ประธานเชี่ยนอยากคุยเรื่องในช่วงนี้กับเสี่ยวเฉียงอย่างจริงจัง
อย่างเช่นเรื่องอาเหม็ดที่เข้ามาโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง สาเหตุที่เธอให้อวี๋หมิงหลางไปถอดหน้ากากอาเหม็ดแต่สุดท้ายกลับไม่ถอดนั่นก็เพราะเธอต้องการรอดูท่าทีของคนๆนี้ต่อไป แน่นอนว่าสิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็เพื่อสนองความต้องการในการชอบแกล้งคนของตัวเอง
หลังจากที่อาเหม็ดถูกอวี๋หมิงหลางอัดแล้ว เขากลับไปจะต้องหวาดระแวงแน่นอนว่าความลับของตัวเองจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า
และการที่เครื่องดักฟังสัญญาณขาดหายไปก็จะยิ่งทำให้อาเหม็ดกังวลกับเรื่องนี้ เสี่ยวเชี่ยนชอบแกล้งคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดแบบนี้นี่แหละ
ปล่อยให้อาเหม็ดอยู่กับความระแวงแบบนั้นไปนั่นแหละ เสี่ยวเชี่ยนก็จะดื่มด่ำกับช่วงเวลาระหว่างนี้ที่ได้แกล้งอาเหม็ด อีกทั้งเธอก็อยากจะลองเล่นกับว่าที่คนดังระดับโลกคนนี้ ดูซิว่าเธอจะอยู่ระดับไหน
พอกลับมาถึงบ้านเสี่ยวเฉียงก็ค้นเจอเครื่องดักฟัง เสี่ยวเชี่ยนจึงตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเขาตั้งใจมาเพื่อจีบสาว
เสี่ยวเชี่ยนวิเคราะห์สถานการณ์อย่างจริงจัง อวี๋หมิงหลางเองก็จริงจังกับการมองขาเมีย
“ฉันว่าอาเหม็ดไม่ได้คิดจะมาจีบสุ่ยเซียน เขาปิดบังชื่อแซ่แล้วมาเป็นบอดี้การ์ด น่าจะเพื่อ—”
“เพื่อไอ้บ้านี่” อวี๋หมิงหลางปัดซองสีน้ำตาลที่เกะกะออกไป คิดจะเข้าไปจูบเสี่ยวเชี่ยน แต่ถูกเสี่ยวเชี่ยนดันหน้าออก คุยเรื่องจริงจังอยู่นะ อย่าทำเป็นเล่น!
“นายรู้เหรอ?”
“คนมีสมองหน่อยก็น่าจะรู้หมดแหละ ตระกูลทังสู้เอาเป็นเอาตายก็เพื่อสิ่งนี้ แถมอาเหม็ดยังคิดหาโอกาสมาพิสูจน์ตัวเองในตระกูลทัง แม่ของเขาเป็นแค่เมียน้อยไม่มีเงินมาสนับสนุนเขา เขาก็ย่อมเบนสายตามาที่สุ่ยเซียนสาวน้อยไร้เดียงสาที่แสนร่ำรวย”
พี่หลางไม่ทำเสียเวลาพูดออกมาได้ตรงประเด็น
ตระกูลดังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบนี้ทางฝ่ายทหารก็จับตามองเป็นอย่างมาก อวี๋หมิงหลางพอรู้เรื่องภายในของครอบครัวอาเหม็ดอยู่บ้างเลยไม่แปลกใจเท่าไร แค่ลองปะติดปะต่อเรื่องดูก็จะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มาที่นี่
ถูกใจเงินของสุ่ยเซียน
“คนๆนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าเขามาเพราะเงิน หลังจากนี้คงได้สนุกแน่”
ช่วงก่อนวันนี้ ความทรงจำของเสี่ยวเชี่ยนที่มีต่ออาเหม็ดยังอยู่ในชาติก่อนที่เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย วันนี้เธอเห็นอาเหม็ดในวัยหนุ่มที่ถูกอวี๋หมิงหลางแกล้งอย่างต่อเนื่องจนภาพลักษณ์ที่มีถูกทำลาย ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็เก่งแค่ในวงการของตัวเอง ความสามารถในการต่อสู้ยังเทียบนิ้วก้อยของอวี๋หมิงหลางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เอาคนอื่นมาเป็นหินรองใต้เท้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ชายของตัวเองเท่ห์แค่ไหน ประธานเชี่ยนยอมรับว่าตัวเองขี้อวดอีกแล้ว
ความเท่ห์ของเสี่ยวเชี่ยนล้วนมีไว้ให้คนภายนอกเห็น อยู่ในบ้านเขารักษามันไว้ไม่ได้ถึงสามวินาทีเลยด้วยซ้ำ เสี่ยวเชี่ยนคุยเรื่องจริงจังกับเขา แต่เขากลับทำตัวซุกซนจะกินเนื้ออ่อนของเธอให้ได้
“นายจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันจะทำไงกับอาเหม็ดต่อไป?” เสี่ยวเชี่ยนดันปากของเขาที่เข้ามาใกล้ออกไป
“ตอนที่ผมสู้กับเขาคุณก็ไม่ได้ส่งเสียงห้ามอะไรเลยไม่ใช่หรือไง?” อวี๋หมิงหลางเอาหน้าเข้าไปใกล้เธออีกอย่างไม่ยอมแพ้ จูบหน่อย~
คิดได้แบบนั้นประธานเชี่ยนก็สบายใจแล้ว
ตอนเขาสู้เธอไม่ได้ร้อนใจ นั่นก็เพราะว่ามั่นใจในความสามารถของผู้ชายตัวเอง ในขณะที่เธอกำลังวิเคราะห์อาเหม็ดผู้ชายที่มาอย่างไม่ประสงค์ดีอยู่นั้น อวี๋หมิงหลางเองก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร เพราะเขาเชื่อในความสามารถของเธอ
เรื่องบ้าบอพวกนี้เอามารวมกันยังดึงดูดเขาได้ไม่เท่าเมียตัวเอง อวี๋หมิงหลางรวบตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วเริ่มเอาหนวดที่เพิ่งงอกถูตัวเธอ ผิวขาวๆเป็นรอยแดงอย่างรวดเร็ว ทั้งเจ็บทั้งคัน
“เมียจ๋า กลิ่นตัวคุณเปลี่ยนไป”
“อ่อ วันนี้ไปสปามา ก็เลยมีกลิ่นน้ำมันนวดตัว”
พอพูดถึงเรื่องสปาอวี๋หมิงหลางก็นึกขึ้นมาได้ ใช่ พวกผู้หญิงตัวแสบ! ในสมองคิดจะให้ผู้ชายหล่อๆมาทำสปาให้งั้นเหรอ ความคิดน่าเกลียดแบบนี้ต้องจัดการถอนรากทิ้งอย่าให้เหลือซาก!
“นายไปอาบน้ำสิ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นแปลกๆ” ไม่เหม็น แต่เธอชินกับเสี่ยวเฉียงที่ตัวหอมสดชื่นมากกว่า
“วันนี้ไปตรวจสนามฝึกมา คุณรอก่อน เรายังต้องคิดบัญชีกัน!”
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา เธอขี้เกียจจะสนใจผู้ชายที่ชอบทำตัวเด็กแบบเขา
ในขณะที่อวี๋หมิงหลางไปอาบน้ำอยู่นั้น เสี่ยวเชี่ยนก็โทรหาทังต้าเย่
“พ่อบุญธรรม นี่เชี่ยนเอ๋อเองค่ะ”
“เชี่ยนเอ๋อ? ดึกป่านนี้แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่า?” ทังต้าเย่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางโทรหาเขาโดยไม่มีธุระแน่นอน แสดงว่าต้องมีอะไร
“มีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อยค่ะ บอดี้การ์ดของสุ่ยเซียนคนนั้นหนูสืบมาได้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลคาร์เตอร์ค่ะ”
“…ล้อเล่นหรือเปล่า?” คนที่จะไปอยู่ข้างกายสุ่ยเซียนได้ล้วนต้องผ่านการสืบประวัติอย่างละเอียด แล้วจะเป็นบุคคลดังระดับนั้นได้ยังไง?
“หนูเคยล้อเล่นด้วยเหรอคะ?”
ปลายสายเงียบไป ทังต้าเย่รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของปัญหาแล้ว เพื่อที่จะดันลูกสาวตัวเองขึ้นไป เขากำลังพยายามเจรจากับทุกฝ่าย รับมือกับการคัดค้านของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีบุคคลดังระดับนี้โผล่ออกมา
นี่ถ้าจัดการไม่ดีจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอาได้
“ให้สุ่ยเซียนกลับมาเดี๋ยวนี้” ทังต้าเย่อยากจัดการด้วยตัวเอง
“สุ่ยเซียนกลับไปไม่ได้ พรุ่งนี้พ่อโทรไปบอกสุ่ยเซียนให้เขาอยู่กับหนูสักครึ่งเดือน คิดเสียว่าเป็นการพักร้อน”
“พวกเธอสองคน…ไหวเหรอ?” ทังต้าเย่เข้าใจแล้ว ความหมายของเสี่ยวเชี่ยนคือ เธอจะช่วยจัดการบุคคลที่รับมือยากคนนี้เอง
ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่เด็ดดอกไม้อาจสะเทือนถึงดวงดาว ถ้าจัดการไม่ดีได้ซวยกันทั้งตระกูลแน่ ผู้หญิงสองคนจะไหวเหรอ?
“คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนเรื่องของขวัญแต่งงานก็แล้วกันค่ะ คนๆนี้เดี๋ยวหนูจัดการเอง พ่อก็สนแต่เรื่องของพ่อไป พ่อจะอยู่กับสุ่ยเซียนไปได้ตลอดเหรอ มันถึงเวลาที่จะได้ฝึกสุ่ยเซียนแล้วค่ะ”
“งั้นเธอก็ทำให้รอบคอบนะ” ทังต้าเย่ตอบแบบนี้ถือเป็นการยอมรับความคิดของเสี่ยวเชี่ยน การเดิมพันครั้งนี้ใหญ่มาก ฝากความหวังไว้ที่เด็กสองคนนี้ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า
“ค่ะ พ่อบุญธรรมเองก็ดื่มนมถั่วดำบ่อยๆกับกินเนื้อแพะให้มากๆ”
“หืม?”
“กินของพวกนี้ช่วยบรรเทาอาการของคนวัยทอง ตอนนี้พ่อเข้าวัยทองแล้วแน่นอน ขี้บ่นเหลือเกิน…”
“……” ทังต้าเย่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กคนนี้ปากร้ายจริงๆ!
“เมียจ๋า~ หยิบเสื้อผ้าให้หน่อยสิจ๊ะ~”
“สามีหนูเรียกแล้ว ถ้ามีอะไรหนูจะโทรไปนะคะ แล้วก็อย่าพูดเรื่องนี้กับสุ่ยเซียน หนูสงสัยว่าเขาถูกดักฟังอยู่”
“เข้าใจแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนวางสาย แล้วไปหยิบเสื้อผ้าให้อวี๋หมิงหลาง
ในบ้านไม่มีแม้แต่ตู้เสื้อผ้า เขาเอาเสื้อผ้าใส่ถุงมา เพื่อที่จะได้มามีความสุขกับเมียต้องลำบากไม่น้อย
เสี่ยวเชี่ยนค้นถุงเพื่อหากางเกงในของเขา นับตั้งแต่มีเมีย เขาก็ไม่ต้องใส่กางเกงในรุ่นลุงอีกต่อไป
กางเกงในที่ประธานเชี่ยนคนมีรสนิยมเลือกให้ล้วนเอาออกมาอวดได้อย่างไม่ต้องอายใคร เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าอวี๋หมิงหลางเป็นคนตลก ถ้าเธอไม่อยู่เขาจะเก็บกวาดทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี แต่พอมีเธออยู่ด้วย เวลาอาบน้ำเขาจะต้องจงใจไม่เอาเสื้อผ้าเข้าไป
คล้ายกับว่าทำจนติดเป็นนิสัย ทุกครั้งจะต้องตะโกนออกมา เพียงแต่เมื่อก่อนเรียกลูกเชี่ยน เดี๋ยวนี้เรียกเมียจ๋า เธอสงสัยอย่างหนักว่าเขาจงใจแกล้งเธอ คิดจะใช้โอกาสนี้อวดหุ่นตัวเอง
อันที่จริงประธานเชี่ยนก็อยากจะแกล้งเอาคืนบ้าง อย่างเช่น พอเข้าไปแล้วก็แกล้งมองเหยียด จากนั้นก็เอานิ้วลูบไล้เล่น ทำเสียงจึ๊ๆ หุ่นแบบนี้ก็งั้นๆแหละ เอาคืนเขาบ้างที่ชอบยั่วยวนเธอ ตอนที่ยังไม่ได้เข้าไปเธอก็คิดแบบนี้แหละ