ตอนที่ 268 ดัดแปลงที่อยู่อาศัยใหม่อวี้เหิงขอความช่วยเหลือ (2)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

เสวี่ยเหลียนยกรังนกมาสองถ้วยและขนมมาหนึ่งจาน ขนมสูตรชาววังนี้ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ เหยาเยี่ยนอวี่เห็นจึงรู้สึกหิวขึ้นมา นางหยิบตะเกียบคีบขนมขึ้นกิน ขณะที่กินก็พูดไปด้วย “พี่ใหญ่สบายดี หลานสาวก็สบายดีเจ้าค่ะ”

เหยาเหยียนอี้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงผลักจานไปตรงหน้าของนางแล้วขมวดคิ้วพูดขึ้น “ดูท่าทางเช่นนี้ของเจ้า ทางจวนโหวไม่ได้จัดเตรียมอาหารให้เจ้ากินเลยหรือ”

ทางจวนจัดเตรียมให้ ทว่านางนางเห็นอาหารเหล่านั้นก็นึกถึงใบหน้าและนัยน์ตาคลุมเครือไม่ชัดเจนของซูอวี้เสียง ภายในใจมักจะรู้สึกกระอักกระอ่วน ดังนั้นจึงไม่กินแม้แต่คำเดียวทว่าคำพูดพวกนี้กลับเอ่ยออกมาไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดว่า “ข้าเอาแต่ดูแลหลานสาว ตอนนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยหิวด้วย”

เหยาเหยียนอี้แย้มยิ้มแล้วพูดขึ้น “เรื่องของเฟิ่งเกอก็ถือว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว รอให้นางผ่านช่วงอยู่เดือนนี้ไป พี่สะใภ้รองของเจ้าก็ต้องกลับมายุ่งกับเรื่องของเจ้าแล้ว”

“เรื่องอะไรของข้า” เหยาเยี่ยนอวี่กินรังนกไปด้วยและเอ่ยถามไปด้วย

เหยาเหยียนอี้หัวเราะ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าออกเรือนน่ะสิ สินเดิมเจ้าสาวก็เตรียมครบครันแล้ว รอให้มีเวลาว่างเว้น ข้าจะไปจวนแม่ทัพหน่อย ไปดูว่าฝั่งโน่นยังขาดเหลืออะไรอีก พวกเราจะได้จัดเตรียมไปให้ครบครันเลยทีเดียว จวนแม่ทัพเว่ยมีแต่บุรุษที่ใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไปวันๆ ไม่มีใครคอยช่วยเขาสะสางงานบ้านงานเรือน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าสภาพในจวนจะเป็นอย่างไร”

เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้รู้สึกเขินอาย แค่พูดยิ้มๆ “เช่นนั้นข้าต้องลำบากพี่ชายแล้ว”

เหยาเหยียนอี้มองสีหน้าที่คล้ายนิ่งเฉยและไม่นิ่งเฉยของนาง ทว่างานสมรสพระราชทานถูกกำหนดแล้ว เรื่องสมรสนี้ก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีก เฮ้อ! ถึงแม้คุณชายรองเหยาไม่ค่อยยินดีที่จะยกน้องสาวให้กับแม่ทัพคนหนึ่ง ทว่า…ตอนนี้ก็พูดอะไรไม่ได้อีก

เหยาเยี่ยนอวี่กินมื้อดึกเสร็จก็กลับเรือนไปพักผ่อน เรือนของนางถูกเก็บกวาดไว้แต่เนิ่นๆ ในเรือนมีเตียงนอน หมอน และผ้าห่มชั้นดี ทั้งยังมีมุ้งผ้าบางและกลิ่นอายของดอกไป๋เหอ ทุกอย่างดูหรูหราอย่างยิ่ง แค่คุณหนูเหยาไม่มีเวลามาเดินชมห้องของตนเอง นางเข้าประตูแล้วถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอนหลับทันที

ชุ่ยเวยที่เพิ่งเตรียมอ่างอาบน้ำเสร็จพอกลับมาก็เห็นคุณหนูของตนหลับสนิทไปแล้วทำได้เพียงถอนหายใจแล้วปล่อยมุ้งลงพร้อมสั่งการสาวใช้ชั้นล่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ตนเองเอาผ้าห่มออกจากหีบแล้วนอนบนตั่งไม้ด้านนอก

คุณหนูหลับสนิท ยามตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นตอนสายของวันถัดไปแล้ว

นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแต่งกายอย่างเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาหารเช้าถูกจัดวางบนโต๊ะแล้ว ยังไม่ทันได้ใช้ตะเกียบคีบอะไร สาวใช้ชั้นล่างที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามารายงาน “คนของจวนองค์หญิงใหญ่มาบอกว่าคุณหนูรองสั่งให้คนมาส่งจดหมายให้คุณหนูเจ้าค่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “รีบเชิญเข้ามาเถอะ”

คนที่มาคือผัวจื่อที่อยู่ข้างกายหันหมิงชั่น หลังจากเข้าประตูก็น้อมทำความเคารพเหยาเยี่ยนอวี่แล้วยังสั่งให้คนส่งท้อลูกใหญ่สีเขียวแกมแดงมาให้สองตะกร้า บอกว่าเป็นของพระราชทานจากวังหลวงเลยอยากจะให้คุณหนูเหยาลิ้มลอง ขณะเดียวกันก็ยื่นจดหมายสีชมพูแกมฟ้าลายบุษบาออกมาหนึ่งฉบับ

เหยาเยี่ยนอวี่รับจดหมายแล้วเปิดออกจึงแย้มยิ้ม ที่แท้หันหมิงชั่นบอกว่านางพักอาศัยอยู่ในเมืองหลวงจนเบื่อหน่ายเลยอยากจะไปพักร้อนที่บ้านนาน้อยวัวจวูของตน

พูดถึงเรื่องพักร้อน แท้จริงแล้วในช่วงเวลาเดือนหก ฮ่องเต้ก็จะเสด็จไปยังสถานตากอากาศ เหล่าขุนนางคนสนิทในราชสำนักก็จะติดตามไปด้วย แม้กระทั่งเจิ้นกั๋วกงและองค์หญิงใหญ่ก็เสด็จไปด้วย เดิมทีหันหมิงชั่นติดตามบิดามารดาไปด้วยได้ แต่นางรอให้เหยาเยี่ยนอวี่กลับมา ดังนั้นถึงอยู่ในเมืองหลวงต่อ

เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ชอบอากาศร้อน พอนึกถึงบ้านนาน้อยวัวจวูกลางหุบเขาอากาศย่อมเย็นสบายกว่าอยู่แล้ว นางจึงตบปากรับคำไปแล้วบอกคนที่มาเยือน “เจ้ากลับไปรายงานพี่สาว วันนี้ข้าจะสั่งให้คนไปเก็บกวาด วันรุ่งขึ้นจะนั่งรถม้าจวนองค์หญิงใหญ่เดินทางพร้อมกับพี่สาว”

ผัวจื่อคนนี้ขานรับอย่างรื่นเริงแล้วค้อมตัวกล่าวอำล าเหยาเยี่ยนอวี่รั้งนางแล้วพูดยิ้มๆ “หมัวมัวช้าก่อน ข้ายังมีของอยากฝากให้พี่สาว ทีแรกจะสั่งให้คนส่งไปโดยเฉพาะ ไหนๆ หมัวมัวก็มาแล้ว จะได้ไม่ต้องให้คนของข้าเดินทางไป”

ผัวจื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เฝิงหมัวมัวพลันเดินเข้ามาพลางพาคนไปขนของขึ้นรถม้าเหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะได้กินอาหารเช้า

พอเข้าเมืองหลวงแล้วส่งยาสมุนไพรเสร็จ หลังจากนี้นางก็คงไม่มีธุระอะไรแล้ว จึงมีเวลาว่างเว้นมาทำในสิ่งที่ตนอยากทำ

อืม ต้องไปเยี่ยมชมโรงหลอมกระจกเสียหน่อย ก่อนที่นางจะจากไปก็ได้ให้แบบร่างกับพวกเขา ซึ่งเป็นแบบร่างอุปกรณ์ทดลอง เข็มฉีดยาหลายขนาด และอื่นๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผลิตไปถึงไหนแล้ว แล้วยังมีกระจกที่จะเอาไปทำหน้าต่างด้วย

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เปลี่ยนหน้าต่างกระดาษในเรือนของตนเองก่อน อีกอย่างหน้าต่างล้วนเป็นลายฉลุขนาดเล็กเกินไป ทำให้แสงสอดส่องเข้าในเรือนได้ไม่ดี จึงอยากเปลี่ยนลายฉลุที่ใหญ่กว่า…คิดๆ ดูแล้วก็ต้องเสียเวลาในการประดิษฐ์ไม่น้อย!

พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ จู่ๆ เหยาเยี่ยนอวี่ก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา นางใกล้จะแต่งงานกับแม่ทัพเว่ยแล้ว เรือนทางฝั่งนี้ต่อให้นางดัดแปลงอย่างไรก็อาศัยอยู่ได้อีกไม่กี่วัน พูดถึงตอนสุดท้าย จวนของเว่ยจางถึงจะเป็นที่พักอาศัยระยะยาวของตนเอง!

ไม่ได้ นางต้องคิดหาวิธีบอกคนๆ นั้นให้เปลี่ยนหน้าต่างและประตู! เปลี่ยนเป็นบานกระจกทั้งหมด!

การเปลี่ยนประตูและหน้าต่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ว่า…เรื่องนี้นางต้องพูดอย่างไรดี ถึงจะให้พี่ชายและพี่สะใภ้เป็นคนพูดให้ พี่ชายพี่สะใภ้ไปจัดการก็ยังเหมือนเป็นสิ่งที่ยากที่จะพูดออกมาจากปาก ไม่แน่อาจโดนพวกเขาเย้ยหยันอีกก็ไม่รู้

คุณหนูเหยาครุ่นคิดดูแล้ว เรื่องนี้อย่างไรก็ควรเป็นตนเองที่ไปบอกเว่ยจาง จะได้ไม่ต้องให้คนกลางคอยเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา สุดท้ายตนเองอาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าขบขันที่ผู้อื่นก็เสวนากันหลังกินข้าวเสร็จ

หลังจากกินมื้อเช่าเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้เฝิงโหย่วฉุนเข้ามาเพื่อถามถึงเรื่องโรงงานหลอมกระจก ตอนที่เฝิงโหย่วฉุนเข้ามาก็เอาของประดิษฐ์ในโรงหลอมกระจกมาให้นายหญิงตรวจดู เหยาเยี่ยนอวี่เห็นอุปกรณ์ฉีดยาที่เหมือนของที่ใช้กันในศตวรรษที่ 20 จึงเปรยในใจทันที สุดท้ายก็มีของเช่นนี้!

แล้วดูอุปกรณ์ทดลองที่ใช้กระจกประดิษฐ์ขึ้น รวมไปถึงแจกันแก้ว แก้วน้ำ ถาดใส่ผลไม้ อุปกรณ์ชงชา ถ้วยชาม และอื่นๆ จู่ ๆเหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองทะลุมิติอีกครั้ง คนต่างแดนเหล่านั้นต่างก็มีความคิดที่อัศจรรย์ยิ่งนัก กลับดัดแปลงเครื่องใช้กระจกนี้ให้มีลวดลายที่คนต้าอวิ๋นชื่นชอบ ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก!

หลังจากตรวจดูอุปกรณ์ต่างๆ ไปหนึ่งรอบ เหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะเอ่ยถามเฝิงโหย่วฉุน “ของพวกนั้นที่พวกเจ้าประดิษฐ์ขึ้น คนนอกรู้กันหรือไม่”

เฝิงโหย่วฉุนพลันตอบกลับ “เรียนคุณหนู นอกจากคันฉ่องแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีความลับของประดิษฐ์ใดที่รั่วไหลออกจากโรงหลอมกระจกขอรับ ช่างเหล่านั้นล้วนถูกข้าคุมอย่างเข้มงวด ไม่ได้ออกจากโรงหลอมกระจกแม้แต่ก้าวเดียว หากคุณหนูอนุญาต บ่าวจะให้พวกเขากินยาที่ทำให้เป็นใบ้ จะได้ทำให้พวกเขาพูดไม่ได้ตลอดไป”

“ไม่ต้องหรอก! สัญญาซื้อขายทาสของพวกเขาเป็นสัญญาตลอดชีพ คิดว่าพวกเขาก็คงไม่เปิดเผยความลับอะไรหรอก อีกอย่างงานฝีมือนี้ต้องประดิษฐ์อย่างประณีต พวกเขายังต้องแบ่งหน้าที่กันทำงาน ต่อให้คนสองคนออกจากโรงงานก็คงส่งผลกระทบด้านลบอะไรต่อพวกเราไม่ได้หรอก” หัวใจเหยาเยี่ยนอวี่สั่นสะท้าน เพื่อที่จะรักษาความลับ กลับไปทำร้ายผู้อื่นให้เป็นใบ้ นางที่เป็นคนในยุคปัจจุบันก็คงทำแบบนี้ไม่ลงหรอก

“ขอรับ” เฝิงโหย่วฉุนพลันค้อมตัวรับคำ

“ขนของพวกนี้ไปที่บ้านนาน้อยวัวจวูแล้วสั่งให้คนเก็บกวาดบ้านนาน้อยให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ข้าจะไป”

เฝิงโหย่วฉุนค้อมตัวลงอีกครั้ง “ขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

หลังจากมอบหมายงานพวกนี้เสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่เอนกายพิงอยู่บนตั่งไม้แล้วครุ่นคิดด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นก็เอากระดาษและพู่กันออกมาวาดภาพเรื่อยเปื่อย

ชุ่ยเวยยกลูกท้อแช่น้ำแข็งเข้ามาหนึ่งถ้วยก็เห็นภาพที่เหยาเยี่ยนอวี่วาดบนกระดาษแล้วเอ่ยถามยิ้มๆ “ภาพที่คุณหนูวาดคล้ายประตูและหน้าต่างเลย ทว่าหน้าต่างนี่เหมือนไม่ค่อยถูกต้อง! หน้าต่างฉลุติดกระดาษเช่นนี้ ผ่านไปครึ่งค่อนวันก็คงจะถูกลมพัดจนเสีย”