ตอนที่ 689 อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเมีย

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

มีอยู่เรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจ 

 

 

เธอเป็นคนที่เดาใจคนเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นใหญ่เป็นโตระดับอาเหม็ด หรือคนชั้นต่ำอย่างเย่ต้าเชียน ไม่มีใครสามารถหนีจากแผนของเธอพ้น 

 

 

แต่ก็มีแค่อวี๋เสี่ยวเฉียงคนเดียวนี่แหละที่เธอเดาทางไม่ถูก 

 

 

เมื่อก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจ ประธานเชี่ยนไม่อยากยอมรับว่าอวี๋เสี่ยวเฉียงเป็นคนที่แสร้งทำตัวเก่งมาก เธอรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษอวี๋เสี่ยวเฉียงที่ชอบทำสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังตลอด แต่ในใจกลับคิดเรื่องติดเรทที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ 

 

 

อย่างเช่นตอนนี้ เขาตั้งใจขับรถมาก แต่ในสมองกลับคิดแต่เรื่องลงโทษด้วยแส้ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคิดเรื่องอื่นที่จริงจังกว่าเขา หลังจากส่งหลิวเหมยเสร็จเธอก็เริ่มคิดเรื่องอาเหม็ด อวี๋หมิงหลางขับรถไปยังบ้านใหม่ เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ลงจากรถแต่หยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กที่เธอพกติดตัวมาตลอดแล้วเขียนอะไรลงบนนั้น 

 

 

ลองดูว่าในรถมีเครื่องดักฟังหรือเปล่า เดี๋ยวกลับบ้านไปเช็คดู 

 

 

อวี๋หมิงหลางพักความคิดติดเรทในสมองเอาไว้ก่อน แล้วปรับเข้าสู่โหมดจริงจัง 

 

 

เขาส่งสัญญาณบอกให้เสี่ยวเชี่ยนลงจากรถไปก่อน จากนั้นก็ตรวจดูในรถทุกซอกทุกมุม ไม่พบวัตถุต้องสงสัย 

 

 

ทั้งสองคนเดินขึ้นตึก พอผลักประตูเข้าไปก็เจอกับสภาพการตกแต่งที่แสนทุเรศภายในบ้าน… 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดกับอวี๋หมิงหลาง “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ…” 

 

 

อวี๋หมิงหลางพยักหน้า เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองบ้านที่แสนโล่ง บ้านใหม่นอกจากเครื่องนอนกับของใช้อาบน้ำล้างหน้าแล้วก็ไม่มีอะไรอีก ไม่มีตู้ ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อ้อ แล้วก็มีพื้นสีเขียวที่แสนทุเรศกับกำแพงสีชมพูหวานแหววที่แสนเชย 

 

 

ของที่ไปซื้อมาเมื่อตอนกลางวันกับสุ่ยเซียนยังไม่มีเวลาได้แกะ กองอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก 

 

 

เสี่ยวเฉียงจอมต๊องยังแสร้งทำเป็นบอกหลิวเหมยว่าจะมาคิดบัญชี คิดกับผีสิ ดูก็รู้ว่าจะพาเธอมาทำอะไร… 

 

 

อวี๋หมิงหลางกวาดตามองรอบบ้าน ห้องรับแขกบ้านเขานอกจากโซฟากับโต๊ะรับแขกแล้วก็ไม่ได้วางอะไรอีก รอให้เสี่ยวเชี่ยนเลือกซื้อตามความชอบของเธอ เขายืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขก หลับตาแล้วเริ่มลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ 

 

 

ข้าวของต่างๆที่สุ่ยเซียนเอามาให้เสี่ยวเชี่ยนยังวางอยู่ข้างโต๊ะ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนน่าจะนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา บอดี้การ์ดขนของเข้ามา ด้วยนิสัยของเมียเขาจะต้องให้บอดี้การ์ดออกไปข้างนอกแน่นอน ห้ามรบกวนการพูดคุยของพวกเธอ 

 

 

งั้นถ้าอาเหม็ดจะลงมือก็มีแค่ตอนเอาของเข้ามาวางให้ 

 

 

อวี๋หมิงหลางก้มตัวเอามือลงไปคลำใต้โซฟาแล้วก็เจอวัตถุทรงกลม 

 

 

หึหึ เครื่องดักฟัง? 

 

 

อวี๋หมิงหลางใช้มีดพกของตัวเองแงะมันให้พังแล้วโยนทิ้งถังขยะ 

 

 

ถึงเรื่องเดาใจเมียอวี๋เสี่ยวเฉียงจอมต๊องจะทำได้ไม่ดี แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่พลาด 

 

 

บนโต๊ะมีซองเอกสารสีน้ำตาลที่ใส่เอกสารการโอนย้ายหุ้นที่คนนอกต่างอยากได้ แต่อวี๋หมิงหลางไม่แยแสเลยสักนิด เขานั่งบนโซฟาพลางหยิบหนังสือตกแต่งบ้านขึ้นมาดู เสี่ยวเชี่ยนอาบน้ำเสร็จแล้วห่อตัวด้วยผ้าขนหนูเดินออกมา 

 

 

“เสร็จแล้วเหรอ?” 

 

 

“อืม มีเครื่องดักฟังอยู่ใต้โซฟา” 

 

 

“เขาไม่ได้มาดีจริงๆสินะ” เสี่ยวเชี่ยนไม่แปลกใจที่เรื่องเป็นแบบนี้ เรื่องอาเหม็ดมาด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝงมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว 

 

 

“ตกลงเขาเป็นใครกันแน่?” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกระซิบบอกเขา 

 

 

“ที่แท้ก็แบบนี้…มิน่าเขาใส่ของแบบนี้ด้วย ไอ้นี่น่ะ ตลาดมืดเมืองนอกขายกันราคาไม่ใช่ถูกๆ” อวี๋หมิงหลางหยิบสนับมือสีดำออกมา 

 

 

“ตกลงว่าในนี้มันมีอะไรกันแน่?” เสี่ยวเชี่ยนรับมาลูบๆดู รู้สึกว่ามันก็เหมือนสนับมือหนังแบบทั่วไป มองไม่ออกว่ามีอะไรพิเศษ 

 

 

“คุณดูตรงนี้ มันมีสวิตซ์ เวลาที่เขากำหมัดถ้ากดตรงนี้ก็จะทำให้กลไกที่ตั้งไว้ทำงาน ในนี้มีแผงวงจรอยู่ มันจะเกิดการสั่น เมื่อถึงระดับหนึ่งจะทำให้วัตถุแตกออก เรื่องหลักการมันค่อนข้างซับซ้อน คุณจะเข้าใจว่ามันเป็นเครื่องที่ทำให้เกิดการสั่นก็ได้ ทำมาในรูปแบบนี้ต้นทุนไม่ต่ำแน่นอน” 

 

 

“มีของแบบนี้ด้วยเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนลูบด้วยความสงสัย “งั้นต่อไปใครจะอยากฝึกศิลปะป้องกันตัว ใส่ของแบบนี้ศัตรูก็พ่ายหมดแล้ว” 

 

 

“ศัตรูพ่ายกับผีสิ ของแบบนี้มีราคาแต่ไม่มีตลาดเท่าไร มันหมดยุคอาวุธแบบนี้แล้ว ถ้าคิดจะทำลายศัตรูใช้ปืนก็จบ ของแบบนี้พอเจอกับปืนก็แทบไร้ราคา จะบอกว่าของแบบนี้พวกคนรวยซื้อมาไว้ประดับเท่ห์ๆก็ว่าได้ มีแค่กำลังแต่ไม่มีวิชา พอมาเจอคนที่มีวิชาแบบผมที่เอาชนะได้ในเสี้ยววินาที คนพวกนี้ก็แค่ลูกเจี๊ยบ” 

 

 

“นายให้คนแก้ให้เหมาะกับขนาดมือฉันได้ไหม ต่อไปฉันจะเอาไว้ป้องกันตัว ไม่แน่สักวันอาจได้ใช้” 

 

 

“มือเล็กๆแบบคุณไม่จำเป็นต้องใส่ของแบบนี้ คุณควรจะจับต้องของที่มีค่ามากกว่า อย่างเช่น—” 

 

 

สองโล? 

 

 

แค่เสี่ยวเชี่ยนเห็นสายตาเขาก็รู้ว่าความคิดชั่วร้ายบังเกิดแล้วแน่ๆ เรื่องเป็นการเป็นงานยังคุยไม่เสร็จจะให้เข้าไปกลิ้งผ้าปูที่นอนได้ยังไง? เสี่ยวเชี่ยนทำตัวเป็นปลาไหลเขยิบออกจากตัวเขา เธอนั่งบนโซฟาด้วยสภาพที่มีผ้าขนหนูห่อตัวแค่ผืนเดียว เธอหยิบซองเอกสารขึ้นมาพลางนั่งไขว่ห้างอย่างสง่า 

 

 

อวี๋หมิงหลางมองขาอ่อนของเธอพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกหมั่นเขี้ยว เหมือนในใจกำลังตะโกนว่า เอาเลย! Go! จัดไปเลยพ่อ! 

 

 

“นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่พ่อบุญธรรมให้ฉัน นายจะดูไหม?” 

 

 

“เอกสารโอนกรรมสิทธิ์หุ้นมีอะไรน่าดู? พ่อบุญธรรมคุณมีทนายเก่งๆตั้งเยอะ เอกสารที่พวกเขาร่างมาไม่มีทางมีปัญหา ไม่ต้องดูหรอก” อวี๋หมิงหลางเข้าไปใกล้เธอด้วยอาการเคลิ้ม เสี่ยวเชี่ยนจะเอาซองเอกสารให้เขา ปรากฏว่าเขาไม่แลเลยสักนิด เอามือมาวางบนขาเธอแล้วก็ลูบไปลูบมา ขาช่างขาวนวลนุ่มลื่นจริงๆ~ 

 

 

“จริงจังหน่อย!” 

 

 

“มีเรื่องไหนต้องจริงจังเท่าเรื่องมีเจ้าตัวน้อยอีก?” เมียนุ่งน้อยห่มน้อยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าเขาไม่แข็งกลับไป ยังจะเป็นผู้ชายได้อีกเหรอ? 

 

 

อย่าเข้าใจผิด แข็งที่ว่าคือใจแข็ง ลูกผู้ชายต้องรักที่จิตใจไม่ใช่ที่เงิน! 

 

 

“ตอนฉันอาบน้ำนายดูแล้วเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนตีมือที่ซุกซนของเขา แต่เขาก็กลับมาทำแบบเดิมอีกอย่างไม่เข็ด 

 

 

“ของแบบนี้ไม่ต้องดูหรอก เอาเข่าคิดก็รู้ ตระกูลทังเงินเหลือทิ้งเยอะ ปีที่แล้ววันเกิดให้บ้านคุณ ปีก่อนนู้นวันเกิดให้กระเป๋าคุณเป็นกองพะเนิน ของแบบนั้นไม่เห็นจะต่างจากถุงกระสอบของชาวบ้านเลย ไม่รู้ว่าคนมีเงินรสนิยมแบบไหนกัน ปีนี้พวกเราแต่งงานก็มาถึงยุคที่ตระกูลทังจะเปลี่ยนผู้บริหาร ตาจิ้งจอกเฒ่านั่นคิดจะซื้อคุณไว้ก่อนน่ะสิ ให้ของมาตั้งกี่อย่างแล้ว เหลือแต่หุ้นนี่แหละ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเคยช่วยชีวิตทังสุ่ยเซียนไว้ พี่น้องสองคนนี้มีความรู้สึกดีๆให้กันจริงๆ แต่ทังต้าเย่มีความจริงใจให้เสี่ยวเชี่ยนแค่ไหน ยังคงเป็นปริศนา 

 

 

จะบอกว่าไม่จริงใจเลยก็คงไม่ใช่ อย่างไรเสียเสี่ยวเชี่ยนก็เคยช่วยสุ่ยเซียนเอาไว้ ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ของสุ่ยเซียนกับทังต้าเย่ให้กลับมาดีกันเหมือนเดิม แต่ลำพังเรื่องแค่นี้ถึงกับทำให้ทังต้าเย่เอาเสี่ยวเชี่ยนเป็นลูกสาวบุญธรรมนั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาเป็นนักธุรกิจ ในใจคิดแค่เรื่องผลประโยชน์ ตระกูลทังยอมทุ่มเงินให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างไม่เสียดาย นั่นก็เพราะทังต้าเย่ถูกใจในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เขาอยากหาคนเก่งๆมาไว้คอยช่วยลูกสาว ดังนั้นจึงยอมทุ่มทุกอย่างให้เสี่ยวเชี่ยน ด้านหนึ่งก็เพื่อใช้ความรู้สึกดีๆที่สุ่ยเซียนมีให้ ผูกเสี่ยวเชี่ยนเอาไว้ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเอาใจเสี่ยวเชี่ยน แบบนี้ถ้าสุ่ยเซียนเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีทางนิ่งเฉย 

 

 

จิ้งจอกเฒ่าวางแผนทุกอย่างไว้อย่างชาญฉลาด แต่ในสายตาของพี่หลาง ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเท่าขาอ่อนของเมีย 

 

 

ทำไมขาวแบบนี้นะ…