลึงตาใส่ หลิวเหมยกัดเล็บด้วยสีหน้าน้อยใจ ทำไมทีกับน้องถึงได้แตกต่างกับแฟนมากขนาดนี้? 

 

 

“เสี่ยวเฉียง ติดต่อคนสเก็ตภาพของตำรวจหน่อยสิ ให้เขามาที่บ้านเรา” 

 

 

“ทำไมล่ะ?” 

 

 

“ระหว่างทางที่หลิวเหมยมาที่นี่ได้ช่วยผู้หญิงคนหนึ่งในสวนสาธารณะไว้ เขาจำหน้าตาของคนร้ายได้ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแจ้งตำรวจ ดังนั้นให้คนสเก็ตภาพมาที่บ้านเรา แล้วให้ทำในนามส่วนตัวลองวาดตามที่หลิวเหมยบรรยายดู อาจจะช่วยไขคดีได้” 

 

 

อวี๋หมิงหลางรีบโทรศัพท์ทันที แต่วันนี้นักสเก็ตภาพทำงานล่วงเวลากันหมด เขาจึงนัดให้มาพรุ่งนี้ 

 

 

พอถึงบ้านเสี่ยวเชี่ยนจะลงจากรถ แต่อวี๋หมิงหลางกลับจับข้อมือเธอเอาไว้ไม่ให้เธอขยับ 

 

 

“หลิวเหมย วันนี้เธอเฝ้าบ้านนะ พี่กับพี่สะใภ้จะไปคิดบัญชีกัน” 

 

 

เรื่องหลักๆก็จบไปแล้ว งั้นต่อไปก็ควรจะมาถกกันเรื่องที่ในสมองของเฉินเสี่ยวเชี่ยนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยากทำสปาต่างเพศกันบ้าง เรื่องนี้ใหญ่เหลือเกิน ใหญ่ถึงขนาดที่ว่าเสี่ยวเฉียงรู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องตั้งกฎกับเธอแล้ว 

 

 

อย่างเช่น ลงโทษด้วยแส้ก็ไม่เลว 

 

 

เรื่องแส้นี่พ่อแม่ให้มา งานถนัดอยู่แล้ว