สถานการณ์เช่นนี้น่าจะปรากฏทุกครั้งที่อสูรสวรรค์วิวัฒน์พลังขึ้น และมันก็เป็นหนึ่งในด่านทดสอบที่อสูรสวรรค์ต้องผ่านเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น แม้แต่คนที่มีพลังสูงส่งเช่นเจ้าแมวอ้วน ขณะวิวัฒน์พลังขึ้น มันก็ดึงดูดอสูรสวรรค์ระดับเทวะมาจำนวนมากมายเช่นกัน แม้แต่แม่มดน้อยเองก็ยังถูกกลิ่นอายนั้นดึงดูดเข้ามาสร้างปัญหา!
ถึงกระนั้น โจวเหว่ยชิงกลับดูเหมือนจะไม่ได้สร้างปัญหาเช่นเดียวกับมัน และไอปีศาจรอบตัวของเขาดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้สิ่งใดรั่วไหลสู่ชั้นบรรยากาศเลย ทั้งยังกันไม่ให้บุคคลภายนอกสัมผัสการมีอยู่ของเขาได้ด้วย ในสายตาของเจ้าแมวอ้วน สิ่งนี้มีความหมายเพียงอย่างเดียวคือ การวิวัฒน์พลังของโจวเหว่ยชิงนั้นแข็งแกร่งกว่าตัวมัน!
กล่าวคือโจวเหว่ยชิงกำลังพัฒนาไปสู่สายพันธุ์ระดับที่สูงกว่าตัวมันเอง!
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าแมวอ้วนสันสนอย่างแท้จริง ถึงอย่างไรในฐานะสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็ถือว่านั่งอยู่บนจุดสูงสุดของ ‘พีระมิด’ บนโลกใบนี้แล้ว หนำซ้ำยังอาจถือได้ว่าเป็นสายเลือดสัตว์เทพหรืออสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือมนุษย์ทั้งหลาย เพราะท้ายที่สุดเหล่ามนุษย์ก็ไม่อาจไปถึงขั้นเทพสวรรค์ได้เหมือนมัน!
แต่หากมันยืนอยู่ด้านบนสุดของพีระมิดจริงๆ ทำไมถึงยังรู้สึกได้ว่าการวิวัฒน์พลังของโจวเหว่ยชิงอยู่ในระดับที่สูงกว่า…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
เจ้าแมวอ้วนจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยความสับสนและไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้ชั่วขณะ สิ่งเดียวที่มันมั่นใจก็คือตอนนี้โจวเหว่ยชิงกำลังแผ่สัมผัสอันตรายออกมา ความรู้สึกที่ทำให้อสูรสวรรค์ในระดับต่ำกว่ารับรู้ได้ว่ามันเป็นอสูรสวรรค์ระดับสูง…และบางทีก็อาจจะชัดเจนมากกว่าที่มันคิด
เมื่อพูดถึงระดับสูง นั่นไม่ได้หมายถึงระดับพลังปราณ แต่เป็นสายเลือด ตัวอย่างเช่นอสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หากเทียบกับอสูรสวรรค์ธรรมดาซึ่งสามารถขึ้นไปสูงสุดได้แค่ระดับเทวะ อสูรศักดิ์สิทธิ์สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปได้ถึงขั้นเทพสวรรค์เลยทีเดียว
แววตาเหลือเชื่อของเจ้าแมวอ้วนยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นขณะที่มันพึมพำกับตัวเอง “ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาจะเป็นอสูรสวรรค์ที่มีสายเลือดเหนือกว่าข้าได้อย่างไร! ก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นมนุษย์! นอกจากนี้ ในโลกนี้ไม่ควรมีอสูรสวรรค์สายเลือดใดสูงส่งไปกว่าข้าแล้ว!”
อนิจจา ไม่ว่ามันจะพร่ำบอกตัวเองเพียงใด มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าได้
ในขณะที่แสงสีเทาขยายตัวไปทั่วร่างกายของโจวเหว่ยชิง เสื้อผ้าของเขาก็ค่อยๆ ไหม้สลายหายไป โชคดีที่เขาล้มลงบนพื้นขณะเป็นลม ไม่เช่นนั้นผ้าปูที่นอนและเตียงก็อาจจะถูกพลังของเขาทำให้ผุสลายไปเช่นกัน
แสงสีเทาเริ่มเข้มข้นและหนาขึ้นจาก 1 นิ้ว เป็น 2 นิ้ว แล้วก็ 3 นิ้ว เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงก็แทบจะไม่มีร่องรอยชีวิตหลงเหลืออยู่ในดวงตาของโจวเหว่ยชิง อีกทั้งร่างกายของเขาก็แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ แสงสีเทาที่เรืองรองอยู่รอบๆ ตัวเขาก็หนาขึ้นจนวัดได้ ถึง 1 ฉื่อ
เจ้าแมวอ้วนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันจะได้รับประโยชน์มากมายจากการวิวัฒน์พลังของโจวเหว่ยชิงในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขา เพราะแม้มันจะมีระดับพลังปราณและสายเลือดที่ทรงพลัง แต่มันก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเข้าใกล้อีกฝ่ายมากกว่านี้
ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำได้เพียงแค่รอ
หลังจากแสงสีเทาขยายออกไปจนหนาประมาณ 1 ฉื่อ มันก็หยุดเพียงแค่นั้น จากนั้นลายเสือดำที่คุ้นเคยก็เริ่มปรากฏขึ้นจากใต้ผิวหนังของโจวเหว่ยชิง โดยเริ่มจากขาขวาของเขาก่อนที่จะลุกลามไปทั่วทุกตารางนิ้วในร่างกาย
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากก่อนหน้านี้คือคำว่า ‘ราชา’ บนหน้าผากของเขาไม่ใช่สีดำเหมือนเดิมอีกต่อไป มันเปลี่ยนเป็นสีคล้ายผลึกแก้ว เกือบจะเรียกได้ว่าสีเทาโปร่งใส
มันไม่ใช่สีเทาที่บ่งบอกความตาย แต่เป็นสีเทาใสที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและชีวิตชีวา ผลึกสีเทาคำว่า “ราชา” นั้นดูคล้ายกับดวงตาที่แปลกประหลาด ราวกับว่ามันมีความรู้สึกและรับรู้ถึงการมีอยู่ของทุกสิ่งรอบตัว
กระดูกของโจวเหว่ยชิงส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด เกือบจะเหมือนมีระเบิดลูกย่อมๆ ปะทุอยู่ภายใน แสงสีเทารอบตัวเขาเริ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะ การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่รอบแขนทั้งสองข้างซึ่งกำลังขยายออกอย่างรวดเร็ว
เจ้าแมวอ้วนมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแขนของเขาขยายตัว จากนั้นผิวหนังก็ถูกดันให้ปริออกไปด้านนอกจากแรงอัดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กล้ามเนื้อแน่นๆ ของเขา
ผ่านไปไม่นาน แขนของโจวเหว่ยชิงก็ขยายขนาดออกไปมากกว่าปกติถึง 2 เท่า ลายเสือสีดำก็ขยับเคลื่อนที่ไปมาราวกับเรือลำเล็กๆ ที่ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางพายุทะเลคลั่ง พลังบางอย่างพวยพุ่งออกมาจากแขนของเขา เมื่อถึงจุดนี้ ร่างกายของโจวเหว่ยชิงก็เริ่มเคลื่อนไหว
แสงสีเทาดูเหมือนจะก่อตัวเป็นกระแสลมขนาดย่อมๆ ยกตัวเขาลอยขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ ขาซ้ายยังคงอยู่บนพื้นขณะที่ขาขวาลอยขึ้นในแนวโค้งเกือบจะชิดศีรษะของเขาเอง
นอกจาก “ความภาคภูมิใจของผู้ชาย” ที่แมวอ้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว มันก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าขาขวาทั้งหมดของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ขาขวาสีดำข้างนั้นดูบิดเบี้ยว แม้กระทั่งกระดูกของเขาก็กำลังเปลี่ยนแปลงในขณะที่มันขยายขนาดออกไปเกือบครึ่งเมตร ถัดจากนั้น ขาขวาของเขาดูเหมือนจะงอขึ้นเป็นตะขอขนาดใหญ่ที่ดูน่าแปลกประหลาด ขณะที่ตะขอนั้นก่อตัวขึ้น แสงสีเทารอบตัวของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะเจอจุดรวมพล ราวกับฝูงผึ้งที่บินมาบรรจบกันที่ขาขวาของเขา ในตอนนี้มีเพียงแขนอันทรงพลังของโจวเหว่ยชิงที่พยุงร่างของเขาไว้กับพื้น
ขณะพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากคลื่นภายในร่างกาย มือของเขาก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน เล็บของโจวเหว่ยชิงงอกขึ้นจนยาวเกือบ 2 นิ้ว พวกมันเปล่งแสงสีดำ สีเทาที่หนาแน่น ทรงพลัง และแข็งแกร่งออกมา
สถานะปีศาจกลายร่าง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงกำลังอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง!
แม้เจ้าแมวอ้วนเคยเห็นสถานะปีศาจกลายร่างของเขามาก่อน ทว่าครั้งนี้มันกลับดูแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้น เจ้าแมวอ้วนก็เข้าใจ ปัจจุบันไม่ใช่แค่ร่างกายของโจวเหว่ยชิงเท่านั้นที่กำลังวิวัฒน์ แม้แต่สถานะปีศาจกลายร่างของเขาก็วิวัฒน์ขึ้นด้วย!
พลังปราณของเขาอยู่ในระดับใดน่ะหรือ? มีเพียงมณี 3 ชุด แต่สถานะปีศาจกลายร่างของเขากลับวิวัฒน์ได้แล้ว! นอกจากนี้เขายังไม่ได้ฝึกฝนทักษะธาตุปีศาจของตัวเองด้วยซ้ำ!
จู่ๆ เจ้าแมวอ้วนก็รู้สึกราวกับว่าสมองของมันไม่ทำงานอีกต่อไป มันรู้สึกว่าเพิ่งได้เห็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เกิดจากโจวเหว่ยชิง และมันก็สงสัยว่าสิ่งที่มันรู้ทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่
เมื่อเวลาผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีเล่า ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็เริ่มฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อแสงสีเทาไหลไปที่ขาขวาของเขา ในที่สุดเขาก็รู้สึกราวกับว่าความหนาวเย็นรอบตัวกำลังบรรเทาลง
ขณะนี้ขาขวาที่ชี้ขึ้นของโจวเหว่ยชิงกำลังเปล่งประกายด้วยแสงสีเทาเข้มข้น แสงเหล่านั้นเรืองรองอยู่รอบขาของเขาขณะที่หมุนเป็นเกลียวและค่อยๆ ซึมหายไปภายใน
เมื่อความเย็นยะเยือกนั้นหายไป เขาก็รู้สึกเจ็บปวดและชาหนึบขึ้นมาแทน โจวเหว่ยชิงรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างของเขา ลึกลงไปจนถึงกระดูกถูกรุมทึ้งจนเสียวแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มไปทั้งตัว แม้จะรู้สึกคันตัวเล็กน้อย แต่เขาก็ตัวเบาขึ้นอย่างน่าประหลาด นี่เหมือนกับครั้งแรกที่เขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างและได้รับความช่วยเหลือจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ปลุกมณีสวรรค์ของเขาและกรุยเส้นชีพจรที่อุดตันให้เปิดออกกว้าง
เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่ได้ลมปราณแตกซ่าน?
ความหวาดกลัวในใจของโจวเหว่ยชิงค่อยๆ จางหายไปในที่สุด จากนั้นก็แทนที่ด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ เขารู้สึกได้ชัดเจนเมื่อความมึนงงและความเจ็บปวดลดลง เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังที่กำลังกำลังเติมเต็มภายในร่าง โดยเฉพาะบริเวณแขนขนาดใหญ่ที่กำลังจมลึกลงไปในพื้นแข็งๆ
แสงนุ่มนวลอาบไล้ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงขณะที่เขาลืมตาขึ้นและเผยประกายเจิดจ้าออกมาจากดวงตา เขารู้สึกราวกับว่าวงล้อทักษะธาตุที่อยู่ในดวงตาของเขาหมุนคว้างอย่างไม่อาจควบคุมได้ มันหมุนผ่านธาตุแล้วธาตุเล่า
มณีสวรรค์ทั้ง 3 ของเขากำลังเปลี่ยนการควบคุมทักษะธาตุไปมาอยู่ตลอดเวลา และพวกมันก็สามารถเชื่อมต่อกันได้แล้ว
ตอนแรกวงล้อทักษะธาตุเคลื่อนที่เร็วเกินไป แต่พอมันเริ่มขยับช้าลง เขาก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าวงล้อทักษะธาตุหมุนไปหยุดยังพื้นที่สีเทา มณีธาตุดวงแรกของเขาดูเหมือนจะมีสัญลักษณ์กรงเล็บพร้อมกับรูกลมตรงกลางอยู่ด้วย
นั่นหมายถึงทักษะกลืนกินใช่หรือไม่?
เมื่อทักษะถูกกักเก็บไว้ มันจะถูกนำไปแสดงไว้บนวงล้อทักษะธาตุ ไม่ว่าทักษะนั้นจะถูกเก็บไว้ในธาตุใด มันก็จะปรากฏบนวงล้อของมณีดวงนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น สำหรับมณีธาตุดวงแรกของเขา ทักษะธาตุมืดที่กักเก็บไว้คือทักษะสัมผัสมืด ด้วยเหตุนี้ เมื่อวงล้อทักษะธาตุนั้นเคลื่อนไปยังพื้นที่สีดำ เขาก็จะมองเห็นสัญลักษณ์รูปปลาหมึกสีดำที่มีขอบสีม่วงอันน่าแปลกประหลาด นั่นคือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงทักษะสัมผัสมืด และทักษะอื่นๆ ของเขาก็มีสัญลักษณ์เป็นของตัวเองเช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีเพียงพื้นที่ส่วนสีเทาเท่านั้นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง แม้แต่พื้นที่ไร้สีของทักษะธาตุกาลเวลาก็มีสัญลักษณ์ในมณีดวงแรกเป็นสัญลักษณ์น้ำวนซึ่งเป็นตัวแทนของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้พื้นที่สีเทาในมณีดวงแรกที่แสดงถึงทักษะธาตุปีศาจได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยมีสัญลักษณ์กรงเล็บเพิ่มเข้ามา นั่นหมายความว่าอย่างไร? เป็นไปได้ไหมที่เขาจะสามารถควบคุมทักษะกลืนกินได้แล้ว?
เมื่อเขาคิดจนถึงจุดนี้ หัวใจของโจวเหว่ยชิงก็เริ่มเต้นแรงขึ้น เขาไม่รู้ว่าทักษะกลืนกินมีระดับดาวเท่าไหร่ แต่เขาจำได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะนั้นเมื่ออยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง เขาสามารถสังหารหมาป่าโลกันตร์ได้จำนวนมหาศาล ที่สำคัญกว่านั้น มันยังช่วยชีวิตเขาเอาไว้และยังทำให้ระดับพลังปราณของเขาพุ่งสูงขึ้นในพริบตาได้ด้วย
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังรู้สึกประหลาดใจแกมยินดี ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าในพื้นที่สีเทาในมณีธาตุดวงที่ 2 ของเขาก็เหมือนจะมีสัญลักษณ์ใหม่เกิดขึ้นเช่นกัน
สัญลักษณ์นั้นเป็นรูปทรงกลมและมีสีเทาสนิท เมื่อวงล้อทักษะธาตุหมุนไปยังพื้นที่สีเทา ฉากแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นทันที
แสงสีดำและแสงสีฟ้าดูเหมือนจะบุกทะลวงเข้าไปในพื้นที่ส่วนนั้นอย่างรวดเร็ว ผสมเข้ากับสีเทาและกลายเป็นลูกบอลสามสี ประกอบด้วย สีเทา สีฟ้า และสีดำ
นี่หมายความว่าอะไร? โจวเหว่ยชิงได้แต่สับสน
ดูจากสีแล้ว หากพวกมันคือทักษะธาตุ สีเทาย่อมแสดงถึงทักษะธาตุปีศาจ สีดำแสดงถึงทักษะธาตุมืด ในขณะที่สีฟ้าแสดงถึงทักษะธาตุสายฟ้า นั่นคือทั้ง 3 ทักษะธาตุที่เขามี หรือว่าจะเป็น…พระเจ้า! นั่นหมายความว่าทักษะนี้ต้องใช้ทักษะธาตุทั้ง 3 ชนิดผสานกันอย่างหรือ!
เมื่อเขาคิดได้ จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกดีใจอย่างท่วมท้น และจู่ๆ ก็มีชื่อปรากฏขึ้นในใจของเขา…“ สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด”
…………………………………………………………..