บทที่ 83.1 ท้าทายกลุ่มตัวเต็ง? (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

“สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด”

คำง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยพลังรุนแรงนี้ทำให้หัวใจของเขาพองโต เมื่อโจวเหว่ยชิงรับรู้ชื่อนั้น เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง ทักษะในมณีธาตุดวงที่ 2 ของเขาคือทักษะผสานของทักษะธาตุมืด ธาตุปีศาจและธาตุสายฟ้า!

ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเพ้อฝันเกี่ยวกับพลังที่ได้รับ ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน ความร้อนเริ่มแผดเผาจากขาขวาลามไปทั่วร่างกาย และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นฉับพลันเช่นนี้ทำให้เขาต้องส่งเสียงครวญครางและล้มลงไปนอนกับพื้นทันที

มณีสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา พวกมันเจิดจ้าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีแสงสว่างวาบออกมา เขียว ฟ้า เงิน ดำ และเทา และไร้สีซึ่งมองไม่เห็น ลูกไฟทั้ง 6 ดวงรวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเขา ก่อเกิดเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาด 6 ชนิด และลายเสือบนร่างกายของเขาก็เริ่มเลื้อยไปมาด้วยความเร็วในขณะที่พวกมันเคลื่อนที่เป็นจังหวะคล้ายลูกคลื่น ก่อเกิดเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดขึ้นมา

เมื่อเจ้าแมวอ้วนเห็นสิ่งนี้ ในที่สุดมันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สถานะปัจจุบันของโจวเหว่ยชิงเป็นสภาวะปกติของการวิวัฒน์พลังที่มันรู้จักดี

ลูกไฟ 2 ดวงพลันสว่างขึ้นรอบๆ ตัวเจ้าแมวอ้วน มันเป็นสีม่วงและสีทองซึ่งรวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของมันในทำนองเดียวกัน มันก้าวไปข้างหน้า ตรงไปหาร่างของโจวเหว่ยชิง ปล่อยให้สัญลักษณ์ดวงไฟทั้ง 2 ลอยไปบรรจบกับสัญลักษณ์ดวงไฟทั้ง 6 ดวงรอบศีรษะของโจวเหว่ยชิง แสงทั้ง 8 รวมตัวกันเป็นบางอย่างที่มีลักษณะแปลกประหลาดเหนือร่างของพวกเขา กลายเป็นเกราะแสงที่ห่อหุ้มทั้งคู่เอาไว้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการวิวัฒน์พลังของเจ้าแมวอ้วน

ในบรรดาลูกไฟทั้ง 8 ดวง ดวงไฟสีม่วงและสีทองของเจ้าแมวอ้วน เช่นเดียวกับดวงไฟสีเทาและไม่มีสีของโจวเหว่ยชิงนั้นฉายแสงออกมาเจิดจ้ามากที่สุด ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกัน

เมื่อเกราะแสงเหล่านั้นก่อตัวขึ้นรอบๆ ร่างของพวกเขา โจวเหว่ยชิงก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ ตะขอแมงป่องสีดำที่ขาขวาของเขาเลือนหายไป มันกลับคืนสู่สภาพปกติพร้อมกับแขนทั้งสองข้าง แม้ว่าลายเสือสีดำจะยังคงขยับเคลื่อน ไหว หมุนวนเป็นเกลียวคลื่นอยู่บนร่างกายของเขาก็ตาม

เมื่อเทียบกับการวิวัฒน์พลังของเจ้าแมวอ้วนแล้ว การวิวัฒน์ของโจวเหว่ยชิงใช้เวลาสั้นกว่ามาก ทั้งหมดกินเวลาเพียง 1 วัน 1 คืนเท่านั้น ท้ายที่สุดเมื่อเกราะแสงหายไป เจ้าแมวอ้วนก็เป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อน

เมื่อมันลืมตาขึ้น ความสุขสมก็ปรากฏขึ้นในใจอย่างน่าประหลาด มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับพลังปราณพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ไม่อาจเทียบกับการวิวัฒน์พลังด้วยตัวเอง แต่สิ่งนี้ก็ยังให้พลังเทียบเท่าการฝึกปราณนานกว่า 3 เดือน! อย่างไรก็ตาม เจ้าแมวอ้วนไม่รู้ว่าเมื่อมันมองไปที่โจวเหว่ยชิง ความรู้สึกพึ่งพาก็วาบผ่านในดวงตาของมันไปวูบหนึ่ง

หลังจากที่เจ้าแมวอ้วนรู้สึกตัวเต็มที่ มันก็หดกลับเป็นร่างเล็กจ้อยของลูกเสือขาวเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว และโจวเหว่ยชิงก็เริ่มตื่นขึ้นมาในเวลานั้นเอง

ทันทีที่โจวเหว่ยชิงลืมตาขึ้น สีที่แตกต่างกันทั้ง 6 สีก็กระพริบวูบวาบในดวงตาของเขาทีละสีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด โจวเหว่ยชิงสั่นเทา เขารู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยทั่วผิวหนัง เขาเผลอก้มลงมองลงโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็พบว่าผิวหนังนั้นแตกพร้อยเกือบทุกที่

เมื่อเขาลองขยับ รอยแยกในผิวหนังก็ดูจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทว่านั่นก็เป็นเพียงชั้นผิวภายนอกเท่านั้น โจวเหว่ยชิงลองสัมผัสมัน และเพียงแค่ใช้นิ้วเกลี่ยเล็กน้อย ผิวหนังภายนอกก็หลุดลอกออก เผยให้เห็นชั้นผิวหนังใหม่ข้างใต้

เมื่อเทียบกับสภาพผิวก่อนหน้า ผิวหนังชั้นใหม่นั้นมีสีเข้มกว่าเล็กน้อย เป็นสีน้ำตาลทองเงางามดูสุขภาพดี หากมองใกล้ๆ ก็จะสามารถเห็นแสงเรืองรองออกมาได้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ หลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติม โจวเหว่ยชิงก็พบว่าเขาสูงขึ้นกว่า แต่ก่อน กล้ามเนื้อและร่างกายของเขาก็บึกบึนยิ่งขึ้น พวกมันต่างก็ท่วมท้นไปด้วยพลังและความแข็งแกร่ง

ไข่มุกรัตติกาล

สิ่งแรกที่โจวเหว่ยชิงนึกถึงคือไข่มุกสีดำที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างและปลุกมณีสวรรค์ของเขาขึ้นมาตั้งแต่แรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้ต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับไข่มุกรัตติกาลอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ ขณะที่แม่มดน้อยตามหาเขา เขาไม่ได้รู้สึกสนใจวิธีการฝึกฝนของจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจมากนัก นั่นเป็นเพราะเขารู้เกี่ยวกับทักษะธาตุปีศาจของตัวเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทักษะกักเก็บธาตุปีศาจที่เขามีไม่ได้กักเก็บมาจากอสูรสวรรค์ใดๆ แต่มันกลับปรากฏขึ้นมาเองได้ นอกจากนี้ ขณะเขาประลองด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพกับอู่หยา เขาก็รู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าตนเองใกล้จะสามารถควบคุมการสถานะปีศาจกลายร่างได้แล้ว

ในความเป็นจริง ความคิดของเขานั้นถูกต้อง นี่เป็นผลมาจากการวิวัฒน์พลังของสถานะปีศาจกลายร่างของเขา ต้องขอบคุณไข่มุกรัตติกาล เขาได้รับทักษะธาตุปีศาจมาอีกชนิดหนึ่ง และไม่ใช่ทักษะธาตุปีศาจธรรมดาๆ เหมือนรูปลักษณ์ของมัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาสามารถควบคุมทักษะกลืนกินได้ และร่างกายของเขาก็ยังพัฒนาขึ้นอย่างน่าประทับใจ ไม่เพียงแต่ในแง่ของความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความอึดทนและความยืดหยุ่นอีกด้วย

เมื่อลองใช้เพ่งสมาธิสัมผัสภายในร่างกายดู โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าพลังปราณสวรรค์ของเขามาถึงขีดสูงสุดของระดับปัจจุบันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เขาไม่โชคดีมากพอจนทำให้มันทะลวงผ่านไปเองได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาอาจจะไปถึงระดับที่ 14 หรือปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพขั้นที่ 2 ได้ในตอนนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งมาถึงระดับที่ 13 แต่ตอนนี้เขากลับไต่ถึงขีดสูงสุดอีกครั้ง ความเร็วดังกล่าวเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น!

ในความเป็นจริง สิ่งที่โจวเหว่ยชิงไม่รู้ก็คือการวิวัฒน์พลังของเขาเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ในความเป็นจริง มันควรจะเกิดขึ้นเมื่อเขาขึ้นไปถึงขั้นทะลวงพิภพตอนแรกๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในตอนนั้นเขาไม่ได้ทะลวงผ่านระดับนั้นด้วยพลังของตัวเอง แต่เป็นเพราะการวิวัฒน์พลังของเจ้าแมวอ้วน ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่เพียงพอจะทำให้เขาสามารถวิวัฒน์ได้เอง แม้ว่าเขาจะยังคงได้รับประโยชน์จากการวิวัฒน์พลังของเจ้าแมวอ้วนก็ตาม

พลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น หากรวมกับความจริงที่ว่าเขาได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเต็มที่ในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อเขาใช้พลังจิตไปจนหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการฝึกอัดทักษะสัมผัสมืด มันก็จุดประกายสิ่งจำเป็นลำดับสุดท้ายในการวิวัฒน์พลังของเขาขึ้นมา เพราะไข่มุกรัตติกาลจากโลกอื่นนำมาซึ่งพลังของสัตว์ร้ายที่ทรงพลังอย่าง ‘พยัคฆ์เทพอสูรมืด’ ทำให้ร่างกายของเขาต้องผ่านการวิวัฒน์เป็นครั้งที่ 2

แม้ว่าพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่มันก็ยังเป็นการวิวัฒน์และเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายที่น่าตกตะลึงอย่างแท้จริง หากลองคำนวณทั้งในแง่ของความแข็งแกร่งและความอึดทน เขาก็มีพลังเกินกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดทั่วๆ ไปแล้ว สำหรับการวิวัฒน์ของทักษะธาตุปีศาจของเขา สถานะปีศาจกลายร่าง และทักษะที่เพิ่มเข้ามานั้นจะช่วยเพิ่มความความสามารถในการต่อสู้โดยรวมและยกระดับไปสู่ขีดจำกัดใหม่

โจวเหว่ยชิงเหยียดตัวเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระดูก สิ่งแรกที่เขาอยากทำคือนอนแช่น้ำนานๆ แม้ว่าจะไม่ได้กินดื่มมา 2 วันแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาทนสภาพที่มีผิวหนังหลุดร่อนติดบนร่างกายไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

โชคดีที่แม้ว่าหนังศีรษะของเขาจะหลุดลอกออกไป แต่เส้นผมของเขายังคงอยู่ ไม่เช่นนั้นก็อาจเกิดภาพแปลกประหลาดกับเขาก็ได้ หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ได้ขจัดผิวหนังเก่าออกและทำความสะอาดร่างกายจนหมดจด โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคือพลังขั้วใหม่ที่กำลังแล่นผ่านร่างกายทุกส่วน ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในอากาศได้

เมื่อมองดูตัวเองในกระจก โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้พูดมาเป็นเวลานาน “ให้ตายเถอะ! เจ้าดูหล่อเหล่าจริงๆ!”

คราวนี้เขาไม่ได้หลงตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่มากจนเกินไป นอกจากการเปลี่ยนแปลงในชั้นผิวหนังของเขา กลิ่นอายของเขาก็ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำและมีเสน่ห์ขึ้น ดูเข้าถึงยากและไม่เหมือนกับคนที่ชอบเปิดเผยตัวเหมือนก่อน ตอนนี้เขาอายุไม่ถึง 17 ปีด้วยซ้ำ และเป็นเรื่องผิดปกติที่คนในวัยนั้นจะมีกลิ่นอายเช่นนี้ เมื่อรวมกับร่าง กายที่ใหญ่โตของเขา โจวเหว่ยชิงก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริงมากทีเดียว

หลังกลับไปที่ห้องและสวมชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้านแล้ว โจวเว่ยชิงก็รู้สึกหิวขึ้นมา ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว และเมื่อเขาวิ่งไปที่ห้องรับประทานอาหาร เขาก็พบว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่เหลือกำลังทานอาหารเย็นอยู่เช่นกัน

โจวเหว่ยชิงนั่งลงที่โต๊ะอย่างไม่ลังเล ก่อนจะสวาปามอาหารเข้าไปเหมือนคนอดอยาก ทำให้คนสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มถึงขั้นตกใจว่าเขากลืนของทั้งหมดลงท้องไปได้อย่างไร

หลินเทียนอ้าวกวาดสายตาสำรวจโจวเหว่ยชิงจากบนลงล่าง จากนั้นก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ทำเช่นนี้ เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าเขามีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ถึงอย่างไรพวกเขาก็อยู่ด้วยกันมานานแล้วและพวกเขาก็คุ้นเคยกับโจวเหว่ยชิงเป็นอย่างดี เมื่อมองไปยังโจวเหว่ยชิงและเส้นผมที่ยังเปียกชื้นจากการอาบน้ำของเขาก็พบว่าร่างกายของอีกฝ่ายขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังแผ่บรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากเดิมมาก เช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้สึกแปลกๆ ได้อย่างไร?

ดวงตาของอู่หยาสว่างวาบขึ้นขณะที่เธอกล่าวว่า “เหว่ยชิง ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าสง่างามขึ้นกันนะ?”

โจวเหว่ยชิงไม่ได้หยุดกินขณะที่เขาเอ่ยตอบ “แน่นอน! ข้าเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาสง่างามอยู่แล้ว มีอะไรแปลกใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นรึ?” เขาหยุดเพียงชั่ววินาทีก่อนจะเหลือบมองอู่หยาอย่างระมัดระวัง “อู่หยา น้องชายของท่านเป็นของคนอื่นแล้ว อย่าได้มีความคิดผิดผีกับข้าอีกเลย!”

อู่หยาส่งเสียงหึในลำคอและพูดว่า “เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะมีภรรยาและอนุไม่ใช่หรือ? แต่เอาเถอะ เจ้าน่ะคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีคู่หมั้นเช่นกัน”

สี่น้อยยิ้มและพูดว่า “ หึๆ เหว่ยชิง อย่าบอกนะว่าระดับพลังปราณของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว?”

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวขณะยังคงเคี้ยวข้าวในปาก ภายในเวลาไม่กี่นาที อาหารทั้งโต๊ะก็ถูกกวาดต้อนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่เป็นเขาเองที่เขมือบลงท้อง หลินเทียนอ้าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอ่ยปากสั่งอาหารใหม่อีกรอบ

หลังจากที่พวกเขาทานอาหารกันหมด ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ ตบหน้าท้องของเขาแล้วพูดว่า “อ่าาา อิ่มมมมมม”

ขี้เมาเป่ายิ้มและพูดว่า “เหว่ยชิง ทำไมเจ้าถึงทำตัวเหมือนวิญญาณผีหิวกระหายเช่นนี้? ได้ข่าวว่าช่วงนี้เจ้าขยันมากเลยนี่! จากสภาพของเจ้าแล้ว ดูเหมือนว่าความพยายามของเจ้าจะได้ผลดีใช่ไหม?”

โจวเหว่ยชิงพยักหน้า มองไปยังอู่หยาและพูดว่า “มาเถอะ มาแข่งกันอีกครั้ง!” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปหาเธอ

อู่หยาผงะไปเล็กน้อย แต่เธอยกมือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มือของเธอมีขนาดใหญ่กว่าของโจวเหว่ยชิง และทันทีที่มือของพวกเขาสัมผัสกัน เธอก็ออกแรงดึงสุดกำลัง

ในการแข่งขันความแข็งแกร่งครั้งก่อน อู่หยาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองพ่ายแพ้ รู้สึกเหมือนว่าเธอยังทำได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ โจวเหว่ยชิงยังเริ่มต้นด้วยการระเบิดพลังออกมากะทันหันทำให้เธอพ่ายแพ้ไปในทันที ดังนั้นครั้งนี้อู่หยาจึงเค้นพลังออกมาอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่ม โดยคิดที่จะตอบแทนเขาให้สาสมในครั้งนี้

อนิจจา ทันทีที่อู่หยาทำเช่นนั้น เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกราวกับว่าฝ่ามือของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นคงอย่างประหลาด ช่วงเวลาต่อมา พลังมหาศาลก็พุ่งพรวดเข้ามาถึงตัวเธอ และก่อนที่เธอจะตอบสนอง อู่หยาก็ถูกโจวเหว่ยชิงยกขึ้นจากพื้นทั้งตัวแล้ว

คราวนี้แขนเสื้อของโจวเหว่ยชิงไม่ขาดวิ่นเหมือนครั้งก่อนๆ ในความเป็นจริงเขาดูเหมือนไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ ราวกับว่าการยกอู่หยาเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา

โจวเหว่ยชิงปล่อยมือออก วางอู่หยาลงบนพื้นอีกครั้ง สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทุกคนจ้องมองกันและกันด้วยสีหน้าตกตะลึง อู่หยาเองก็มีสีหน้าว่างเปล่า คราวนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแพ้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เธอได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะคว้าชัยชนะ แต่ทันทีที่โจวเหว่ยชิงเริ่มออกแรง เธอก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้แม้แต่น้อย!

…………………………………………………………