กู้ชูหน่วนและคนอื่น ๆ เดินไปตามช่องลม เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะหาทางออกได้ในไม่ช้า แต่หลังจากผ่านไปหลายชั่วยาม พวกเขาก็ยังออกไปไม่ได้
ในขณะที่นางกำลังจะด่า นางก็ได้ยินเยี่ยเฟิงกล่าวว่า “ข้างหน้ามีแสงสว่าง และมีทางออกอยู่ข้างหน้า”
ทั้งสามคนเดินอยู่ในถ้ำเกือบหนึ่งคืนสองวันกว่าที่จะออกไปได้
หลังจากนั้นก็อยู่บนภูเขาอีกสองวันกว่าที่จะมาถึงในเมือง
นอกประตูเมือง ทั้งสามคนมองดูคำสามคำบนกำแพงเมือง และต่างตกตะลึง
“เมืองชิงหง?”
กู้ชูหน่วนไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้มาก่อน และไม่มีความทรงจำใด ๆ แต่ดูเหมือนว่าเมืองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงจะไม่มีชื่อนี้
ฝูกวงและเยี่ยเฟิงงุนงง
เมืองชิงหงอยู่ที่ชายแดนของรัฐเยี่ย ถัดไปจากเมืองเล็ก ๆ นอกด่านก็จะออกไปนอกชายแดน เรียกว่าหุบเขากลืนวิญญาณ เป็นดินแดนที่ไม่มีใครควบคุมดูแล
หุบเขากลืนวิญญาณกับหุบเขาพิศวิญญาณแตกต่างกันเพียงแค่คำเดียว และห่างกันหนึ่งแสนแปดพันลี้
พวกเขาเดินอยู่ในถ้ำหลายวันแล้ว ทำไมถึงมาโผล่ที่เมืองชิงหง?
เป็นไปได้หรือไม่ที่ถ้ำนั้นจะเป็นอุโมงค์ระหว่างหุบเขากับหุบเขา?
“พวกเจ้าไปหาโรงเตี๊ยมและพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปที่หมู่บ้านเสี่ยวเหอก่อน”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เยี่ยเฟิงเป็นห่วงท่านยายเยี่ยที่อยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวเหอมาโดยตลอด และไม่อยากให้พวกนางเป็นกังวล แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา
ตอนนี้ออกมาจากอุโมงค์แล้ว เขาจึงแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปดูในทันที
“คนของเผ่าปีศาจตามเจ้าไม่ทัน พวกเขาจะต้องไปดักรอเจ้าที่หมู่บ้านเสี่ยวเหออย่างแน่นอน หากเจ้ากลับไป ก็เท่ากับไปติดกับดักด้วยตัวเอง” กู้ชูหน่วนห้ามเขาไว้
เยี่ยเฟิงฝืนยิ้ม ความโศกเศร้าแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา “บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของข้า ท่านยายมีบุญคุณกับข้ามาก ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางเป็นอะไรได้”
“อีกแล้วหรือ ชะตากรรมของข้าขึ้นอยู่กับข้า และชะตากรรมของเจ้าก็ต้องอยู่ในมือของเจ้าเช่นกัน ตอนที่พวกเราจากไป เซี่ยวอวี่เซวียนยังอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวเหอ เขาน่าจะช่วยพาท่านยายเยี่ยของเจ้าไปยังที่ปลอดภัยแล้ว เจ้าอย่ากังวลไปเลย”
“ข้ายังไม่วางใจ”
กู้ชูหน่วนพยายามทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สามารถรั้งเยี่ยเฟิงไว้ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่นางพบว่าแท้จริงแล้วเยี่ยเฟิงมีนิสัยดื้อรั้นมาก
ในท้ายที่สุดแล้ว กู้ชูหน่วนก็ทำได้เพียงกล่าวว่า “เจ้ารอข้าอีกสักหนึ่ง ข้าจะไปทำธุระที่หุบเขากลืนวิญญาณ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ข้าจะกลับไปกับเจ้า”
“ท่านจะไปทำอะไรที่หุบเขากลืนวิญญาณ?ที่นั่นเป็นเขตแดนที่ไม่มีใครควบคุมดูแล และพวกคนชั่วช้าสามานย์ทั้งหมดก็รวมตัวกันอยู่ที่นั่น”
ทันใดนั้น เยี่ยเฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาเงยหน้าขึ้นในทันที “ท่านจะไปหาหญ้านรก?”
“ในเมื่อมาถึงเมืองชิงหงแล้ว อย่างไรก็ต้องเข้าไปหา บางทีอาจจะเจอหญ้านรกก็ได้” กู้ชูหน่วนหาวและเดินกะเผลกไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน
นางอยู่ในถ้ำนานเกินไป และเมื่อออกมาเสื้อผ้าของนางก็ขาดเป็นรู ทั้งสกปรกและขาดวิ่น ราวกับขอทานขาเป๋
เมืองชิงหงไม่ใหญ่มากนัก แต่คึกคักมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนขายของ และมีพ่อค้าต่างถิ่นทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสาย
กู้ชูหน่วนมองไปที่โรงเตี๊ยมอันเงียบสงบข้างหน้า และรอยยิ้มที่สบายอกสบายใจก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“ฝูกวง เอาเงินมาให้ข้าหน่อย ข้าจะเปิดห้องพักดี ๆ สักสองสามห้อง กินให้อิ่มท้องเสียก่อนแล้วค่อยไปนอนพักผ่อนให้สบาย”
ฝูกวงตกตะลึงและกล่าวอย่างลำบากใจ “นายท่าน ข้าน้อยไม่มีเงิน”
“สักตำลึงเดียวก็ไม่มีเลยหรือ?”
“แม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่มีขอรับ”
กู้ชูหน่วนเหงื่อตก “ปกติเวลาออกไปข้างนอก เจ้าไม่พกเงินมาด้วยหรือ?”
“โดยปกติแล้วไม่มีพกขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้ากินอะไรและพักที่ไหน?”
“ข้าน้อยเป็นผู้คุ้มกัน จุดประสงค์ก็คือเพื่ออารักขานายท่าน ดังนั้นปกติแล้วจะซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีที่นอนที่ดี ส่วนอาหารก็เท่าที่มี”
“……”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ “ต่อไปเจ้าไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในที่มืดแล้ว คอยติดตามอยู่ข้างกายข้า”
“ขอรับ”
กู้ชูหน่วนยื่นมือไปทางเยี่ยเฟิง “เจ้ามีเงินหรือไม่ เอามาให้ข้ายืมก่อน แล้ววันหลังข้าจะคืนให้เจ้า”