สิ่งหนึ่งที่หลินเทียนอ้าวพูดมานั้นเป็นความจริง หากให้เวลาโจวเหว่ยชิงฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งมากพอ เขาจะต้องเขย่าโลกทั้งใบได้อย่างแน่นอน
เมื่อแสงสีดำกระพริบอย่างต่อเนื่องในห้อง ทักษะสัมผัสมืดก็ถูกปลดปล่อยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และเมื่อหนวดเหล่านั้นคลืบคลานออกมาจากตัวของโจวเหว่ยชิง มันก็สามารถซอกซอนเข้าไปได้ทุกซอกทุกมุมของห้อง
โจวเหว่ยชิงเริ่มเล่นกับมันโดยใช้พลังจิตของเขาควบคุมทักษะสัมผัสมืดให้เคลื่อนที่ไปรอบๆ และกระทำสิ่งต่างๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็ทดสอบเกี่ยวกับความมั่นคง ความแข็งแกร่ง ความเหนียว และความยืดหยุ่นของมันด้วย
เมื่อทำเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงจึงเริ่มแยกแยะความแตกต่างระหว่างทักษะธาตุมืดกับทักษะธาตุมิติ หรือทักษะธาตุลมได้
ทักษะธาตุมิตินั้นจะปลดปล่อยพลังออกมาทันที ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นสำหรับทักษะกระชากมิติ แม้ว่ามันจะกินเวลา 3 วินาที แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้มันประสบความสำเร็จคือการที่มันมีผลต่อศัตรูได้ทันที
สำหรับทักษะธาตุมืดนั้นค่อนข้างแตกต่างกัน เมื่อเปิดใช้ทักษะสัมผัสมืด อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและการควบคุมมันต่อจากนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพียงแค่การลองครั้งแรกก็ทำให้โจวเหว่ยชิงเหงื่อตกเนื่องจากหนวดเหล่านั้นมีจำนวนมากเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ ในการพยายามควบคุมหนวดแต่ละเส้นให้ทำสิ่งที่แตกต่างกันนั้น เขาไม่เพียงแต่ต้องขบคิดและจัดการทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน แต่ยังรวมถึงการควบคุมทักษะ พลังปราณสวรรค์ และธาตุมืดให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย
นั่นเกือบจะเหมือนกับว่าเขาต้องแยกสมองออกเป็นสิบๆ ส่วนเพื่อจัดการกับหนวดแต่ละเส้น และทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็รับรู้ได้ถึงความยากลำบากที่แท้จริงของทักษะนี้ขึ้นมาทันที แม้ว่าการควบคุมทักษะในระดับนี้จะไม่ได้เผาผลาญพลังปราณสวรรค์ของเขามากนัก แต่มันก็เป็นการกัดกร่อนพลังจิตวิญญาณของเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อระยะใช้งานทักษะสัมผัสมืดสิ้นสุดลงในครั้งแรก โจวเหว่ยชิงก็ไม่รีบร้อนเรียกมันออกมาอีกครั้ง แต่เขากลับนั่งระลึกถึงกระบวนการที่ได้ทำลงไปเมื่อสักครู่ ความรู้สึกและประสบการณ์ที่เขาเพิ่งประสบ รวมถึงไล่เรียงข้อดีข้อเสียที่เขาสังเกตได้ทั้งหมด
กล่าวได้ว่าส่วนที่ “ดีที่สุด” ของทักษะสัมผัสมืดอาจเป็นการขยายประสาทสัมผัสของผู้ใช้และเป็นหนึ่งในพลังที่หาได้ยากมาก นั่นทำให้ทักษะนี้มีคุณค่ามากขึ้น การขยายขอบเขตการรับรู้เช่นนี้ยังทำให้เขาสามารถเจาะลึกเข้าไปค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ของทักษะนี้ได้ง่ายดายขึ้น ทำให้เขาสัมผัสมันได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น และซึมซับได้มากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ในขณะที่เวลาล่วงเลยไป โจวเหว่ยชิงจึงเรียกทักษะสัมผัสมืดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัมผัสและทำความเข้าใจกับมันไปเรื่อยๆ
การฝึกครั้งนี้โจวเหว่ยชิงใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็สิ้นสุดลง เขาเพิ่งจะดื่มน้ำไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แต่กลับถูกบังคับให้ออกจากการฝึกเพราะเขาเป็นลมหมดสติไป
การควบคุมที่ซับซ้อนของทักษะสัมผัสมืดส่งผลกระทบต่อพลังจิตวิญญาณของโจวเหว่ยชิงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากนี้ เขายังไม่เคยฝึกฝนทักษะประเภทนี้มาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าการฝึกควบคุมทักษะนั้นสำคัญเพียงใด ความจริงจ้าวมณีสวรรค์ส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการฝึกพลังจิตวิญญาณของพวกเขา ตามปกติแล้วพลังจิตของพวกเขาจะค่อยๆพัฒนาขึ้นเองเมื่อระดับพลังปราณสูงขึ้น
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของทักษะธาตุมืดก็คือมันไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อร่างกายของเขาเหมือนกับทักษะอื่นๆ แต่จะส่งผลต่อจิตวิญญาณของเขาอย่างใหญ่หลวง เมื่อเขาใช้พลังจิตไปเกือบหมด สติของเขาก็จมลึกเข้าสู่ห้วงนิทราทันที นี่เป็นปฏิกิริยาป้องกันตัวของร่างกายตามธรรมชาติ
แม้แต่โจวเหว่ยชิงเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้กรุยเปิดเส้นทางใหม่ให้กับตัวเอง นั่นเป็นเส้นทางการฝึกพลังจิตวิญญาณที่ไม่เหมือนใคร
หากดูภายนอกเพียงผิวเผิน พลังจิตของจ้าวมณีสวรรค์อาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ มีเพียงผู้ที่มีทักษะธาตุเทวาเท่านั้นที่จะมองว่าพลังจิตเป็นสิ่งล้ำค่า ในความเป็นจริงนั้น ทักษะธาตุวิญญาณก็เป็นถึง 1 ใน 3 ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ เช่นนี้มันจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร?
ยิ่งพลังจิตวิญญาณของคนๆ นั้นแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่พลังปราณสวรรค์ ทักษะ และแม้แต่ร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น หากมีพลังปราณสวรรค์ในปริมาณเท่ากันและใช้ทักษะเดียวกัน ฝั่งจ้าวมณีที่มีพลังจิตแข็งแกร่งจะทรงพลังกว่าอีกฝ่ายมาก บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าด้วยซ้ำ!
เมื่อโจวเหว่ยชิงเป็นลมและหมดสติไป เจ้าแมวอ้วนซึ่งนอนอยู่ไม่ไกลจากเขาก็ลืมตาขึ้น ในขณะนั้น แววตาของมันพลันฉายแววแปลกประหลาดจนเกือบจะกลายเป็นความตกตะลึง
เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร? เจ้าแมวอ้วนกรุ่นคิดกับตัวเอง ไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อโจวเหว่ยชิงผ่านการฝึกอัดทักษะ 3,000 รอบในครั้งแรก มันก็รู้สึกตกใจไปแล้วรอบหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าจ้าวมณีสวรรค์ทุกคนรู้จักการฝึกอัดทักษะ 1,000 ครั้งเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยเหตุผลข้างต้น ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครเคยทำได้เหมือนโจวเหว่ยชิง นับประสาอะไรกับการฝึกอัดทักษะถึง 3,000 ครั้งเช่นนี้!
แม้แต่สมาชิกของ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังส่ายหัวเมื่อพูดถึงวิธีการฝึกอัดทักษะ 1,000 ครั้ง วิธีการฝึกนี้อันตรายต่อผู้ฝึกมากเกินไป และอาจถึงขั้นเลวร้ายต่อพลังชีวิตด้วย หากฝืนมากเกินไปอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ร้ายแรงและยาวนาน ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ามันจะมีประโยชน์มากมาย แต่ข้อเสียนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะขัดขวางไม่ให้คนส่วนใหญ่ใช้วิธีการฝึกดังกล่าว
จ้าวมณีสวรรค์ส่วนใหญ่มักจะยอมเสียเวลาไปกับการฝึกใช้ทักษะของตนนานๆ มากกว่า โดยยอมให้ทักษะของพวกเขามีประสิทธิภาพต่ำกว่าการใช้วิธีฝึกที่รุนแรงเช่นนี้
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเจ้าแมวอ้วนได้เห็นโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะกระชากมิติ 1,500 ครั้งภายในหนึ่งวัน มันก็รู้สึกตกตะลึงมาก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังรู้ผลกระทบที่แท้จริงของการฝึกนี้ชัดเจน และตระหนักว่าสิ่งนี้เหลือเชื่อจนเป็นไปไม่ได้ นอก จากนี้ มันยังอยู่เคียงข้างโจวเหว่ยชิงมานานจนรู้เกี่ยวกับวิธีฝึกปราณของเขา ทันใดนั้น มันก็ตระหนักได้ว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งค้นพบวิธีการฝึกที่เหมาสมสำหรับตัวเขาเอง
และข้อเท็จจริงก็เป็นไปตามที่มันคาดไว้ แม้ไม่นับประโยชน์มหาศาลจากทักษะกระชากมิติและทักษะสะบัดปีกเฉือนที่พัฒนาขึ้นจนมีส่วนสำคัญทำให้เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ในงานประลองรอบต่างๆ ไปได้ เพียงแค่ความเร็วที่แท้จริงในการฝึกปราณสวรรค์ของเขาก็น่าทึ่งมากพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าแมวอ้วนก็ต้องตกตะลึงจนขนตั้งเพราะโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมของมัน มันสามารถบอกได้ว่าพลังจิตของโจวเหว่ยชิงอยู่ในสภาพที่ไม่เสถียรมากนัก และมันก็คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นอย่างดีเพราะทักษะธาตุหลักของมันคือทักษะธาตุวิญญาณ! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขณะโจวเหว่ยชิงกำลังฝึกอัดทักษะสัมผัสมืดของเขา เขาก็ได้ฝึกพลังจิตวิญญาณของเขาไปในเวลาเดียวกันด้วย!
หมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดหรือเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่งกันแน่? นั่นคือทั้งหมดที่แมวอ้วนพอจะคิดได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้ว่ายิ่งโจวเหว่ยชิงแข็งแกร่งขึ้น ตัวมันเองก็จะมีอำนาจควบคุมเขาได้น้อยลง ทว่ามันกลับไม่ได้แผ่รังสีสังหารแผ่ออกมา กลับกลายเป็นว่ามันรู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด ณ เวลานั้น มันก็ถึงกับลืมไปแล้วว่าเคยถูกโจวเหว่ยชิง ‘รังแก’ มานับครั้งไม่ถ้วน
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นจากสภาพหลับลึกด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
ความรู้สึกแรกที่เขาสัมผัสได้คือความเย็นจัด ร่างกายของเขารู้สึกเย็นยะเยือกและดูเหมือนว่าความเย็นนั้นจะแผ่ออกมาจากข้างในร่างของเขาเอง ราวกับว่าทั้งร่างของเขากลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่และภายในร่างของเขาก็ผลิตไอเย็นออกมา มันแพร่กระจายไปทั่วทุกส่วนและซึมทะลุออกจากผิวหนังของเขา
ความหนาวเย็นนี้ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอกอย่างแน่นอน ทันทีที่โจวเหว่ยชิงตื่นขึ้น เขาก็เริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่ฟันของเขาก็เริ่มส่งเสียงกึกๆ ขึ้นมา
นี่มันคืออะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับข้า? โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจ และเมื่อเขารู้สึกตัวเต็มที่ เขาก็ตระหนักว่าตนเองได้สูญเสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว
เมื่อใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบภายในร่างของตัวเอง โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่พบร่องรอยพลังปราณสวรรค์เลย เมื่อถึงจุดนั้น หัวใจของเขาพลันรู้สึกหนักอึ้งด้วยความรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วใจ ราวกับถูกใครบางคนพิพากษาลงทัณฑ์ ทำให้เขาจมดิ่งลงไปในความเหน็บหนาว
ลมปราณแตกซ่าน!
นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่โจวเหว่ยชิงพอจะนึกออกในตอนนี้ แม้ว่ามันจะดูไม่สมเหตุสมผลเลยก็ตาม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองจะลมปราณแตกซ่านในขณะที่ฝึกทักษะเช่นนี้ ทว่าเมื่อคิดเช่นนั้น ข้อเท็จจริงก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาทันที และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อมัน
โจวเหว่ยชิงไม่มีแม้แต่เวลาจะนั่งไตร่ตรองว่าตนเองลมปราณแตกซ่านจริงๆ ได้อย่างไร จู่ๆ ความเย็นยะเยือกก็เข้าครอบงำความคิดของเขา และเขาก็ล่วงเข้าสู่สภาวะไร้สติสัมปชัญญะอย่างน่าแปลกประหลาด
ร่างกายของเขา ลึกลงไปที่กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน เส้นชีพจร ทั้งหมดดูเหมือนจะถูกแช่แข็งและบดเบียดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ความเจ็บปวดนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ที่เขาเคยรู้สึกขณะทะลวงจุดตายด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เขารู้สึกว่างเปล่า ราวกับว่าลมหายใจกำลังถูกบีบคั้นให้ไหลออกจากร่างกายของเขา ความหนาวเย็นปั่นป่วนภายในราวกับว่าพยายามจะทำให้เขากลายเป็นเศษน้ำแข็งกองหนึ่ง
โจวเหว่ยชิงแทบจะได้ยินเสียงกระดูกตัวเองบดเบียดกันดังเอี๊ยดอ๊าด ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแทบจะแหลกสลายลงภายในพริบตานั้น อนิจจา สมองของเขายังคงตื่นตัวอยู่อย่างแปลกประหลาด และความเจ็บปวดนั้นก็รุนแรงจนแทบจะเหมือนกับว่าเขาถูกทักษะคำสาปลงทัณฑ์ของตัวเองทรมานด้วยการเพิ่มความเจ็บปวดให้ร่างกาย
ขณะโจวเหว่ยชิงตื่นขึ้นมา เจ้าแมวอ้วนเองก็ตื่นขึ้นเช่นกัน
ดวงตาสีม่วงของมันเบิกกว้างขณะที่พินิจพิเคราะห์โจวเหว่ยชิง จากนั้นความยินดีก็ค่อยๆ ฉายชัดออกมาจากแววตา ร่างกายของมันสั่นไหวและกลายร่างเป็นเสือขาวร่างใหญ่ที่สูงกว่า 3 เมตร
มันไม่ได้เข้าไปสัมผัสโจวเหว่ยชิง แต่ความสุขในดวงตาของมันก็เอ่อล้นขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยืนมองอยู่เงียบๆ เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
ในสายตาของเจ้าแมวอ้วน ร่างของโจวเหว่ยชิงได้เปลี่ยนเป็นสีเทาที่สุดแสนจะเย็นเหยียบ อันที่จริงร่างของเป็นสีเทาทุกส่วน ทั้งผมที่เคยมีสีดำ ผิวหนัง ดวงตา และแม้แต่เล็บของเขา!
ม่านพลังไอปีศาจเข้มข้นขึ้นยังขยายไปยังทุกส่วนใต้ผิวหนังของเขาและไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกไปด้านนอก ถ้าเจ้าแมวอ้วนไม่ได้มองเห็นเขาด้วยสายตาของตัวเอง มันก็อาจไม่สามารถสัมผัสสิ่งเลวร้ายที่อยู่ในร่างของเขาได้
แน่นอนว่าถ้าเป็นหลินเทียนอ้าวหรือสมาชิกคนอื่นๆ พวกเขาย่อมไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวเหว่ยชิงเช่นกัน แม้แต่แม่มดน้อยที่มาจากนิกายปีศาจสวรรค์ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ได้ แต่เจ้าแมวอ้วนนั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะมองเพียงปราดเดียวมันก็รู้ได้ทันทีว่าโจวเหว่ยชิงกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ นั่นเป็นเพราะมันเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เดียวกันมาเมื่อไม่นานนี้เอง!
นั่นคือการวิวัฒน์! เขากำลังวิวัฒน์พลังขึ้นจริงๆ!
เจ้าแมวอ้วนรู้ดีว่าโจวเหว่ยชิงกำลังวิวัฒน์พลังขึ้นเช่นเดียวกับอสูรสวรรค์
แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจว่ามนุษย์อย่างโจวเหว่ยชิงวิวัฒน์พลังเช่นนี้ได้อย่างไร แต่มันก็บอกได้ว่าสิ่งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวมันเอง เช่นเดียวกับครั้งก่อน เมื่อมันวิวัฒน์พลังขึ้น โจวเหว่ยชิงก็ได้รับประโยชน์มากมายจากมันเช่นกัน
สิ่งแปลกประหลาดที่ทำให้มันสับสนก็คือ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะผ่านการวิวัฒน์พลังแบบเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดึงดูดอสูรสวรรค์ให้มากลืนกินเขาเหมือนมัน
………………………………………………………..