บทที่ 172
เฉินโม่มองเขาอย่างสงสัย แล้วถามว่า “นายท่านตระกูลนายคือใคร”
ชายหนุ่มหัวเราะ แล้วพูดว่า “นายท่านตระกูลผมคือ คุณลุงของคุณหนูมู่หรงยานเอ๋อร์ พวกคุณเคยเจอกันแล้ว”
“ที่แท้ก็เขานี่เอง เขาอยากเจอฉันทำไม” เฉินโม่ถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มพูดว่า “เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจ คุณเฉินถามนายท่าน ตอนเจอเขาได้ครับ”
“โอเค นำทางสิ!” แม้เฉินโม่ไม่อยากเจอซุนจิ้งไฉ แต่เห็นแก่หน้ามู่หรงยานเอ๋อร์ จึงตัดสินใจไปเจอสักครั้ง ดูว่าเขามีเรื่องอะไร
ชายหนุ่มคนนั้นพาเฉินโม่มายังร้านน้ำชา บริเวณใกล้ๆ นำเฉินโม่เข้ามาในห้อง ซุนจิ้งไฉกำลังนั่งรออยู่ในห้อง
“นายท่าน คุณเฉินมาถึงแล้วครับ!”
“อืม นายเฝ้าหน้าประตูไว้” ซุนจิ้งไฉพูดเสียงขรึม
ชายหนุ่มคนนั้นปิดประตูห้อง เฉินโม่มองซุนจิ้งไฉแวบหนึ่ง เดินมานั่งตรงข้ามซุนจิ้งไฉ แล้วถามว่า “นายเรียกฉันมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ซุนจิ้งไฉจับตามองทุกการกระทำของเฉินโม่ ตั้งแต่เดินเข้ามา สีหน้ายิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ
“ไอ้หนุ่มนี่ ไร้มารยาทเกินไปแล้ว เทียบไม่ได้กับซิงกั๋วเลย ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันเรียกเขามาคุย เป็นการเลือกที่ถูกต้องมาก”
ซุนจิ้งไฉเลิกคิด มองเฉินโม่ พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายเป็นเพื่อนกับยานเอ๋อร์ ฉันเป็นผู้อาวุโส เจอผู้อาวุโสครั้งแรก มารยาทพื้นฐานนายยังไม่มีเลย ทำให้ฉันสงสัยมาก นายได้รับการอบรมมาหรือเปล่า”
เฉินโม่มองซุนจิ้งไฉแวบหนึ่ง อดขมวดคิ้วไม่ได้ ถ้าไม่เห็นแก่มู่หรงยานเอ๋อร์ เขาไม่มาเจอซุนจิ้งไฉหรอก
ไม่คิดว่าประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูด คือการตำหนิว่าการอบรม ของตระกูลตัวเองไม่เคร่งครัด ถ้าเป็นคนอื่น เฉินโม่ลุกกลับไปนานแล้ว
“ถ้านายให้ฉันมาหา เพราะต้องการพูดเรื่องพวกนี้ งั้นเราไม่มีความจำเป็นต้องคุยกันต่อไปแล้ว” เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ
ถ้าเฉินโม่ยังเป็นเด็กธรรมดา เหมือนชาติก่อน แน่นอนว่าการทำแบบนี้ ไร้มารยาท แต่ตอนนี้เฉินโม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียน ทำอะไรทำลายกฎธรรมชาติ ทำไมต้องทำตามมารยาทของโลกธรรมดา ถ้าเฉินโม่ทำตามกฎ งั้นหกร้อยปีนี้ คงอยู่อย่างสูญเปล่าจริงๆ
ซุนจิ้งไฉโมโหจนหน้าแดง แต่เขากลัวว่าเฉินโม่จะกลับไป ทำได้เพียงไม่ถือสาเอาความเรื่องมารยาท พูดออกมาตรงๆ ว่า “ต่อไปฉันอยากให้นายอยู่ห่างยานเอ๋อร์หน่อย”
แววตาเฉินโม่นิ่ง ทันใดนั้นเข้าใจเป้าหมาย ที่ซุนจิ้งไฉเรียกตัวเองมาคุย อดส่ายหน้าไม่ได้
เห็นเฉินโม่ส่ายหน้า สายตาซุนจิ้งไฉแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “นายไม่ยอมเหรอ”
เฉินโม่มองตาซุนจิ้งไฉ ไม่สนใจความเย็นชาในแววตาเขา พูดนิ่งๆ ว่า “ฉันว่านายเข้าใจผิดแล้ว ฉันเห็นยานเอ๋อร์เป็นเพื่อนมาตลอด มองยานเอ๋อร์เหมือนน้องสาว ไม่มีความคิดอื่น”
สีหน้าซุนจิ้งไฉผ่อนคลายลง แต่ยังคงจ้องเฉินโม่ เหมือนจะเดาใจเฉินโม่ให้ได้ ดูว่าเขาไม่ได้โกหกจริงหรือเปล่า “จากท่าทางของนาย ไม่เหมือนกำลังโกหก แต่ถึงนายไม่คิดอะไรกับยานเอ๋อร์ นายแน่ใจไหมว่ายานเอ๋อร์ ไม่คิดอะไรกับนายเหมือนกัน”
“วันนี้ฉันเห็นสายตาตอนยานเอ๋อร์มองนาย แม้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถ้าปล่อยให้พวกนายพัฒนาไปเรื่อยๆ คงถึงวันนั้นในไม่ช้า ฉันไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
สีหน้าซุนจิ้งไฉแน่วแน่ เยือกเย็น มีความน่าเกรงขามแผ่ออกมา นี่เป็นท่าทีที่ผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองหลงฮั่วควรมี
เห็นซุนจิ้งไฉจริงจังเช่นนี้ เฉินโม่ไม่สามารถเข้าใจได้ หัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไม ทำไมยานเอ๋อร์ชอบฉันไม่ได้”
ซุนจิ้งไฉมองเฉินโม่อย่างเย็นชา พูดทีละคำว่า “เพราะนายไม่คู่ควร!”