“โชคชะตาเอ๋ย! มีเพียงการร่วงโรยก่อนเท่านั้นจึงจะทำให้พวกเจ้าเบ่งบานครั้งใหม่ได้!”

 

ซูเซี่ยเอ๋อร่ายมนคาถาของเกาะหมอกดังลั่น

 

ไพ่กว่า 77 ใบที่ลอยอยู่กลางอากาศ สาดประกายแสงพร่างพราว

 

พวกมันเริ่มดูดกลืนแต้มพลังวิญญาณอันงดงามและไร้ที่สิ้นสุดอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะระเบิดอำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา

 

และทั้งคนทั้งร่างของซูเซี่ยเอ๋อก็เริ่มเลือนรางลง

 

-นี่คือสัญญาณของการเผาผลาญชีวิตที่มากเกินไป

 

ตรงกันข้ามกับเธอ นักรบเกราะเหล็กสูงสองเมตรได้ยื่นมือของตนอออกมา ล้วงเข้าไปในความว่างเปล่าเบื้องหน้า

 

เพี๊ยะ!

 

แต่มือของเขากลับถูกตีกลับโดยความว่างเปล่า และแม้กระทั่งเกราะมือของเขาก็ร้อนราวกับถูกลวก

 

แล้วนักรบเกราะเหล็กก็เข้าใจในที่สุด

 

เขาโบกมือออกไป “ทั้งหมดถอยกลับมาซะ มาอยู่ใกล้ๆฉัน เตรียมจัดทัพป้องกัน”

 

“แต่บอส — ” หลายคนสับสน

 

“เร็วเข้า! เธอกำลังจะตายอยู่แล้ว แต่พวกเราไม่สามารถตายตกตามกันไปกับเธอได้!” นักรบตะโกนเฉียบขาด

 

เขาก้าวถอยหลังและจัดโล่ขนาดใหญ่มาวางไว้เบื้องหน้าตนเอง

 

ฝูงชนราวกับได้สติตื่นจากห้วงฝัน เร่งรุดไปใกล้กับเขา แล้วเริ่มจัดวางรูปแบบการป้องกันอย่างเข้มงวด

 

เวลานี้ มันสายเกินไปแล้วที่จะวิ่งหนี

 

77 ไพ่เริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และร่างของซูเซี่ยเอ่อก็สาดแสงพิสุทธิ์พรั่งพรูออกมา

 

สามพายุทอร์นาโดเริ่มก่อตัว เวียนวนโคจรรอบซูเซี่ยเอ๋อ และในที่สุด มันก็เริ่มพัดทะลวงจนเกิดรูบนพื้นน้ำแข็ง ชักนำเอาธารน้ำมหาศาลที่อยู่เบื้องล่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

นักรบเกราะเหล็กเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ ในความคิดลอบถอนหายใจอย่างลับๆ

 

พลังอำนาจนี้ ช่างอัศจรรย์ น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลย

 

แต่เกรงว่าก่อนที่พลังอำนาจดังกล่าวจะถูกยิงออกมา สาวน้อยคนนี้ก็คงจะทนไม่ไหว สิ้นใจไปเสียก่อน

 

ว่าแต่ทำไมกัน? ทำไมเธอถึง-

 

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนของเขากำลังจะจากไปอยู่แล้ว

 

เห็นได้ชัดว่าเขาได้สั่งห้าม ไม่อนุญาตให้มีเรื่องราวใดๆภายนอกเข้ามาขัดขวางภารกิจ และไม่อนุญาตให้มีใครไปยั่วยุเธอด้วยซ้ำ

 

แต่แล้วทำไมเธอถึงต้องทุ่มเทพยายามจะสังหารพวกเขาถึงเพียงนี้?

 

นักรบเกราะเหล็กยิ่งคิดก็ยิ่งงง ไม่อาจหาเหตุผลมารองรับได้

 

บนท้องฟ้า เมื่อสูบน้ำจนอิ่ม พายุทอร์นาโดสามวงได้กระจายตัวออกไป

 

เนื่องจากการพวยพุ่งของกระแสธารเบื้องล่างพื้นน้ำแข็ง ส่งผลให้เกิดการควบแน่นขึ้นในอากาศ ก่อตัวเป็นแท่งหอกน้ำแข็งที่วาววับและโปร่งใส อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

พายุหิมะไม่ร่วงโรยอีกต่อไป

 

ท้องฟ้ามืดครึ้ม และเมฆหมอกไอเย็นปกคลุมเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม

 

รอบตัวเธอจมลงสู่ความเงียบงัน เริ่มบังเกิดชั้นอากาศที่บิดเบี้ยว

 

ความรู้สึกนี้ มันคล้ายกับการตกอยู่ในฝันร้าย จิตสำนึกของทุกคนจมลงสู่ห้วงอารมณ์อันแปรปรวน

 

และถึงแม้ว่าทุกคนในกลุ่มนักรบจะมีอายุน้อยกว่า 30 ปี แต่ทั้งหมดก็ได้ผ่านพ้นและเรียนรู้ประสบการณ์มามากมาย บางคนที่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้

 

“เธอเป็นคนจากเกาะหมอก! พวกเราทุกคนจะต้องป้องกันการโจมตีนี้ให้ได้!” บางคนร้องตะโกนคลั่งออกมา

 

“ใช่ ทุกคนจงใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ตนมีเพื่อ-” นักรบเกราะเหล็กคำราม ทิ้งช่วงไป

 

และทุกคนก็ตะโกนต่อจากเขา “ป้องกัน!”

 

ในช่วงเวลานั้นเอง พลังอำนาจที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนก็พลันปะทุออกมา พวกมันถูกรวบรวมเข้าด้วยกันรอบตัวนักรบเกราะเหล็ก

 

ตรงกันข้ามกับพวกเขา หมอกไอเย็นฟุ้งกระชากขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หมอกนี้ราวกับสัตว์ร้ายอันน่าหวาดกลัว ที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตได้ตลอดเวลา

 

ฝูงชนต่างพากันกลืนน้ำลายอึกอัก ทั้งหมดทุ่มพยายามอย่างเต็มที่เข้าสู่สภาวะพร้อมป้องกัน

 

การระเบิดโจมตีร้ายแรงกำลังจะมาแล้ว!!!

 

ท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง

 

ซูเซี่ยเอ๋อเปล่งคาถาเสียงกระซิบ มุ่งเน้นควบรวมอำนาจทั้งหมดของไพ่

 

ณ เวลานี้ ร่างของเธอยิ่งมายิ่งกลายเป็นพร่ามัวมากขึ้น

 

ในจิตใจของซูเซี่ยเอ๋อ มีเพียงความคิดเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่

 

เวลากำลังจะหมดลงแล้ว ต้องยึดโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้ให้จงได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี-

 

ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

 

ใบไม้สีเขียวผุดออกมาจากหน้าผากตรงกลางหว่างคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว

 

ใบไม้นี้ราวกับครอบครองพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุด พริบตานั้นทั้งคนทั้งร่างของซูเซี่ยเอ๋อที่พร่ามัวก็กลับมาเด่นชัดขึ้นทันใด

 

รังสีเขียวมรกตอาบไปทั่วตัวเธอราวกับน้ำพุร้อนในฤดูใบไม้ผลิ

 

นี่คือพลังชีวิตที่เหนือกว่าทุกสิ่งอย่าง มันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใดก็ไม่สามารถเข้าถึงได้!

 

ซูเซี่ยเอ๋อตกตะลึง

 

เธอสังเกตเห็นว่าพลังชีวิตของเธอยังคงถูกเผาผลาญอยู่ แต่อีกอำนาจหนึ่งก็กำลังถ่ายเทพลังชีวิตใหม่เข้ามาให้แด่เธออย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

อำนาจที่ห่างไกลเกินกว่าความรู้ความเข้าใจไปโดยสมบูรณ์

 

ด้วยอำนาจดังกล่าวนี้ ส่งผลให้จุดอ่อนจากทั้งคนทั้งร่างของเธอถูกลบ กลบหายไปจนสิ้น

 

กายของเธอกลับกลายเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม มันสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์และปฐพี , กฏเกณฑ์ , โลก และต้นกำเนิดมากยิ่งขึ้น

 

เวลานี้เธอยังกระทั่งสามารถสัมผัสได้เล็กๆน้อยๆถึงคลื่นความผันผวนอันยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ทั้งใบได้อีกด้วย!

 

“ไม่จริงน่า เห็นได้ชัดว่าฉันกำลังจะตาย … แล้วทำไมจู่ๆฉันถึงได้ยกระดับขึ้นไปไกลกว่าเหล่าอาจารย์ที่ปรึกษาระดับทั่วไปกัน?”  ซูเซี่ยเอ๋ออุทานด้วยความประหลาดใจ

 

เธอลองสัมผัสกับมันอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็สังเกตถึงมันได้เล็กน้อย

 

มือถูกยื่นออกไปในความว่างเปล่า -ซูเซี่ยเอ๋อเรียกกระจกสีเงินออกมา

 

เห็นแค่เพียงบนหน้าผากตน ปรากฏถึงใบไม้สีเขียวมรกตที่กระเพื่อมไหวไปตามแรงลม

 

พอได้เห็นซูเซี่ยเอ๋อก็สามารถจดจำมันได้ในทันที

 

ตนกับกู่ฉิงซานเคยได้พบกับหญิงงามไม้สลักในเมืองเล็กๆ

 

ขณะที่อีกฝ่ายกล่าวว่าเธอเป็นเพื่อนของอาจารย์ และหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว เธอก็ได้วางใบไม้ใบนี้ลงบนหน้าผากของตนเอง

 

“ที่แท้ก็เป็นเธอ … ” ซูเซี่ยเอ๋อบ่นพึมพำ

 

วินาทีต่อมา ไพ่สีม่วงก็บินออกจากตัวซูเซี่ยเอ๋ออย่างกระทันหัน และแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ

 

“ไม่นะ! นั่นมันไพ่แทนที่โชคชะตาของฉัน!”

 

ซูเซี่ยเอ๋อร้องอุทาน

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

 

ร่างเงาปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า และนำพาเธอออกไปจากสถานที่นั้นโดยตรง

 

….

 

อัลเบอัส

 

ณ ขณะนี้คือเวลากลางคืน แต่งานรื่นเริงของอัลเบอัสก็ยังไม่จบลง

 

พิธีเฉลิมฉลองเจ้าหญิงหนามอายุครบ 12 ปี จะจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน

 

ผู้คนจึงเพลิดเพลิน ดื่มด่ำตลอดทั้งวันคืนไปกับการแสดงน้ำใจของราชวงศ์วิหคหนาม

 

บนดาดฟ้าชมวิว ในชั้นบนสุดของโรงแรม

 

หญิงงามไม้สลักยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่นั่น

 

เหมือนว่าเธอเลือกที่จะออกมาข้างนอก ปลีกวิเวกจากความคึกครื้นและทุกสรรพเสียง เฝ้ามองดูโลกจากเบื้องบนอย่างเงียบๆ คล้ายกับพระเจ้าที่ทอดสายตามองลงมา

 

องครักษ์ราชวงศ์วิหคหนามก้าวเข้ามายังระเบียง คุกเข่าลง และกล่าวด้วยความเคารพ “หัวใจพฤษานิรันดร์ จิตวิญญาณแห่งพฤษาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ประจักษ์แห่งเทพบรรกาลตลอดทั้งหมื่นโลกา สหายที่ดีที่สุดแห่งตระกูลหนาม เลดี้เทสส์ที่เคารพ ผู้น้อยมีไม่กี่คำที่จะมารายงานแก่ท่าน”

 

หญิงงามไม้สลักมิได้หันหัวกลับมา แต่ก็ยังขานรับ “ว่ามาสิ”

 

“ท่านหญิงทริสเต้ให้มาถามไถ่ว่าการค้นหาของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

 

หญิงงามไม้สลักเทสส์หัวเราะออกมา “เราคงต้องบอกว่า แม้เจ้าหญิงของพวกเจ้าจะซุกซน แต่ความสามารถของเธอนับว่าน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ”

 

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ก็เราได้ค้นพบมั-”

 

แต่แล้วเธอก็หุบปากลงทันใด

 

“เลดี้ … ?”องครักษ์ราชวงศ์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

 

“รอประเดี๋ยว เราขอจัดการธุระส่วนตัวก่อน เสร็จแล้วจะมาคุยกับเจ้าในภายหลัง”

 

ว่าจบ เทสส์ก็ยกมือขึ้น

 

เห็นแค่เพียงเปลวเพลิงสีเขียวที่แผ่ออกจากฝ่ามือเธออย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ห่อหุ้มกายเธอเอาไว้

 

ผู้พิทักษ์ราชวงศ์จึงเร่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เขาลอบมองไปยังเปลวไฟสีเขียวที่ปรากฏ และบังเกิดความคิดว่า ‘การที่ตนเองยืนจ้องมองอีกฝ่ายจัดการเรื่องส่วนตัวอยู่ที่นี่ มันช่างไม่เหมาะสมกับมารยาทของตระกูลวิหคหนามเลยเสียจริงๆ’ ดังนั้นเขาจึงถอยออกจากระเบียง และเฝ้ารอให้อีกฝ่ายจัดการธุระให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

 

จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ เลดี้เทสส์ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียว

 

“นี่มันเทคนิคแทนที่โชคชะตาของทะเลเลือด? ช่างเป็นเทคนิคมนตราที่น่ารำคาญเสียจริงๆ”

 

เมื่อมองย้อนไปถึงช่วงเวลาในครั้งอดีต เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

 

ในช่วงเวลานั้น ครั้งหนึ่งจอมมารทะเลเองก็ได้ใช้เทคนิคมนตรานี้กับเธอ และสุดท้ายมันก็ทำให้เธอโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก นับจากนั้นมา ทั้งสองก็มิอาจพัฒนาความสันพันธ์ที่มีต่อกันได้อีกต่อไป

 

“อาจารย์ว่าโง่แล้ว แต่กระทั่งลูกศิษย์ก็ดันมาโง่เหมือนกันอีก”

 

ท่าทีของเลดี้เทสส์ดูจะค่อนข้างโกรธเล็กน้อย “ไม่ยินยอมไถ่ถามจากใคร และคิดว่าทางที่ตัวเองตัดสินใจเลือกให้คนอื่นนั้นถูกต้องแล้ว … คิดว่าตนวิเศษวิโสมากรึไงกัน?”

 

เธอเอ่ยเสียงกระซิบ ขณะเดียวกัน สองมือก็ขยับไหวไม่หยุด เตรียมใช้ออกด้วยเทคนิคลับ

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้คนอื่นต้องประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกันกับเธอ เทสส์จึงได้คิดค้นและศึกษาเทคนิคหวนคืนโชคชะตาขึ้นมาเป็นพิเศษ

 

“คราวนี้ล่ะ ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสบดขยี้ไพ่แทนที่โชคชะตาของเจ้าเสียที”

 

เทคนิคมนตราเริ่มขับเคลื่อน

 

ใบหน้าของจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าภาคภูมิ ในสายตาของเธอ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไพศาล ราวกับว่าเธอสามารถมองเห็นโชคชะตาของทั้งสองกลับคืนสู่ปกติดังเดิม

 

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เธอก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

 

หากเธอไม่ได้อาศัยการเชื่อมต่อระหว่างไพ่โชคชะตาและเทคนิคที่ปลดปล่อยออกมา เธอคงจะไม่ทันได้ใส่ใจหรือสังเกตเห็นถึงมันเลย

 

“พิกลนัก เขาสามารถเข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นได้อย่างไร?”

 

“กระทั่งลอร่าเองก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย … นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

 

การแสดงออกทางสีหน้าของจิตวิญญาณพฤษากลายเป็นร้ายแรงมากขึ้น

 

ชั่วขณะนี้ เธอบังเกิดความตื่นตัว ระมัดระวังถึงขีดสุด

 

“แต่ที่นั่นคือโลกของทริสเต้ ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรได้มากจนเกินไป มิฉะนั้นเธอคงจะรู้ตัว”

 

จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์พึมพำ และเริ่มร่ายเทคนิคมนตราในมือ

 

“ข้าคงต้องสร้างร่างจำลองขึ้นมาชั่วคราว  … ”

 

ขณะกล่าว ในมือของจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ ก็พลันปะทุชั้นเปลวเพลิงสีเขียว พริบตาเดียว พวกมันก็แปรสภาพเป็นร่างเงาของเธอทันที และผลุบหายเข้าไปในความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอย

 

ร่างเงาของเธอข้ามผ่านช่องว่างโดยตรง แบ่งแยกออกเป็นสอง หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าซูเซี่ยเอ๋อ ขณะอีกหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

 

ร่างเงานำพาซูเซี่ยเอ่อหายออกไปจากโลกสมบัติของทริสเต้เลยโดยตรง

 

ณ เกาะหมอก

 

จอมมารทะเลเลือดนั่งถือไพ่อยู่ในห้องสมุดของเขาอย่างเงียบๆ

 

เห็นแค่เพียงบนหน้าไพ่เป็นรูปของซูเซี่ยเอ๋อ

 

ทว่าภาพของเธอบนหน้าไพ่กลับกำลังค่อยๆซีดจางลง และกำลังจะหายไปจากตัวไพ่ในไม่ช้า

 

จอมมารทะเลเลือดเผยให้เห็นถึงสีหน้าประหลาดใจ ปากเอ่ยพึมพำ “นี่มันก็แค่การเรียกขานของวิหคหนามมิใช่หรือ? มันจะยากเย็นถึงขั้นต้องลงมือทำขนาดนี้ได้อย่างไร?”

 

เขาเอื้อมมือออกมา และขยับเบาๆ ทันใดนั้นไพ่ที่สาดรังสีเลือดนับหลายร้อยใบก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

 

“ทะเลเลือด คำสาปแห่งความตาย จงเตรียมพร้อม”

 

เขาเอ่ยสั่ง

 

แล้วไพ่นับร้อยใบก็สาดแสงสีเลือดอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาทันที โฉบเข้ารายล้อมรอบไพ่ที่มีรูปของซูเซี่ยเอ๋ออยู่

 

ทันใดนั้นเอง จอมมารทะเลเลือดพลันสัมผัสได้ถึงการมาเยือนบางอย่าง นิ้วของเขาชี้ไปในอากาศที่ว่างเปล่า ปากเอ่ยกล่าวทันที “อนุญาตให้เปิดมิติ”

 

พริบตานั้นความว่างเปล่าก็แยกออก ร่างเงาของเทสส์และซูเซี่ยเอ๋อได้ปรากฏขึ้น

 

“เทสส์ พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะ” จอมมารทะเลเลือดยิ้ม

 

“นี่ลูกศิษย์เจ้ามิใช่หรือ ถ้าใช่ เจ้าก็สมควรที่จะดูแลเธอให้ดีสิ” เทสส์กล่าวอย่างเฉยเมย

 

“เกิดอะไรขึ้น? เธอสร้างปัญหาให้เจ้างั้นหรือ?”

 

“ไม่ใช่ แต่เธอกับเจ้ามันก็โง่ไม่แตกต่างกัน เด็กสาวผู้นี้วางกับดักแฟนตัวเอง และคิดจะแบกรับโชคชะตาแทนเขา”

 

เทสส์มองอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา หันหลังกลับ และบินเข้าไปในรอยแยกมิติ ก่อนจะหายไป

 

“รอเดี๋ยวก่อน – เทสส์!” จอมมารทะเลเลือดตะโกนออกมา

 

แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้หายไปแล้ว

 

จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองซูเซี่ยเอ๋อแล้วเอ่ยถาม “ศิษย์ที่รักของข้า มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

 

ซูเซี่ยเอ๋อที่ถูกจับลากมาถอนหายใจ

 

“อาจารย์ ในตอนนั้นหนูหวาดกลัวมากเกินไป จริงๆแล้วหนูสมควรที่จะบอกกับอาจารย์ก่อน … ”

 

“แท้จริงแล้ว เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้ … ”

 

ภายในกรมบังคับกฏที่ว่างเปล่า อาจารย์และศิษย์ค่อยๆพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้มันกระจ่างแก่ใจ

 

“ดูเหมือนว่าสงครามเต็มรูปแบบของโลกทั้ง 900 ล้านชั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ” จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ

 

“อาจารย์ ท่านจะออกไปสู้รึเปล่า?”

 

“แน่นอน สงครามในครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงมันได้หรอก”

 

จอมมารทะเลเลือดค่อยๆเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา และหยิบไวน์ขวดหนึ่งจากบนโต๊ะขึ้นมา รินมันใส่แก้วให้ตนเองและซูเซี่ยเอ๋อ

 

“มาเถอะ ศิษย์ข้า ดื่มสักแก้วเพื่อบรรเทาความตกใจ”

 

โดยปกติทั่วไปแล้ว การกระทำเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นที่อาจารย์มักจะทำก่อนจะสอนสั่งเธอ

 

ซูเซี่ยเอ๋อรับแก้วไวน์มาและกล่าว “ค่ะ”

 

ทั้งสองดื่มไวน์อึกหนึ่ง

 

แล้วจอมมารทะเลเลือดก็เริ่มกล่าวว่า “เซี่ยเอ๋อ เจ้าทราบหรือไม่ว่าได้ทำอะไรผิดพลั้งไป?”

 

“พบเผชิญกับอันตราย แต่กลับปิดซ่อนความจริงจากท่านอาจารย์ใช่หรือไม่?”

 

“นั่นก็เป็นข้อหนึ่ง แต่ข้อที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าไม่ควรเก็บซ่อนความจริงของคนที่เจ้ารัก และทนแบกรับมันแด่เพียงผู้เดียว”

 

ซูเซี่ยเอ๋อนิ่งงันไป

 

จอมมารทะเลเลือดยิ้ม แต่ก็สอนสั่งอย่างระมัดระวัง “เจ้าคู่ควรแก่การเป็นศิษย์ข้า และอันที่จริงข้าเองก็ชื่นชมเจ้ามากเช่นกัน แต่ข้าอยากจะบอกว่าผลลัพธ์ของการกระทำนี้ สุดท้ายมีเพียงทำให้คนรักของเจ้าต้องเจ็บปวดเท่านั้น”

 

“เจ็บปวดอย่างงั้นหรอ?”

 

“ใช่” จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ

 

ช่วงเวลานี้ เขาดูไม่เหมือนกับตัวตนทรงอำนาจอันดับต้นๆของตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้นเลย แต่กลับดูเหมือนชายวัยกลางคนทั่วไปที่กำลังผิดหวังในความรักซะมากกว่า

 

“ข้าเคยทำผิดพลั้งเช่นเดียวกันกับเจ้า และต้องใช้เวลายาวนานหลายปี กว่าที่ข้าจะตระหนักว่า การกระทำเช่นนั้นมันช่างเป็นสิ่งที่โง่เง่าจริงๆ”

 

“แต่หนูไม่ทนไม่ได้จริงๆ การที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย มันไม่มีวิธีอื่นเลย”

 

ซูเซี่ยเอ๋อส่ายหัว

 

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่สามารถแบกรับโชคชะตาของตนเองได้?” จอมมารทะเลเลือดเอ่ยถาม

 

“ก็ไพ่พยากรณ์โชคชะตาสะท้อนให้เห็นถึงชะตากรรมของเขาออกมาอย่างชัดเจน ว่าไม่พบเจอกับความตาย ก็เข้าสู่วิถีมาร” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

เธอเอ่ยด้วยความวิตกกังวล “แต่ตอนนี้เขาได้กลับคืนสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาของตัวเองแล้ว หนูกลัวว่าเขาจะต้องตายจากโลกใบนี้ไป”

 

จอมมารทะเลเลือดยิ้ม ปากเอ่ยถาม “บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าสามารถขังเขาไว้ในโรงแรมได้ยังไง?”

 

“หนูใช้ไพ่ ‘ของขวัญจุมพิตจากแม่มด’ , ‘คำสาบานของพันธนาการ’ และ ‘จอมมารคุ้มภัย’ ” ซูเซี่ยเอ๋อสารภาพ

 

“งั้นถ้าฟังจากสิ่งที่เทสส์พูดเมื่อครู่นี้ แสดงว่าแฟนเจ้าสามารถหลุดออกมาจากการจองจำเหล่านี้ได้น่ะสิ พอจะบอกข้าได้ไหม ว่าเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”

 

ซูเซี่ยเอ๋อกลายเป็นว่างเปล่า

 

จริงสิ … แล้วเขาทำได้ยังไงกัน?

 

“หากเป็นเจ้า เจ้าจะสามารถทำลายการจองจำทั้งสามนี้ และปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระได้หรือไม่?” จอมมารเอ่ยถามอีกครั้ง

 

ซูเซี่ยเอ๋อแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย

 

การคุ้มภัยของจอมมาร ด้วยความแข็งแกร่งของตนเองแล้ว เธอย่อมไม่มีทางหลบหนีจากมันไปได้โดยสมบูรณ์

 

ส่วนคำสาบานของพันธนาการ ถ้าเธอทุ่มสุดตัว ก็คงพอจะแก้มันได้

 

สำหรับของขวัญจุมพิตจากแม่มด เงื่อนไขของมันพิเศษมากเกินไป ตนเองคงไม่มีทางรับมือเกี่ยวกับมัน

 

“ไม่ได้ หนูคงไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักแรกได้ด้วยซ้ำ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

ประเดี๋ยวก่อนสิ!

 

แล้วถ้าอย่างงั้นกู่ฉิงซานสามารถหลุดพ้นจากจุมพิตแม่มดได้อย่างไร?

 

ซูเซี่ยเอ๋อเริ่มจมลงสู่ห้วงความคิดแปลกๆ

 

“ดูเถิด เห็นไหมว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ แต่เจ้ากลับหลงผิดไปคิดแทนเขา หมายจะแบกรับทุกสิ่งอย่างแทน แบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลยมิใช่หรือ?”