บทที่ 173
มองใบหน้าเย็นชายโสของซุนจิ้งไฉ เฉินโม่หัวเราะออกมา
ครั้งแรกในชีวิต ที่เฉินโม่โดนโจมตี จนหัวเราะออกมา
ซุนจิ้งไฉพูดต่อ “ไอ้หนุ่ม นายควรจะยินดีที่วันนี้ คนที่มาคือฉัน ถ้าวันนี้ปู่ยานเอ๋อร์อยู่ด้วย คงไม่ได้เรียกนายมาคุยง่ายๆ แบบนี้ บางทีตอนนี้นายอาจโดนยัดลงไปในกระสอบ จมลงสู่ก้นทะเลสาบไปแล้ว”
เฉินโม่หยุดยิ้ม ถามอย่างสงสัย “นายบอกว่าฉันไม่คู่ควร ฉันอยากรู้มาก คนแบบไหนที่คู่ควรกับยานเอ๋อร์”
ในหัวซุนจิ้งไฉ มีภาพหงซิงกั๋วปรากฏขึ้นมา อัจฉริยะตระกูลหงคนนั้น กับมู่หรงยานเอ๋อร์ เป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาชัดๆ
“อยากคู่ควรกับยานเอ๋อร์ อย่างน้อยต้องมีฐานะเท่าเทียมกับยานเอ๋อร์”
“นายคิดว่าแค่ทรัพย์สินไม่กี่ร้อยล้านในมือนาย และการรู้จักคุณหนูตระกูลจิน จะสามารถคู่ควรกับยานเอ๋อร์ได้เหรอ”
“ฉันบอกนายได้อย่างชัดเจน ยังห่างอีกมาก ฐานะของยานเอ๋อร์ นายไม่สามารถจินตนาการได้ ถึงนายท่านตระกูลจินเจอปู่ของยานเอ๋อร์ ยังต้องเรียกด้วยความเคารพว่าพี่ใหญ่!”
จู่ๆ เฉินโม่อยากขำมาก ถ้าซุนจิ้งไฉรู้ว่าเจ้าสี่จิน เรียกตัวเองยังไง ไม่รู้จะพูดอย่างนี้กับตัวเองอีกหรือเปล่า
“ในเมื่อนายพูดอย่างนี้ ฉันก็อยากบอกนายเหมือนกัน อำนาจ เงินทอง ในสายตานาย สำหรับฉันแค่ของไร้ค่า ไม่มีค่าให้พูดถึง! ถ้าฉันต้องการ แค่กระดิกนิ้วก็ได้แล้ว!”
เฉินโม่พูดความจริง ในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อซุนจิ้งไฉได้ยิน กลับรู้สึกว่าเฉินโม่เย่อหยิ่ง ถึงขั้นวิกลจริต
ซุนจิ้งไฉลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองเฉินโม่อย่างโมโห “ไอ้หนุ่ม เดิมทีฉันเตือนนายเพราะความหวังดี แต่นายกลับคุยโว! กระดิกนิ้วก็ได้แล้วงั้นเหรอ หึ งั้นนายลองทำให้ฉันดูสักครั้งสิ!”
“พยายามทำสิ่งหนึ่งมาทั้งชีวิต แต่ทำได้แค่กินอิ่ม มีเสื้อผ้าพอใส่ นายไม่เพียงแต่จะไม่คิดพยายามก้าวหน้า หนำซ้ำยังพูดอวดดี คนอวดดีอย่างนาย จะคู่ควรกับยานเอ๋อร์ได้อย่างไร!”
“เดิมทีฉันคิดว่านายเป็นแค่เด็กวัยคะนอง แต่มาดูตอนนี้ นายไม่เห็นใครอยู่ในสายตาจริงๆ คนอย่างนาย คงทำได้แค่เป็นกบในกะลา อยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างอู่โจว ไม่รู้หลักการที่ว่าเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
“วันนี้คุยกันเท่านี้ ฉันพูดจบตรงนี้ ถ้านายยังก่อกวนยานเอ๋อร์ต่อ ถ้าวันหนึ่งต้องตาย อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
พูดจบ ซุนจิ้งไฉมองเฉินโม่อย่างเย็นชา และก้าวออกไป
เฉินโม่มองแผ่นหลังซุนจิ้งไฉเดินออกไป แสยะยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก “บางทีในสายตานาย อำนาจ เงินทอง ตำแหน่ง คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่จากสายตาคนทั่วไปแบบนาย จะไปเข้าใจได้อย่างไร ว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย!”
“หลังผ่านไปร้อยปี เงินมากมาย อำนาจใหญ่โตที่นายมี สุดท้ายจะกลายเป็นกองกระดูก ส่วนคนอย่างเฉินโม่ ยังคงอยู่ แม้ผ่านไปพันปี หมื่นปี!”
“ถ้าฉันเอาผลการฝึกตนกลับมาได้สักวันหนึ่ง หลุดพ้นจากดาวไอกา จะทำให้นายได้รู้ว่าอะไรคือ เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้าอย่างแท้จริง!”
โดนซุนจิ้งไฉทำให้ล่าช้าเช่นนี้ งานประมูลจบลงแล้ว พวกนักบู๊จากที่ต่างๆ ที่มาเพื่อเครื่องราง ต่างพากันก่นด่าไอ้เลวที่ซื้อเครื่องรางไปอย่างเงียบๆ
พวกเว่ยจื่อหยุนออกจากงานประมูล มาที่ข้างทางเช่นกัน
“อู๋ไต้ซือ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนซื้อเครื่องรางไปก่อน ผมคิดว่าต้องเป็นไอ้เด็กเฉินโม่แน่นอน มีเพียงเขา ที่ไปหลังเวทีกับจินเพ่ยอวิ๋น”
อู๋ไต้ซือสีหน้าเคร่งขรึม แสงสีเขียวแวบขึ้นมานัยน์ตา “ไปเขาหลิงอู่ก่อน กลับมาค่อยไปคิดบัญชีกับไอ้เด็กนั่น ฉันจะกักขังวิญญาณเขา ทรมานเขาสัก 2-3 ปี แล้วค่อยว่ากัน”
ซุนจิ้งไฉลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองเฉินโม่อย่างโมโห “ไอ้หนุ่ม เดิมทีฉันเตือนนายเพราะความหวังดี แต่นายกลับคุยโว! กระดิกนิ้วก็ได้แล้วงั้นเหรอ หึ งั้นนายลองทำให้ฉันดูสักครั้งสิ!”