เล่ม 1 ตอนที่ 228 ก่อความวุ่นวายให้ตระกูลซือหม่า

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ไม่พบหน้ากันสามปี ซือหม่าเค่อผู้นี้เลื่อนไปถึงระดับราชันวิญญาณแล้วหรือนี่!

“ระวังนะ!”

คนของตระกูลซือหม่าอยู่ค่อนข้างไกลจากซือหม่าโยวเย่ว์ จึงมิอาจเข้ามาขัดขวางได้ทัน ส่วนพลังยุทธ์ของหม่าลี่นั้นสู้ซือหม่าอี้มิได้ รับไม่ได้แม้กระทั่งกระบวนท่าเดียวของเขา

“น้องห้า!” พวกซือหม่าโยวหมิงเห็นการโจมตีนี้แล้วก็ตกใจจนหัวใจแทบจะกระดอนออกมา

ซือหม่าเลี่ยยืนอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ ปฏิกิริยาแรกเมื่อเห็นการโจมตีก็คือโอบซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้ในอ้อมแขน แล้วหมุนกายต้านรับการโจมตี

ลำแสงสีขาวสายหนึ่งวาบเข้ามาจากด้านนอก มาถึงตรงหน้าพวกเขา กรงเล็บหนึ่งตวัดลงมาแล้วคลี่คลายวิกฤตินี้ได้อย่างง่ายดาย

“สัตว์อสูรเทพขั้นห้า!”

ทุกคนล้วนมองระดับขั้นของเชียนอินออกทั้งสิ้น จึงพากันร้องออกมาอย่างตกใจ

ซือหม่าเค่อเห็นเชียนอินปรากฏตัวขึ้น ตนเองเพิ่งจะบรรลุไปถึงระดับราชันวิญญาณ เมื่อเทียบกับเชียนอินแล้วก็ยังห่างชั้นกันอยู่มาก

“มิน่าถึงได้ปราศจากความเกรงกลัวเช่นนี้ ที่แท้ก็มีที่พึ่งอยู่นี่เอง!” ซือหม่าอี้มองซือหม่าเลี่ยและซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยสายตาอำมหิต “แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ วันนี้มันก็มิอาจรักษาชีวิตเจ้าเอาไว้ได้หรอกนะ! สังหารคนตระกูลซือหม่าของข้า วันนี้ก็อย่าได้คิดจะก้าวออกไปจากจวนซือหม่าเลยแม้แต่ก้าวเดียว!”

ซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจากอ้อมแขนของซือหม่าเลี่ยแล้วเอาตัวบังเขาไว้ด้านหลังก่อนจะเอ่ยอย่างไม่กลัวเกรงซือหม่าอี้เลยแม้แต่น้อย “เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่าต้องการให้พวกท่านจัดการพวกเขา แต่พวกท่านไม่ยอมทำเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงได้แต่ลงมือเองน่ะสิ”

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินชีวิตพวกเขากันเล่า!” มีคนพูดกล่าวโทษ

ซือหม่าโยวเย่ว์ส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น “บาดแผลบนร่างกายพวกท่านปู่ข้ามิได้มีแค่วันนี้เสียหน่อย ในเมื่อพวกเขากล้าทำร้ายคนในครอบครัวข้า เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องตระหนักถึงความตายเอาไว้แล้วสิ!”

“พี่รอง อย่าไปพูดกับเขาให้มากความเลย เขาสังหารโยวเจ๋อ ท่านก็ต้องล้างแค้นให้โยวเจ๋อด้วยนะ!” ซือหม่าเค่อจ้องซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยสองตาแดงก่ำ

“เจ้าวางใจเถิด สายตระกูลพวกเราใช่ว่าใครนึกอยากจะฆ่าตามใจชอบก็ฆ่าได้เสียที่ไหนกัน!” ซือหม่าอี้พูด “เจ้าก็มีแค่สัตว์อสูรวิเศษตัวเดียวเท่านั้น แต่พวกเราที่นี่มิได้มีแค่จ้าววิญญาณคนเดียวเสียหน่อย!”

คนที่กล่าวโทษซือหม่าโยวเย่ว์เมื่อครู่แผ่แรงกดดันระดับจ้าววิญญาณออกมาด้วยเช่นกันเพื่อยืนยันคำพูดของเขา

เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาพี่น้องซือหม่าโยวหมิงจึงพากันร้อนใจแทนซือหม่าโยวเย่ว์ อยากให้เธอจากไปโดยเร็วที่สุด

“โยวเย่ว์ เจ้าให้เชียนอินพาเจ้ากับพวกเขาจากไปก่อนเถิดนะ”

“ใช่แล้ว สัตว์อสูรวิเศษของพวกเขาหากมิใช่พลังยุทธ์ระดับราชันวิญญาณก็เป็นระดับจ้าววิญญาณ เจ้าจากไปก่อนค่อยว่ากันเถิด”

“จ้าววิญญาณแล้วมีประโยชน์อะไรเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่ร้อนใจแล้วเอ่ยว่า “ข้ามีสหายผู้หนึ่งที่จัดการได้แน่”

“พูดเสียใหญ่โต หน้าไม่อายเลย!” ซือหม่าอี้ก่นด่า

“ข้าพูดไม่ถูกต้องตรงไหนหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองพวกเขาพลางเอ่ยว่า “เดิมทีข้าจะมาที่นี่แล้วพาคนไปเลยก็ได้ แต่ที่ยอมเสียเวลาไปมากมายถึงเพียงนี้ก็เพราะอยากจะดูว่าคนอย่างพวกท่านมีนิสัยเป็นเช่นไร คู่ควรที่จะให้พวกท่านปู่ข้ากราบกรานเป็นบรรพบุรุษหรือไม่ แต่พวกท่านช่างทำให้คนผิดหวังเสียจริง”

เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ แม้กระทั่งซือหม่าหลินและซือหม่าชิงก็แสดงสีหน้าไม่น่าดูออกมาเสียแล้ว

“ข้าจะพาตัวพวกท่านปู่ข้าจากไปเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าจะมีใครมาขัดขวางข้าได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์ขยิบตาให้พวกเจ้าอ้วนชวี พวกเขาก็มาที่ข้างกายพวกซือหม่าโยวหราน คนหนึ่งประคองคนหนึ่ง เตรียมเดินออกไปด้านนอก

“เด็กๆ จับตัวพวกเขาเอาไว้ที!” ซือหม่าอี้ออกคำสั่ง

พวกซือหม่าโยวเย่ว์ประคองพวกซือหม่าเลี่ยทั้งห้าคนมาจนถึงลานบ้าน ระดับบรรพวิญญาณและราชันวิญญาณจำนวนไม่น้อยก็ร่อนลงมาจากฟ้าแล้วล้อมลานบ้านเอาไว้

พวกซือหม่าอี้ก็เหินทะยานออกมาจากห้องโถงใหญ่เช่นเดียวกัน

ซือหม่าเค่อมองซือหม่าเลี่ยอย่างโหดเหี้ยม อดใจรอที่จะลงมือฆ่าพวกเขาเสียตอนนี้แทบไม่ไหว

หม่าลี่เพิ่งจะได้สติกลับมาจากการเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้แล้ววิ่งออกมา เมื่อเห็นการต่อสู้นี้จึงตะโกนใส่ซือหม่าอี้ว่า “ซือหม่าอี้ ข้าได้ลั่นวาจาไปแล้วว่าจะปกป้องพ่อหนุ่มผู้นี้ให้รอดปลอดภัยออกไปจากจวนซือหม่า นี่เจ้าจะฉีกหน้าข้าอย่างนั้นหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองหม่าลี่ คิดไม่ถึงว่าตาแก่ผู้นี้คิดจะปกป้องเธออย่างจริงจัง

“ถ้าหากเขามิได้สังหารเด็กรุ่นหลังของข้า มิได้คิดจะพาผู้ทรยศจากไป ข้าย่อมปล่อยให้เขาจากไปได้อยู่แล้ว แต่เขาสังหารโยวเจ๋อ แล้วยังคิดจะพาคนพวกนี้จากไปอีก ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องเอาชีวิตเขาให้จงได้!”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าอี้ เมื่อได้ยินวาจาของเขา จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “เจ้าไก่ฟ้า ข้าต้องการเอาชีวิตเขา”

เธอเอ่ยอย่างเรียบเรื่อย แต่กลับทำให้หัวใจคนขมวดรัดแน่น

“ฮ่าๆๆ…” ซือหม่าอี้หัวเราะเสียงดังขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “คนอย่างเจ้า คิดจะเอาชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาเลย”

ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่สนใจเขา เธอชี้ซือหม่าเค่อแล้วพูดว่า “แล้วก็คนผู้นี้ด้วย”

เธออยากสังหารเขาตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าตลอดสามปีนี้ เขามิอาจสังหารท่านปู่ได้ แต่กลับให้หลานชายของตนนำคนมาทุบตีพวกเขาทุกสามวันห้าวัน

“หมดแล้วหรือ” เจ้าไก่ฟ้าถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์หันหน้าไปมองพวกซือหม่าโยวหมิงแล้วเอ่ยว่า “พี่ๆ พวกท่านอยากสังหารใครหรือไม่”

ซือหม่าโยวหรานมองซือหม่าโยวเย่ว์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยเพลิงโทสะอันมิอาจควบคุมได้ เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “แค่สองคนนี้ก็พอแล้วล่ะ ส่วนที่เหลือพวกเราค่อยล้างแค้นกันเองทีหลังก็ได้”

“ได้เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า

เธอก็ชอบล้างแค้นด้วยตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของซือหม่าโยวหรานได้เป็นอย่างดี

“เจ้าไก่ฟ้า ข้าจะพาพวกท่านปู่กลับไปรักษาตัวก่อน สังหารพวกเขาแล้วข้าจะให้ผลอสรพิษทองคำกับเจ้าผลหนึ่ง”

เจ้าไก่ฟ้าเลิกคิ้ว เธอรู้ได้อย่างไรว่าตนก็ต้องการผลอสรพิษทองคำด้วย

“เจ้ายังมีผลอสรพิษทองคำอยู่อีกหรือ” เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ หม่าลี่ก็เอ่ยด้วยสองตาเปล่งประกายว่า “ไม่อย่างนั้นให้ข้าช่วยสังหารพวกเขาแล้วเจ้าก็มอบผลอสรพิษทองคำให้ข้าสักผลสิ”

“…”

คนของตระกูลซือหม่าจนคำพูดเพราะการกระทำของหม่าลี่ เขาคิดจะทำสงครามเย็นกับตระกูลซือหม่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ

“หม่าลี่ เจ้ามิได้มีสิทธิ์ขาดในสมาคมนักหลอมยาแต่เพียงผู้เดียวนะ คิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลซือหม่าเรา เจ้าคิดใคร่ครวญดีแล้วหรือ” ซือหม่าเค่อตะคอก

ขณะนี้เอง เจ้าไก่ฟ้าก็เคลื่อนไหว เขายืนอยู่ที่เดิมแล้วยื่นมือออกมาก่อนจะขยับเบาๆ ซือหม่าเค่อก็รู้สึกว่าตนเองถูกกักขังเสียแล้ว

“แหลกสลาย” เจ้าไก่ฟ้าเอ่ยเสียงเบา น้ำเสียงแฝงเสน่ห์ดึงดูดชวนให้คนหลงใหล ทว่าวาจาที่เอ่ยออกมานั้นกลับทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

พอเอ่ยวาจาออกมา ซือหม่าเค่อก็กลายเป็นไอโลหิตไปโดยไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

“นี่มัน…”

ทุกคนตื่นตกใจกับการกระทำของเจ้าไก่ฟ้าจนร่นถอยหลังไปสองก้าว ขยับเบาๆ ครั้งเดียวก็ปลิดชีพราชันวิญญาณคนหนึ่งได้ นี่มันน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้วกระมัง!

“ต่อให้เจ้าเลื่อนจากระดับบรรพวิญญาณไปถึงระดับราชันวิญญาณ ก็ต้องมีจุดจบเช่นเดียวกัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

ซือหม่าอี้มองเจ้าไก่ฟ้า ความหวาดกลัวพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นใครกัน”

แรงกดดันของสัตว์อสูรเหนือเทพแผ่ออกมา คนและสัตว์อสูรที่หยุดอยู่กลางท้องฟ้าต่างร่วงหล่นลงมาจนสิ้น

“สะ…สัตว์อสูรเหนือเทพ!”

“ใช่จริงๆ ด้วย…”

นอกจากพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างก็ถูกแรงกดดันของสัตว์อสูรเหนือเทพ ทุกคนล้วนเกิดความรู้สึกราวกับจะขาดอากาศหายใจ

เจ้าไก่ฟ้าโบกมือคราหนึ่ง ซือหม่าอี้ก็ลอยเข้ามาสู้เงื้อมมือของเขา

“อย่า… อย่าฆ่าข้านะ!” ขณะนี้ซือหม่าอี้หวาดกลัวขึ้นมาเสียแล้ว ถึงแม้ว่าตนจะก้าวเข้าสู่ระดับจ้าววิญญาณแล้ว ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรเหนือเทพอยู่ดี

“นายท่านโปรดเมตตาด้วย!” น้ำเสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังมาจากภูเขาด้านหลัง

“กลิ่นอายนี้… ท่านปู่เจ็ดนี่” ซือหม่าเลี่ยเงยหน้ามองไปทางภูเขาด้านหลัง น้ำเสียงเจือความตื่นเต้น

“เลี่ยเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว” เสียงนั้นเอ่ยวาจา

“ท่านปู่เจ็ด ท่านยังมีชีวิตอยู่…” ซือหม่าเลี่ยร่างกายสั่นสะท้านเพราะความตื่นเต้น

“ยังมีลมหายใจอยู่” บรรพชนตระกูลซือหม่าพูด “ถ้าหากมิใช่เพราะกลิ่นอายของสัตว์อสูรเหนือเทพปลุกข้าขึ้นมา ข้าก็คงจะยังปลีกวิเวกอยู่ ขอนายท่านได้โปรดมีเมตตาด้วย”

ทุกคนล้วนเบนสายตาไปยังซือหม่าโยวเย่ว์ แม้กระทั่งเจ้าไก่ฟ้าก็ยังมองเธอด้วยเช่นกัน

“ฆ่าเขาเสีย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเย็นชาโดยไร้ซึ่งความลังเล

…………………………………………..