เล่ม 1 ตอนที่ 227 สังหารซือหม่าโยวเจ๋อด้วยความโมโห

สลับชะตา ชายามือสังหาร

“ท่านปู่ พี่ๆ พวกท่านมีสภาพเช่นนี้กันได้อย่างไร! ใครกันที่ทุบตีพวกท่านจนเป็นเช่นนี้!” ซือหม่าโยวเย่ว์วิ่งออกไปแล้วมองพวกเขาอย่างโกรธแค้นและเจ็บปวดใจ

บนร่างกายของพวกซือหม่าเลี่ยทั้งหกคนล้วนมีบาดแผลฉกรรจ์ เพราะปราณวิญญาณถูกผนึก ดังนั้นแม้กระทั่งการฟื้นฟูก็ยังมิอาจทำได้ ซือหม่าโยวเล่อนั้นถึงขนาดเดินไม่ไหวเลยเสียด้วยซ้ำ ต้องให้เด็กรับใช้สองคนพยุงเขาเอาไว้

พวกซือหม่าเลี่ยเห็นซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็ตื่นเต้นไม่น้อย ทั้งยังมีน้ำตาคลอที่หางตาด้วย

“โยวเย่ว์ เจ้ามาเสียที” ซือหม่าเลี่ยลูบใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยปากพูด

“ท่านปู่ ข้ามาแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์กุมมือซือหม่าเลี่ยเอาไว้พลางเอ่ยว่า “ข้ามาช่วยพวกท่านแล้ว”

พอพูดจบเธอก็หันไปมองซือหม่าหลินแล้วเอ่ยว่า “นี่คือสิ่งที่ท่านบอกว่าจะปกป้องพวกท่านปู่ข้าให้ปลอดภัยอย่างนั้นหรือ ถ้าหากข้ามาช้าไปอีกสักสองวัน กลัวแต่ว่าข้าคงได้เห็นเพียงแค่ซากศพเย็นเฉียบราวน้ำแข็งเท่านั้นน่ะสิ!”

ซือหม่าหลินเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกซือหม่าเลี่ยจะมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้ จึงเบนสายตาไปบนร่างของซือหม่าโยวหลินแล้วถามว่า “เป็นฝีมือใครกันน่ะ”

“โยวอีกับโยวเจ๋อไปที่เรือนร้างเป็นครั้งคราวขอรับ” ซือหม่าโยวหลินเอ่ยตอบ

“ท่านปู่ พวกท่านกินยาวิเศษกันก่อนเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบยาวิเศษออกมาให้พวกเขากิน

“ยาวิเศษฟื้นฟูปราณขั้นห้า!” หม่าลี่ที่อยู่ข้างๆ แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าเป็นยาวิเศษอะไร เขามองซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยแววตาเปล่งประกาย

ว่ากันว่านักหลอมยาสองคนนั้นเป็นขั้นสี่ หรือเขาจะเป็นนักหลอมยาขั้นห้าเล่า เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหอเซวียนหยวนยังต้องมอบบัตรสีฟ้าให้เขา ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ซือหม่าโยวเย่ว์เอายาวิเศษให้พวกซือหม่าหลินกินลงไปแล้วเห็นว่าพวกเขามิอาจโคจรปราณวิญญาณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บได้ จึงคว้ามือของพวกเขามาตรวจดู จากนั้นก็ตกใจจนต้องเงยหน้าขึ้น

“ไม่มีปราณวิญญาณ… แล้วปราณวิญญาณของพวกท่านเล่า”

“พวกเขาเพียงแค่ถูกผนึกปราณวิญญาณเอาไว้เท่านั้นเอง มิได้เสียไปสักหน่อย” ซือหม่าชิงสัมผัสได้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์ใกล้จะระเบิดแล้วจึงพูดอธิบาย

“ท่านปู่?” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าเลี่ยอย่างไม่เชื่อคำพูดของนาง

“อย่ากังวลไปเลย เพียงแค่ถูกผนึกเอาไว้เท่านั้นเอง” ซือหม่าเลี่ยพูด

“ซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเราสัญญากันเอาไว้แล้วว่าจะคุ้มครองชีวิตของพวกท่านปู่เจ้าเป็นเวลาสามปี เจ้าก็ควรรักษาสัญญา มอบผลอสรพิษทองคำให้พวกเราได้แล้วมิใช่หรือ” ชายชราที่ส่งแรงกดดันมาทางซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้น

“คลายผนึกสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

ซือหม่าหลินส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้คงมิได้หรอก”

“ทำไมเล่า ข้าก็นำของมาแล้วนี่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าหลิน

“เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นยังมิได้ตรวจสอบความจริงให้ชัดเจนเลย ตอนนี้ยังมิอาจแน่ใจได้เลยว่าพวกเขาเป็นผู้ทรยศต่อตระกูลหรือไม่” ซือหม่าหลินพูด

“หลายปีถึงเพียงนี้พวกท่านยังมิอาจตรวจสอบให้กระจ่างได้ แล้วตอนนี้จะตรวจสอบให้กระจ่างได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากพวกท่านมิอาจตรวจสอบให้กระจ่างได้ภายในหนึ่งปี ก็จะไม่คืนอิสรภาพให้พวกท่านปู่ข้าหนึ่งปี ถ้าหากมิอาจตรวจสอบให้กระจ่างได้ภายในร้อยปี ก็จะไม่คืนอิสรภาพให้ร้อยปีอย่างนั้นหรือ”

“เรื่องในตอนนั้นก็ผ่านมาร้อยปีแล้ว การตรวจสอบให้กระจ่างมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอกนะ” ซือหม่าหลินไม่แยแสท่าทีของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ตอนนั้นท่านปู่สามถือครองเคล็ดแยกอัคคีพิโรธ ท่านพ่อของเลี่ยถูกกำหนดว่าไม่มีคุณสมบัติในการฝึกยุทธ์ แต่ทักษะวิญญาณกลับไปอยู่ในมือของเขา เขาบอกว่าท่านปู่สามมอบให้เขา แต่ตอนที่พวกเราไปถึงนั้นกลับเห็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณของท่านปู่สามเท่านั้น”

“ไม่มีพยานรู้เห็นเลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“มีอยู่คนหนึ่ง” ซือหม่าหลินพูด “ตอนนั้นท่านปู่เล็กของพวกเราก็ได้รับบาดเจ็บ พวกเราเสียเงินเสียทองไปมากมายกว่าจะช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ แต่เขาบาดเจ็บไปจนถึงดวงวิญญาณ พอฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนโง่งม มิอาจเล่าเรื่องในตอนนั้นออกมาได้เลย”

“พวกท่านต้องการผลอสรพิษทองคำมาเพื่อรักษาเขาอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงการคาดเดาของตัวเองในตอนแรกขึ้นมา ผลปรากฏว่ามีคนที่ดวงวิญญาณได้รับบาดเจ็บจริงๆ เสียด้วย

“ถูกต้อง มีผลอสรพิษทองคำแล้ว ถ้าหากท่านปู่เล็กฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ก็จะสามารถรื้อฟื้นความจริงในตอนนั้นขึ้นมาได้” ซือหม่าหลินพูด

“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านรีบไปรักษาเขาแล้วคืนความบริสุทธิ์ให้พวกท่านปู่ข้าเสียสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

ถ้าหากมีพยานรู้เห็นในตอนนั้นจริง เช่นนั้นก็คงจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายขึ้นมากทีเดียว

วิญญาณได้รับบาดเจ็บ สำหรับผู้ที่ครอบครองเจดีย์วิญญาณอย่างเธอ ย่อมเป็นสิ่งที่รักษาได้อยู่แล้ว

“ต้องผ่านไปอีกสักสองสามวันก่อนจึงจะใช้ได้” ซือหม่าหลินพูด “พวกเรายังขาดของอีกสิ่งหนึ่งซึ่งมีอยู่ในงานประมูลอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้”

“ของสิ่งใดหรือ”

“ไขกระดูกมังกรดิน”

เธอรู้จักไขกระดูกมังกรดิน มันคือสารสกัดของศิลามังกรดินซึ่งสร้างขึ้นระหว่างฟ้าดิน หลายร้อยปีจึงจะเกิดขึ้นมาสักหยดหนึ่ง

ของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อดวงวิญญาณก็จริง แต่มิอาจเทียบได้กับน้ำทิพย์วิญญาณที่ก่อตัวขึ้นในเจดีย์วิญญาณ

“ให้ข้าดูผู้อาวุโสท่านนั้นสักหน่อยได้หรือไม่ บางทีข้าอาจจะรักษาเขาให้หายก็เป็นได้” เธอยื่นคำขอ

“เฮอะ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ท่านปู่เล็กของพวกเราเป็นคนที่เจ้าอยากพบก็พบได้อย่างนั้นหรือ!” ซือหม่าเค่อรู้เรื่องในตอนนั้น ย่อมไม่มีทางปล่อยให้พวกเขารักษาชายชราผู้นั้นจริงๆ อยู่แล้ว

ถ้าหากมิใช่เพราะตลอดหลายปีมานี้ คนผู้นั้นโง่งมมาโดยตลอด พวกเขาก็คงสังหารเขาไปนานแล้ว

“พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นหมอแล้วยังเป็นนักหลอมยาอีกด้วยหรือ” หม่าลี่ถาม

“ใช่แล้ว”

“เจ้าเป็นผู้หลอมยาวิเศษฟื้นฟูปราณอย่างนั้นหรือ” หม่าลี่สองตาเปล่งประกาย

“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบรับ

“โอ้… ข้าเพียงแค่เดาส่งๆ เท่านั้น เจ้าเป็นผู้หลอมจริงๆ หรือ ช่างเป็นนักหลอมยาขั้นห้าที่เยาว์วัยอะไรเช่นนี้ สนใจจะเข้าร่วมสมาคมนักหลอมยาของข้าหรือไม่เล่า”

“ในภายหน้าค่อยว่ากันเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ได้สิ รอให้เจ้าจัดการเรื่องทางนี้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้” หม่าลี่พยักหน้า

นักหลอมยาขั้นห้าที่เยาว์วัยถึงเพียงนี้ ร้ายกาจยิ่งนัก!

สายตาของผู้คนในที่นั้นที่มองซือหม่าโยวเย่ว์เกิดความเปลี่ยนแปลงไปอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นนักหลอมยาขั้นห้าเลยทีเดียว

“ใช่แล้ว ได้ยินว่าเจ้าถือครองบัตรสีฟ้าของหอเซวียนหยวน ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ซือหม่าหลินพูด “แต่พวกเราเสาะหาท่านหมอมามากมาย ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะขาดไขกระดูกมังกรดินไปมิได้เลย”

ตอนนี้ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่อยากพูดว่าตนมีของอันล้ำเลิศอย่างน้ำทิพย์วิญญาณอยู่กับตัว จึงคิดจะถอยไปก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “รออีกสองสามวันก็ได้ แต่พวกท่านต้องปล่อยตัวพวกท่านปู่ของข้าก่อน อย่างน้อยก็ต้องคลายผนึกของพวกเขาเสีย แล้วต้องจัดการกับคนที่ทำร้ายพวกเขาด้วย”

“เรื่องนี้…”

“เหลวไหล อยู่ในถิ่นพวกเราเจ้ายังกล้ามาร้องขออะไรมากมายถึงเพียงนี้อีก พวกเราไว้ชีวิตพวกเขาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เจ้าอย่าได้มาขออะไรมากมายถึงเพียงนี้เลย!” ซือหม่าอี้ ชายชราที่ส่งแรงกดดันมาทางเธอในตอนนั้นตะคอกใส่

“พูดเช่นนี้แปลว่าพวกท่านจะไม่ยอมทำอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“พวกซือหม่าโยวเจ๋อเป็นทายาทสายตระกูลสี่เชียวนะ” ซือหม่าชิงเอ่ยปากพูด

“ข้าไม่สนหรอกว่าจะเป็นทายาทหรือไม่ ในเมื่อเขาทำร้ายพวกท่านปู่ข้าก็ต้องชดใช้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนข้างกายพวกซือหม่าเลี่ยพร้อมกับมองดูบาดแผลเก่าและใหม่บนร่างกายพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกทุบตีมาไม่น้อยตลอดสามปีนี้

“น้องห้า ซือหม่าโยวเจ๋อผู้นั้นเคยบอกเอาไว้ว่าวันนี้จะสังหารพวกเราให้ได้” ซือหม่าโยวเล่อกินยาวิเศษลงไปแล้วก็ฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย พอจะยืนด้วยตัวเองได้แล้ว

ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าหลินแล้วเอ่ยว่า “ข้าขอถามอีกครั้ง พวกท่านจะจัดการกับคนที่ทำร้ายพวกท่านปู่ข้าหรือไม่”

“เรื่องนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ!” ซือหม่าเค่อตะโกนดังลั่น

“เช่นนั้นก็อย่ามาตำหนิข้าล่ะ! เชียนอิน สังหารเขาให้ข้าที!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเย็นชา

เงาร่างสีขาวสายหนึ่งวาบผ่านสายตาของทุกคน จากนั้นด้านนอกก็มีเสียงร้องโอดครวญเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะเกิดความชุลมุนวุ่นวาย

“โยวเจ๋อถูกสังหารแล้ว!” คนด้านนอกตะโกนขึ้น

“เจ้าฆ่าหลานชายข้า! ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย” ซือหม่าเค่อคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่าจริงๆ เขาตบโต๊ะฉาดใหญ่แล้วโจมตีเข้าไปหาเธอด้วยระดับราชันวิญญาณ

……………………………………….