ตอนที่ 215 ฉินหงเหยียนกลายเป็นประธานบริษัทแสนล้าน

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เย่อัยฉีชี้ไปที่เย่เฉินพลางกล่าว “เขาบอกว่าตอนแรกที่เห็นหน้าคุณก็มั่นใจเลยว่าคุณเป็นแฟนของพี่รอง แถมยังบอกว่าแม่หนูน้อยคนนี้ต้องเป็นลูกหลานตระกูลเย่ของเรา!”

เย่เฉินกระดากอายเกินจะเปรียบ อยากจะมุดลงหลุมให้รู้แล้วรู้รอด

“น้องสี่เธอมันนิสัยไม่ดีจริงๆ ไม่ไว้หน้าพี่เลย!”

เย่เฉินอัดอั้นตันใจ รู้แบบนี้ไม่น่าจะพาหล่อนมาที่นี่เลย

ถ้าหากว่าต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงทั่วๆ ไป เย่เฉินก็คงจะไม่เสียหน้าขนาดนี้ แต่เย่เฉินที่บ้าคนสวย เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่สวยแบบนี้ก็ไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจผิดตนเอง

เย่เฉินมองหน้าหญิงสาวด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

หญิงสาวมองเย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นแล้วถาม “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันเป็นแฟนพี่รองคุณล่ะ?”

เย่เฉินเก้อเขิน เขาจะพูดอย่างไรได้?

“สาเหตุหลักๆ เพราะคุณสวยเกินไป เป็นสเป็คของพี่ชายผมพอดี…ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจคุณผิด” เย่เฉินกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ

สาวคนเดิมยักไหล่บอกว่าไม่ได้สนใจ

เมื่อดื่มกาแฟเสร็จเย่ฉินและเย่อัยฉีก็เดินออกจากร้านกาแฟ

เย่เฉินกล่าวพลางสงสัยขณะรับลมเย็นๆ “แปลกใจจริงๆ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แฟนของพี่รอง แล้วทำไมพี่รองถึงต้องทิ้งกุญแจให้ฉันมาเอาที่นี่ล่ะ?”

เย่อัยฉีกล่าวพลางระบายยิ้ม “หนูคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นของขวัญที่พี่รองทิ้งเอาไว้ให้พี่ เหมือนหวังเจียเหยที่อวิ๋นโจว พี่รองน่าจะตั้งใจหาผู้หญิงที่สวยสุดยอดให้พี่อีกคนที่นี่ก็ได้”

เย่เฉินพูดไม่ออก “ไม่ล่ะมั้ง? ต่อให้ทิ้งเอาไว้ให้ฉันจริงๆ ก็ไม่น่าจะต้องหาคนที่มีครบทั้งลูกทั้งสามีให้ล่ะมั้ง?”

เย่อัยฉีกล่าว “มีลูกมีสามีแล้วมันจะทำไมล่ะคะ ผู้ชายแบบพวกพี่ชอบหาคนที่มีสามีแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

หน้าเย่เฉินเหรอหรา “เธอจะตัดสินคนด้วยมาตรฐานเดียวกันไม่ได้นะ พี่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้… อีกอย่างพี่มีฉินหงเหยียนแล้ว ต่อให้ผู้หญิงคนอื่นสวยปานนางฟ้าก็ไม่เข้าตาหรอก”

เย่อัยฉีกล่าวพลางส่งยิ้ม “พี่นี่รักเดียวใจเดียวจริงๆ ไม่เหมือนพ่อเลยสักนิด หวังว่าฉินหงเหยียนก็จะซื่อสัตย์กับพี่แบบนี้เหมือนกัน ไม่ทรยศพี่”

……

เย่อัยฉีส่งมอบตำแหน่งประธานบริษัทไป๋ลี่ให้ฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนกลายเป็นประธานบริษัทระดับแสนล้าน ทันใดนั้นเองสมญานามประธานบริษัทหญิงที่สวยที่สุดในเทียนไห่ก็แพร่กระจายไปทั่ววงการธุรกิจ!

คืนวันนั้นเย่เฉินเปิดแชมเปญเพื่อฉลองกับแฟนสาว

“ดีใจด้วยนะครับ หงเหยียน ที่คุณได้กลายเป็นประธานบริษัทที่เข้าตาดหลักทรัพย์มูลค่าแสนล้าน!”

เย่เฉินถือแก้วแชมเปญเพื่อฉลองให้ฉินหงเหยียน

ตั้งแต่วินาทีที่ฉินหงเหยียนยอมทิ้งตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเพื่อเขา เย่เฉินก็สาบานกับตัวเองแล้วจะต้องให้ฉินหงเหยียนได้มากกว่าที่เคยได้!

หล่อนยอมละทิ้งตำแหน่งประธานบริษัทมูลค่าหมื่นล้านอย่างหัวเซิ่งกรุ๊ป เย่เฉินเลยชดเชยหญิงสาวด้วยตำแหน่งประธานของบริษัทที่มีมูลค่าแสนล้านอย่างไป๋ลี่!

ใที่สุดวันนี้เขาก็ได้ทำให้คำสัญญาของตัวเองเป็นจริง!

ทว่าฉินหงเหยียนไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเย่เฉิน

ที่จริงแล้วเย่เฉินเคยคิดว่าจะสารภาพกับแฟนสาว บอกความจริงทั้งหมดกับหล่อน

แต่ว่าตอนนี้หวังเจียเหยายังตั้งท้องอยู่ อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดแล้ว ถ้าหากว่าเกิดรู้ว่าเย่เฉินไม่ได้ถูกไล่ออกจากตระกูลจริงๆ แล้วเกิดตกใจโวยวาย ยากจะรับรองได้ว่าเด็กในท้องจะปลอดภัย

อีกด้านเขาเองก็อยากจะเห็นว่าพอฉินหงเหยียนกลายเป็นปนะธานบริษัทมูลค่าแสนล้านแล้วจะรังเกียจเขาหรือไม่

ตอนที่หล่อนต้องเจอกับสิ่งที่เย้ายวนมากๆ จะยังทำจิตใจให้มั่นคงและรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ได้หรือไม่

อย่างไรเสียพอกลายเป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ในประเทศนี้ไม่ว่าหล่อนอยากได้อะไรก็จะได้ตามที่ต้องการ

ไม่ว่าจะจะเป็นเศรษฐีแสนล้านอย่างสวี่ฉู่หมิง หรือว่าดาราเด็กไอดอลที่กำลังโด่งดัง ต่างก็จะเลือกเข้าหาหญิงสาว

หล่อนอยากได้ผู้ชายแบบไหนก็จะได้ตามนั้น!

เหมือนพวกผู้ชายที่พอมีเงินแล้วมักจะนอกใจคนรัก นั่นเพราะปัจจัยภายนอกที่มันยั่วมันเย้านั้นมีมากเกินไป

แต่คนแบบนี้ ที่ไม่สามารถจะควบคุมจิตใจของตนเองได้ ไม่เหมาะจะกลายเป็นคู่ชีวิตของเขา

รักใครสักคนก็ควรจะปฏิเสธทุกความเย้ายวนทั้งหมดที่มี!

“ขอบคุณค่ะ”

ฉินหงเหยียนชนแก้วกับแฟนหนุ่มแล้วกล่าวอย่างงุนงง “ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนความฝันเลย เมื่อสองเดือนก่อนฉันยังอับจนหนทางอยู่เลย กระทั่งงานก็ยังไม่มี แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะกลายเป็นประธานบริษัทไป๋ลี่”

ถึงแม้ว่าตอนนี้หญิงสาวจะเป็นประธานบริษัทแต่ว่าไม่ได้มีหุ้นเยอะแยะ ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างในบริษัทก็ยังต้องขึ้นอยู่กับเย่อัยฉีอยู่ดี

แต่เย่อัยฉีก็มอบสิทธิ์ให้หญิงสาวมากทีเดียว

จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็พูด “เย่เฉิน คุณอยากจะมาช่วยฉันทำงานที่บริษัทไหมคะ?”

“ได้สิครับทำอะไรเหรอครับ?” เย่เฉินถาม เดิมทีเขาก็เป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทไป๋ลี่ อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย

ทิศทางในการเติบโตของไป๋ลี่ในตอนนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเย่เฉิน

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันอยากให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายอบรมบุคลากรของพวกเรา คุณไปมาตั้งหลายประเทศ พูดได้หลายภาษา คุณน่าจะสามารถอบรมพวกผู้หญิงต่างชาติที่เราจ้างมาได้”

“ได้ครับ ขอบคุณนะครับหัวหน้า ผมจะตั้งใจทำงาน!” เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม

ฉินหงเหยียนจิ้มปลายจมูกชายหนุ่มแล้วกระเซ้า “อืม ตั้งใจทำงานล่ะ ทำไม่ดีระวังโดนไล่ออกนะ”

พอพูดคำว่าไล่ออก เย่เฉินก็โพล่งออกมา “เอ่อ คนขับรถที่ชื่อเสี่ยวหวัง ยังขับรถให้คุณอยู่ไหม?”

ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะ ฉันไล่เขาออกวันนี้ เขาพูดมากเกินไป ถ้าหากไม่เห็นแก่หน้าเหอเหวินเจี้ยน ฉันไล่เขาออกไปนานแล้วืหมอนี่หลังจากโดนไล่ออก ยังไม่ยอมรับสภาพอีก มีหน้าวิ่งโร่ที่ออฟฟิศฉันแล้วโวยวายอีก”

เย่ฉินกังวลใจ “มีอะไรหรือเปล่า?”

เด็กสมัยนี้ใจร้อน เย่เฉินกลัวว่าเด็กนี่หลังจากโดนไล่ออกแล้วจะไปก่อเรื่องอะไรเข้า

ฉินหงเหยียนกล่าว “ไม่มีอะไรค่ะ ก็พูดได้ไม่กี่คำก็โดนเหอเหวินเจี้ยนลากออกไป”

“ฉันได้คนขับรถผู้หญิงมาค่ะ คุณทายสิว่าใคร?”

เย่เฉินงงุนงง “ผมรู้จักเหรอ?”

ฉินหงเหยียนหยักหน้า

จู่ๆ เย่เฉินก็ระบายยิ้ม “หรือว่าโจวหรงหรง?”

ฉินหงเหยียนกล่าวพลางหัวเราะร่วน “ใช่แล้ว หล่อนนั่นแหละ ฉันเรียกหล่อนมาจากอวิ๋นโจว หล่อนทำงานกับฉันมาตั้งหลายปี ฉันทำงานกับหล่อนชินแล้ว”

เย่เฉินพยักหน้ารับ ต่อไปโจวหรงหรงทำงานกับหญิงสาวเขาเองก็สบายใจ

“จริงสิ ที่รัก พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานที่เมืองเซิ่งหยาง ต้องอยู่ที่นั่นประมาณเจ็ดวัน สัปดาห์หน้าคุณน่าจะต้องอยู่เหงาหงอยเปล่าเปลี่ยนคนเดียวแล้ว”

ฉินหงเหยียนกล่าวพลางระบายยิ้ม

เย่เฉิรรู้ว่าไป๋ลี่คอนเฟิร์มแล้วว่าสาวๆ จากยูเครนจะถูกส่งไปทำงานที่เมืองเซิ่งหยาง

เซิ่งหยางเป็นเมืองทางฝั่งเหนือ ผู้ชายฝั่งนั้นรูปร่างกำยำสูงใหญ่ นิสัยตรงไปตรงมา น่าจะค่อนข้างเหมาะสมกับสาวๆ จากยูเครน

เย่เฉินถาม “โจวหรงหรงไปเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม?”

หวังเจียเหยาส่ายหน้า “โจวหรงหรงเพิ่งมาถึงบริษัท ยังไม่ได้ทำเรื่องบรรจุเข้าทำงานเลยค่ะ พรุ่งนี้ฉันไปคุณเหอเหอเหวินเจี้ยน”

เย่เฉินหงุดหงิด “ทำไมคุณไปทำงานต่างจังหวัดทีไรเหมือนวว่าจะไปกับเหอเหวินทุกครั้งเลยล่ะ? คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วล่ะมั้ง? เขาชอบคุณหรือเปล่าดังนั้นถึงได้จงใจไปทำงานต่างจังหวัพร้อมคุณทุกครั้งเลยล่ะ?”

ฉินหงเหยียนชะงักไปเล็กน้อยแล้วตอบ “ใช่ค่ะ!”