“–ทำเนียบดาวรุ่งมีการเปลี่ยนแปลง ! ยินดีกับฉินอวี้โม่ที่ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง ทำเนียบดาวรุ่งมีการเปลี่ยนแปลง ! ยินดีกับฉินอวี้โม่ที่ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง ทำเนียบดาวรุ่งมีการเปลี่ยนแปลง ! ยินดีกับฉินอวี้โม่ที่ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง–”
เสียงประกาศมายาดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่อันกว้างใหญ่ของโรงเรียนราชสำนัก เมื่อฟังดูแล้วนี่คงจะเป็นประกาศจากทางโรงเรียนอย่างแน่นอน
เหล่าศิษย์น้อยใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ได้ยินเสียงประกาศอย่างชัดเจน ซึ่งในทันทีที่รับรู้ข้อความตามประกาศ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนหยุดชะงัก ทว่าหลังจากนั้นไม่นานทั้งสีหน้า แววตา และความรู้สึกของแต่ละคนกลับแตกต่างกันอย่างหลากหลาย
“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดก็มีคนลากเจ้าจีชางลงไปเสียที สะใจจริง ๆ !”
ณ โรงฝึกการต่อสู้ของโรงเรียน บุรุษกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนกว่าสิบคนเข้ามารวมตัวกันเพื่อทำการฝึกฝน
ซึ่งในระหว่างการปรึกษาหารือและวิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้อันเข้มข้นอยู่นั้น ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงที่น่ายินดีดังก้องขึ้น
“พี่ฉานในที่สุดก็มีคนถีบเจ้าจีชางนั่นตกจากอันดับหนึ่งของทำเนียบดาวรุ่งเสียที”
บุรุษผู้หนึ่งยิ้มร่าขณะเดินเข้าไปหาบุรุษที่เขาเรียกขานเป็นพี่ชาย ก่อนเอ่ยปากเสียงรื่นรมย์
“ช่างเถอะ อย่างไรเดือนหน้าข้าก็จะออกจากทำเนียบดาวรุ่งและเข้าไปชิงตำแหน่งในทำเนียบพสุธาแทนแล้ว”
บุรุษที่ถูกเรียกว่าพี่ฉานนั้น มีนามว่า*–หลิวฉาน*เขาเป็นผู้รั้งตำแหน่งอันดับที่สองของทำเนียบดาวรุ่ง เขาเข้าเรียนรุ่นเดียวกับฉินอี้เพ่ยและเป็นรุ่นพี่ฉินอวี้โม่กับเหล่าสหายของนางเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น ระดับพลังของหลิวฉานในตอนนี้คือจอมยุทธ์ขอบเขตนภมายาเก้าดารา
ที่ผ่านมาบุรุษตระกูลหลิวเคยมุ่งมั่นที่จะแย่งชิงตำแหน่งที่หนึ่งมาจากจีชางให้ได้ ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น ตอนนี้เมื่อเห็นว่ามีผู้ได้อันดับหนึ่งไปครองและเขี่ยจีชางผู้นั้นลงมาได้ เขาก็ค่อนข้างรู้สึกยินดี อย่างไรก็ตามเมื่อรายชื่อในอันดับหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับที่เหลือก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย เวลานี้หลิวฉานนับว่าตกไปอยู่ในอันดับที่สาม ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าจะเปลี่ยนไปชิงตำแหน่งในทำเนียบพสุธาแทน ที่เขาทำเช่นนี้ไม่ใช่แต่เพียงเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนหน้าใหม่เท่านั้น แต่ก็เพื่อผลประโยชน์ที่จะเพิ่มมากขึ้นกับตัวเองด้วย
“ฉินอวี้โม่น่าจะเป็นนักเรียนใหม่ของปีนี้ เพิ่งจะมาถึงก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของทำเนียบดาวรุ่งแล้ว น้องใหม่ผู้นี้คงจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวทีเดียว”
คนผู้หนึ่งในกลุ่มบุรุษแห่งโรงฝึกการต่อสู้เอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง ‘…นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่เด็กเข้าใหม่ในวันแรกสามารถขึ้นถึงอันดับหนึ่งได้ในทันที ดูเหมือนว่านักเรียนรุ่นใหม่ของปีนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว’
“จะแข็งแกร่งหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา ข้าสงสัยว่าสตรีน้องใหม่ผู้นั้นจะรู้หรือไม่ว่าการทำให้อันดับของจีชางตกลงไปจะนำพาเรื่องยุ่งยากมาสู่ตัวเอง หากว่านางรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วแต่ยังกล้าทำ ข้าจะขอจดจำชื่อฉินอวี้โม่เอาไว้และขอชื่นชมแม่นางผู้นั้นจากใจ”
บุรุษอีกคนเอ่ยคำคล้ายสรรเสิญด้วยอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อน เขากำลังนึกดีใจที่มีผู้ทำให้จีชางลงจากตำแหน่งที่หนึ่งได้ ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหวาดหวั่นแทนสาวน้อยนักเรียนใหม่ผู้นั้นไม่ได้
“ว่าแต่ในนี้มีใครเคยเห็นฉินอวี้โม่บ้าง ?”
ผู้เป็นสมาชิกอีกคนในกลุ่มเปิดปากถามอย่างกระตือรือร้น
ทว่าสหายของเขาเกือบทั้งหมดในโรงฝึกกลับส่ายศีรษะ ช่วงนี้พวกเขาฝึกฝนกันอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลาจะออกไปไหน แม้แต่เรื่องนักเรียนเข้าใหม่ที่มาถึงแล้วในวันนี้ พวกเขาก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าแม้แต่คนเดียว
“เฮ้ จริงสิ หลี่ซื่อเหมือนว่าเจ้าจะไปแอบดูรุ่นน้องหน้าใหม่มาแล้วนี่ เจ้าได้เห็นฉินอวี้โม่ผู้นั้นบ้างรึยัง ?”
บุรุษผู้หนึ่งนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่สหายของเขาทำ จึงรีบถามออกไปด้วยความสงสัย
“ข้าไปดูก็จริง แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าคนไหนคือฉินอวี้โม่ แต่บอกเลยว่าเด็กใหม่ปีนี้น่ากลัวมาก”
บุรุษผู้มีนามว่าหลี่ซื่อกล่าวตอบก่อนจะขยายความต่อ “จะว่าไปข้าก็เห็นอยู่คนหนึ่ง เป็นสตรีงดงามมาก เพียงแค่มองดูจากที่ไกล ๆ ก็รู้เลยว่าไม่ธรรมดา ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่ลึกลับจากร่างกายของนาง แล้วข้าก็มั่นใจถึงแปดส่วนเลยว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นฉินอวี้โม่ที่ถูกประกาศชื่ออย่างแน่นอน”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่หลี่ซื่อเล่า ดวงตาของศิษย์ทั้งหลายในโรงฝึกก็เปล่งประกายวิบวับ พวกเขาหลายคนเริ่มสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างจริงจังแล้ว
“อย่ามัวแต่ยุ่งเรื่องของคนอื่นเลยน่า เราจัดการเรื่องของตัวเองก่อนดีกว่า”
หลิวฉานเอ่ยปากเตือนเสียงทุ้มต่ำเพื่อเรียกให้เหล่าสหายหันกลับมาสนใจการฝึกฝนตรงหน้า อย่างไรก็ตามเวลานี้ความสนใจใคร่รู้เรื่องเกี่ยวกับสตรีผู้มีนามว่าฉินอวี้โม่ในใจของเขาเองก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าสตรีที่เป็นเพียงนักเรียนเข้าใหม่วันแรกจะเก่งกาจและโดดเด่นจนสามารถชิงตำแหน่งที่หนึ่งในทำเนียบดาวรุ่งมาจากจอมวายร้ายอย่างจีชางได้
…
ภายในหอพักสตรี นักเรียนหญิงหลายคนกำลังนั่งรวมกลุ่มกัน ยิ่งพวกนางได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ บทสนทนาก็ยิ่งสนุกสนานมากขึ้น และเสียงหวานเล็กแหลมตามแบบอิสตรีก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนักเรียนหญิงเหล่านั้น มีหญิงสาวผู้มีภาพลักษณ์ดูสุภาพ ทว่ากลับเอ่ยวาจาอย่างตรงไปตรงมาผู้หนึ่งรวมอยู่ด้วย
“พี่เพ่ยหลง คนที่มีนามว่าฉินอวี้โม่ก็คือสาวน้อยที่งดงามที่สุดในบรรดานักเรียนใหม่ของปีนี้คนนั้นไง”
ไม่ว่าจะโลกไหน ๆ เมื่อขึ้นชื่อว่าสตรีก็ย่อมชื่นชอบเรื่องซุบซิบนินทาเป็นธรรมดา ถึงแม้ฉินอวี้โม่จะเข้ามาในโรงเรียนราชสำนักได้ยังไม่ถึงครึ่งวัน แต่ข่าวคราวของนางกลับเป็นที่โจษขานกันไปทั่วเสียแล้ว เรื่องของคุณหนูสี่ตระกูลฉินแพร่สะพัดไปภายในหมู่นักเรียนหญิงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายลมพัด
“โอ้ เป็นนางนั่นเอง ข้าก็รู้ว่านางไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
สตรีผู้มีนามว่าเพ่ยหลงพยักหน้าหงึกหงักพลางหวนนึกถึงใบหน้านวลที่นางได้เห็นเมื่อช่วงสายของวันนี้ แม้แต่นางที่เป็นสตรีก็ยังต้องนึกทึ่งในความงามและพรสวรรค์ของรุ่นน้องสาวผู้นั้น
“พี่เพ่ยหลง ฉินอวี้โม่ชิงอันดับที่หนึ่งไปจากจีชางเช่นนั้น จะไม่เกิดปัญหาอะไรกับตัวนางหรอกหรือ ?”
หญิงสาวผู้ตั้งคำถามมีร่องรอยแห่งความกังวลปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน
จีชางผู้นั้นครอบครองตำแหน่งที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งติดต่อกันมาถึงสามปี แม้ว่าอีกไม่นานเขาจะไม่มีสิทธิ์อยู่ในทำเนียบดาวรุ่งแล้วก็ตาม แต่ทว่าด้วยนิสัยของเขา คนผู้นั้นก็ย่อมต้องอยากเป็นที่หนึ่งให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ยินยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งชิงไป และแน่นอนว่าคนที่รู้จักเขาดีก็ไม่มีผู้ใดที่กล้าหาญมากพอจะทำเช่นนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่ที่เพิ่งเข้ามาในโรงเรียนได้ไม่ถึงหนึ่งวันจะสามารถคว้าเอาที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งไปได้เช่นนี้ นี่นับเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยสำหรับศิษย์จำนวนมากในโรงเรียนราชสำนัก ทว่าในความแข็งแกร่งอันโดดเด่นของนักเรียนใหม่ผู้นั้นกลับแฝงความโชคร้ายเอาไว้ส่วนหนึ่งเพราะคนอย่างจีชางจะต้องไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่ นี่ถือเป็นประเด็นร้อนที่น่าจับตามองอย่างที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
“ฮ่า ๆ ๆ ตอนที่ข้าเห็นฉินอวี้โม่ ข้าก็ไม่คิดว่านางจะเป็นเพียงสตรีธรรมดา ๆ อยู่แล้ว เจ้ารอดูต่อไปเถอะ ข้าคิดว่าหลังจากนี้ไปโรงเรียนของเราคงจะได้ครึกครื้นมากขึ้นกว่านี้แน่”
เพ่ยหลงยิ้ม สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้และนึกสนุก นางเองก็กำลังรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
….
— ปัง ! —
“บัดซบ ! ฉินอวี้โม่เป็นใครกัน ? กล้าดียังไงถึงแย่งอันดับหนึ่งของข้าไป เข้ามาถึงโรงเรียนราชสำนักแล้วแต่กลับไม่รู้จักตัวตนของข้าเลยอย่างนั้นรึ ?”
บุรุษผู้หนึ่งลุกพรวดขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงประกาศ เขาตบโต๊ะเสียงดังพลางตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล เขาก็คือ*–จีชาง*ผู้ที่เคยเป็นที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งของโรงเรียนราชสำนัก ว่ากันว่าเวลานี้เขาอยู่ในขอบเขตนภมายาเก้าดาราและใกล้จะก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตมายาบรรพชนเต็มทีแล้ว
“พี่ชางจะห่วงไปทำไมกัน ข้าว่าพี่แข็งแกร่งพอจะติดหนึ่งในห้าของทำเนียบพสุธาเลยนะ แค่ทำเนียบดาวรุ่งไม่คู่ควรกับความสามารถของพี่ชางหรอก”
บุรุษที่อยู่ข้างกายเขารีบกล่าวขึ้นมาอย่างเอาอกเอาใจ
“เจ้าโง่ อันดับห้าของทำเนียบพสุธากับอันดับหนึ่งของทำเนียบดาวรุ่ง มันก็ได้จำนวนหินมายาเท่า ๆ กัน ความต่างมันอยู่ที่ตัวเลขบอกอันดับโว้ย ผู้ครองอันดับหนึ่งย่อมเป็นหนึ่ง อันดับห้าที่มีคนอยู่เหนือกว่าตั้งมากมายจะไปสู้ได้ยังไง !”
จีชางโกรธมาก สามปีมานี้ไม่เคยมีผู้ใดกล้าชิง ‘ตำแหน่งผู้เป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง’ ไปจากเขามาก่อน ทว่าตอนนี้กลับมีคนขวัญกล้าทำเช่นนั้น นี่เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ
“ไป ! ข้าจะไปดูหน้าฉินอวี้โม่ผู้นั้น ข้าอยากจะเห็นนักว่านางเป็นคนโอหังเพียงใดถึงได้กล้าหยามข้าแบบนี้ !”
กล่าวจบ จีชางก็พาพรรคพวกมุ่งตรงไปยังหอพักของนักเรียนใหม่ด้วยความเกรี้ยวกราด
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และเหล่าสหายไม่ทราบเลยว่าจีชางกำลังจะทำสิ่งใด เมื่อเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ เห็นฉินอวี้โม่ได้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง พวกเขาทั้งหมดก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง คนทั้งหมดค้างอยู่ในท่านั้นเนิ่นนานคล้ายยังเรียกสติกลับมาไม่ได้
“แบบนี้แย่แน่ ๆ”
จู่ ๆ ฉินอี้เพ่ยก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ นางโพล่งวาจาออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ประสบความสำเร็จ โดยปกติแล้วตัวนางผู้เป็นพี่สาวก็ควรจะดีใจจึงจะถูก อย่างไรก็ตามฉินอี้เพ่ยก็ไม่คิดมาก่อนว่าฉินอวี้โม่จะขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งได้ในทันทีเช่นนี้ หากว่ารู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกนางก็คงจะรีบหยุดน้องสาวของตนเอาไว้
เมื่อได้เห็นฉินอี้เพ่ยมีอาการผิดแปลก ฉินอวี้โม่ก็จ้องมองใบหน้าของญาติผู้พี่ตรง ๆ แล้วเอ่ยถาม “พี่สามเป็นอะไรรึเปล่า ?”
“เจ้าเห็นใช่ไหมว่า ตอนนี้บนรายชื่อของทำเนียบดาวรุ่งไม่มีชื่อของจีชาง ?”
ฉินอี้เพ่ยเข้าไปใกล้รายชื่อของทำเนียบดาวรุ่งและไล่สายตาดูอย่างละเอียด นางพบว่าหลิวฉานยังคงอยู่ในอันดับที่สอง ขณะเดียวกันรายชื่อในอันดับถัด ๆ มาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนรายชื่อในทำเนียบนี้มีเพียงจุดเดียวเท่านั้นคือชื่อของฉินอวี้โม่ถูกเติมลงไปในตำแหน่งของอันดับหนึ่ง ส่วนชื่อของจีชางที่ควรจะขยับลงไปอยู่ในอันดับสองกลับหายไป
เมื่อมองไม่เห็นชื่อของจีชางบนทำเนียบดาวรุ่งทุกคนก็ประหลาดใจ
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ข้าเกรงว่าเรากำลังจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว”
ฉินอี้เพ่ยขมวดคิ้วมุ่นขณะมองน้องสาว แววตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือพี่สาม ?”
ฉินอวี้โม่มองตอบฉินอี้เพ่ยด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นไม่ต่างกัน
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าจีชางเป็นใคร ?”
ฉินอวี้โม่และเหล่าสหายส่ายศีรษะโดยพร้อมเพรียง พวกเขาไม่เคยรู้จักผู้ใดที่มีนามว่าจีชางมาก่อน
“จีชางนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพี่ชายของเขา จีชางมีพี่ชายชื่อจีหย่งซึ่งก็คือผู้ที่อยู่ในอันดับที่สามแห่งทำเนียบนภา เขาเป็นถึงจอมยุทธ์ระดับมายาบรรพชนห้าดาราที่แข็งแกร่งมาก”
ฉินอี้เพ่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ ทว่าสิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือในบรรดาสหายอวี้โม่ทั้งหมดไม่มีผู้ใดแสดงอาการตกใจเลยแม้แต่คนเดียว
“แล้วมันยังไงหรือ ? ทำไมอวี้โม่จะต้องเจอปัญหาใหญ่ด้วยล่ะ ?”
เยว่ชิงเฉิงยังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก นางจ้องมองฉินอี้เพ่ยอย่างรอคอย คุณหนูช่างหลอมกำลังรอให้สหายสาวรุ่นพี่ไขความกระจ่าง
“พวกเจ้ายังไม่รู้สินะว่าเหตุใดจีชางถึงครองอันดับหนึ่งในทำเนียบดาวรุ่งมาได้ถึงสามปีซ้อน คิดหรือว่าจะไม่มีใครที่แข็งแกร่งมากพอจะชิงที่หนึ่งจากเขาได้จริง ๆ ? แท้จริงแล้วมีหลายคนเลยด้วยซ้ำที่แข็งแกร่งจนขึ้นไปถึงอันดับที่หนึ่งของทำเนียบดวงรุ่งได้ง่าย ๆ แต่พวกเขาทั้งหมดก็เลือกที่จะไม่ทำ”
ฉินอี้เพ่ยเล่าเรื่องที่น่าประหลาดใจออกไป ทว่านักเรียนหน้าใหม่ในกลุ่มสหายอวี้โม่ทั้งหมดก็ยังส่ายหน้าอย่างงุนงง ราวกับว่ายังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่ผู้นี้กำลังจะบอกนัก
อย่างไรก็ตาม มีเพียงฉินอวี้โม่ผู้ที่นับว่ามีความทรงจำที่มากกว่าและอยู่ดูโลกมานานกว่าคนอื่น ๆ ที่เหลือเท่านั้นที่พอจะคาดเดาบางอย่างได้
“นั่นก็เป็นเพราะพี่ชายของจีชางน่ะสิ”
ฉินอี้เพ่ยส่ายศีรษะและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอ่ยอธิบาย
…แท้จริงแล้ว จีชางอยู่ในโรงเรียนราชสำนักมาสามปีและอายุก็ถึงยี่สิบปีในปีนี้แล้ว นี่เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะอยู่ในทำเนียบดาวรุ่งได้ อันที่จริงเขาก็สมควรจะเข้าไปชิงตำแหน่งในทำเนียบพสุธาแทนได้แล้ว ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของเขาก็สามารถชิงอันดับหนึ่งในห้าสิบมาได้ไม่ยาก หรืออาจจะชิงตำแหน่งหนึ่งในห้ามาได้เลยเสียด้วยซ้ำ ทว่าบุรุษแซ่จีผู้นี้ก็ยังยึดติดกับตัวเลขอันดับที่หนึ่งอยู่ดี และถึงแม้ว่าการขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ห้าของทำเนียบพสุธาจะได้หินมายาเดือนละห้าสิบก้อนเท่ากันแต่เขาก็จะไม่ยอมสูญเสียตัวเลขอันดับที่หนึ่งอันสวยหรูไป
อีกทั้งการชิงอันดับห้าของทำเนียบพสุธาในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หากว่าเกิดพลาดขึ้นมาก็เท่ากับว่าเขาลดจำนวนหินมายาที่ควรจะได้รับลงไป ด้วยเหตุนี้ทำให้ชีจางไม่คิดจะปล่อยมือจากตำแหน่งผู้เป็นที่หนึ่งในทำเนียบดาวรุ่ง
ตามกฎของโรงเรียนราชสำนักหากว่าไม่มีผู้แข็งแกร่งกว่าเข้ามาท้าชิงอันดับที่หนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งไปจากจีชาง เขาก็จะครองตำแหน่งที่หนึ่งนั้นไปตลอดและทางโรงเรียนก็จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซง สุดท้ายทุกคนก็จะต้องรอจนกว่าตัวเขาจะล้ำข้อกำหนดอายุไม่เกินยี่สิบปีของทำเนียบนี้ไปเอง
จีชางนั้นนับว่าค่อนข้างดีเด่นด้านการคำนวณ หากว่ายังไม่มั่นใจว่าจะคว้าอันดับดี ๆ ในทำเนียบพสุธาที่ซึ่งจะให้หินมายามากกว่าที่เป็นอยู่ได้ เขาก็จะไม่ยอมเสียตำแหน่งไป แต่ที่สำคัญคือคนผู้นี้ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงและอิทธิพลของพี่ชายในการข่มขวัญเหล่านักเรียนหน้าใหม่เพื่อไม่ให้มีผู้ใดกล้าชิงอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งไปจากเขา
ขณะที่พี่ชายของจีชางผู้มีนามว่าจีหย่งนั้น ถึงแม้จะเป็นถึงผู้อยู่ในอันดับสามของทำเนียบนภา ทว่าก็เป็นบุรุษที่มีนิสัยค่อนข้างย่ำแย่ ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของคนผู้นี้คือ เขาให้ท้ายน้องชายมากเกินไป ขอเพียงจีชางต้องการจะสั่งสอนใคร ไม่ว่าคนผู้นั้นจะทำสิ่งใดผิด หรือแม้ว่าจีชางจะเป็นฝ่ายที่ผิดเอง แต่จีหย่งก็จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล และนั่นก็เป็นสาเหตุว่า เหตุใดสามปีที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้ใดกล้าชิงอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่ง
อันที่จริงนี่ถือเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทางโรงเรียนปล่อยปละละเลย นักเรียนหลายคนไม่ใคร่พอใจกับเรื่องนี้นักเพราะมันทำให้นักเรียนที่มีความสามารถไม่สามารถแสดงศักยภาพของตนออกมาได้ แต่ก็ด้วยเพราะเกรงกลัวอิทธิพลอันโหดเหี้ยมจึงไม่มีนักเรียนคนใดกล้าร้องเรียน
ทว่าเวลานี้ จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวขึ้นและฉวยคว้าเอาอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาวรุ่งไปจากจีชางอย่างกะทันหัน แน่นอนว่านี่จะต้องทำให้จีชางโกรธเคืองมากเป็นแน่ และแน่นอนอีกเช่นกันว่าเขาจะต้องตามมาเอาเรื่องกับฉินอวี้โม่
ด้วยความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ จีชางผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง อย่างไรก็ตามหากเป็นจีหย่งพี่ชายมาด้วยตัวเอง ฉินอวี้โม่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นถึงจอมยุทธ์มายาบรรพชนห้าดาราที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้อันแสนโชกโชน ตัวนางที่อยู่เพียงระดับนี้จึงแทบจะเรียกว่าอ่อนหัดก็ว่าได้…
เมื่อได้ยินวาจาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉินอี้เพ่ย เยว่ชิงเฉิงและเหล่าสหายอวี้โม่ทั้งหมดก็หันมองหน้ากันก่อนจะ*…หัวเราะออกมา*
พวกเขาก็ลุ้นอยู่ว่าฉินอีเพ่ยจะเป็นกังวลสิ่งใดอยู่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพียงเรื่องนี้ เพราะสำหรับพวกเขาทั้งหมดในเรื่องนี้ไม่ได้น่าเก็บมาขบคิดเสียด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ในดินแดนต้องห้าม ฉินอวี้โม่เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสสองแห่งอารามที่เป็นถึงจอมยุทธ์ขอบเขตมายาบรรพชนหกดาราตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว และคุณหนูสี่ตระกูลฉินก็ไม่ได้เป็นรองแม้แต่น้อย อีกทั้งในท้ายที่สุดนางยังเอาชนะเขามาได้ กับเพียงแค่ยอดฝีมือมายาบรรพชนห้าดารารุ่นเยาว์ สหายของพวกนางไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดเลย
ฉินอวี้โม่ยิ้มออกมา อดีตนักฆ่าสาวเองก็ไม่ได้กังวลจริง ๆ อีกฝ่ายเป็นเพียงอันธพาลที่พึ่งพาแต่พลังของพี่ชาย เป็นมนุษย์ที่คอยแต่หลบอยู่หลังผู้อื่นเท่านั้น
จริงอยู่ว่าหากไม่มีเรื่องในดินแดนต้องห้ามเกิดขึ้นมาก่อน ฉินอวี้โม่ก็อาจจะเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่หลังจากได้ลองประมือกับยอดฝีมือขอบเขตมายาบรรพชนที่เป็นถึงระดับอาวุโสอย่างลิ่วรุ่ยมาแล้ว ต่อให้จีหย่งมาด้วยตัวเอง แม้จะไม่ได้มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะเอาชนะได้ แต่ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้นึกกลัว
ฉินอี้เพ่ยกล่าวเรื่องใหญ่ที่นางเป็นกังวลจนร้อนใจมากออกไป ทว่าทุกคนกลับดูสบาย ๆ ราวกับฟังนางเล่าเรื่องชามข้าวในครัว นี่ทำให้คุณหนูสามตระกูลฉินอดประหลาดใจไม่ได้ จนเวลานี้คิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นผูกกันยุ่งขึ้นไปอีก ‘…นั่นคือจอมยุทธ์มายาบรรพชนห้าดาราเชียวนะ คนพวกนี้ไม่รู้จักกลัวกันเลยหรือไง !’
“คุณหนูสามอย่างกังวลไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร”
เสี่ยวโร่วเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มปลอบประโลม
ถ้าฉินอี้เพ่ยทราบว่าฉินอวี้โม้เพิ่งจะสังหารยอดฝีมือขอบเขตมายาบรรพชนหกดาราไปเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังมีเรื่องบาดหมางกับอาราม นางก็คงจะเข้าใจว่าเหตุใดน้องสาวของนางจึงไม่กลัว
“พี่สามวางใจได้เลย ถ้าจีชางต้องการมาหาเรื่องข้าก็ให้เขาเข้ามาได้เลย หรือต่อให้จีหย่งมาเองข้าก็ไม่กลัว”
ฉินอวี้โม่ยิ้มมั่นใจแล้วกล่าว
ทว่าฉินอี้เพ่ยก็ยังกังวลและงุนงงเช่นเดิม เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะให้นางวางใจง่าย ๆ ได้อย่างไร แต่ในเมื่อฉินอวี้โม่ยังไม่อยากอธิบายมากกว่านี้ นางก็จะไม่ถามให้มากความ
คุณหนูสามตระกูลฉินปัดความกังวลทิ้งไปก่อนจะจูงมือน้องสาวเดินไปยังสถานที่สำหรับรับประทานอาหาร