บทที่ 262: ฉันจะหลับตาข้างนึง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
ช่วงเย็น ถนนในย่านการค้าของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าก็เริ่มเต็มไปด้วยผู้คน ประตูร้านเหล้าดาบหัก เปิดและปิดอย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่มบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้กับร้านแห่งนี้
คำทักทายจากเจ้าของร้านเหล้าและเสียงแก้วไม้ที่ชนกันเป็นระยะ ๆ กลิ่นหอมของแอลกอฮอล์ที่อบอวลในอาคาร ที่นั่น ณ มุมหนึ่งของชั้นที่สอง มีเด็กหนุ่มผู้สวมหน้ากากและหญิงสาวผมสีแดงเพลิงนั่งอยู่
“คุณคริส พาผมมาที่นี่จะดีจริง ๆ เหรอ?”
“หืม? อายุเธอยังไม่ถึงเกณฑ์งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ!”
โรเอล แอสคาร์ดสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว ร้านเหล้าจึงเริ่มแออัด มีหลายคนนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อพูดคุยกับเพื่อนฝูงในขณะที่ดื่มสุรา ลูกค้าประจำบางคนนั่งบนที่นั่งสำหรับสองคนตรงมุมห้อง ขณะที่ลูกค้าใหม่ตรวจสอบของสะสมมากมายที่แขวนอยู่บนผนังด้วยความสงสัย
ตามชื่อของมัน ร้านเหล้าแห่งนี้มีดาบหักกว่าร้อยเล่มติดอยู่ที่ผนัง
หากมองแวบแรก ร้านเหล้าแห่งนี้ดูเหมือนอาคารโทรม ๆ ที่สร้างจากหินและไม้ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากบนถนนอันเก่าแก่หลายร้อยปีของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า
มีข่าวลือว่าเจ้าของร้านเหล้าเคยเป็นนักดาบมาก่อน แต่หลังจากที่เขาสูญเสียเพื่อน ๆ ทั้งหมดและได้รับบาดแผลที่รักษาไม่ได้มาจากการผจญภัย ถูกบดขยี้จนหมดหนทาง เขาจึงกลับมาที่สถานศึกษาที่เคยร่ำเรียนและเปิดร้านเหล้าขึ้น เขาตรึงดาบที่หักในการผจญภัยของตัวไว้บนผนังเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้หวนนึกถึงวันเก่า ๆ
การกระทำของเจ้าของร้าน เป็นสิ่งที่อัศวินหลายคนเห็นชอบด้วย ทำให้เกิดประเพณีที่นักดาบผู้เกษียณแล้ว จะเดินทางมามอบดาบที่หักแล้วของตนให้กับร้านเหล้าแห่งนี้ ราวกับหาที่พำนักที่ดีให้กับสหายเก่าของพวกเขา จำนวนดาบหักในร้านเหล้านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา และทุก ๆ เล่มจะมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับประวัติการผจญภัย และมีคำพูดทิ้งท้ายของเจ้าของทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ดาบมากมายที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าจดจำที่แขวนอยู่บนผนัง สภาพแวดล้อมแสงสลัว ๆ สบาย ๆ อาคารแห่งประวัติศาสตร์นี้ได้สร้างบรรยากาศแห่งความทรงจำขึ้นมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ร้านเหล้าดาบหักได้รับความนิยมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ แม้จะไม่ได้หรูหราและฟุ่มเฟือยเหมือนร้านอื่น ๆ
แน่นอนว่านักเรียนใหม่ส่วนใหญ่มักจะหนีห่างออกจากร้านเหล้าโทรม ๆ แห่งนี้ อีกทั้งมันยังไม่ได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน อันที่จริงลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านเหล้านั้นเป็นขาประจำของที่นี่ ตั้งแต่นักเรียนรุ่นพี่ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานจากร้านอื่น ๆ
สิ่งนี้ทำให้โรเอลถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ผมกลัวว่าจะมีใครเห็นผม ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายโดยไม่จำเป็น”
โรเอลถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมาจิบแอลกอฮอล์ แหวนสีน้ำเงินบนนิ้วของเขาส่องแสงเล็กน้อยภายใต้แสงไฟสลัวของร้านเหล้า
ความโกลาหลครั้งใหญ่หลังจากที่เด็กหนุ่มออกมาจาก ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้คำว่า ‘ผู้ถือแหวนกุหลาบน้ำเงิน’ เป็นวลีที่ได้รับความนิยมในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นมาของโรเอลทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในเขตสงคราม
นับตั้งแต่พิธีมอบรางวัล โรเอลก็ถูกซุ่มโจมตีโดยบุคลากรจากภาคีแห่งปัญญา องค์กรนักศึกษา และอาจารย์มากมาย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเหล่านี้จะมาดักรอเขาในสถานที่ต่าง ๆ และโยนถ้อยคำรวมถึงสิ่งจูงใจทุกประเภทเพื่อล่อลวงเขา
แน่นอน ผู้ที่ใช้ ‘วิธีการที่ไม่เหมาะสม’ ถูกลงโทษอย่างไม่ลังเลโดยเหล่าผู้ติดตามของผู้ถือแหวนกุหลาบทอง และผู้ถือแหวนกุหลาบแดง แต่ถึงกระนั้น ปัญหาก็ยังทยอยเข้ามาหาโรเอลอยู่ไม่ขาด ทางเข้าหอพักที่เด็กหนุ่มอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ตามหาตัวเขา นอกจากนี้นักเรียนที่อาศัยอยู่ในหอพักเดียวกันก็ยังพยายามติดต่อกับโรเอลอีกด้วย ทำให้เขาแทบไม่มีโอกาสได้พักผ่อนเลย
หนึ่งสัปดาห์หลังพิธีเปิดการศึกาาเป็นช่วงเวลาที่จะเว้นให้นักเรียนได้ทำความคุ้นเคยกับสถาบันการศึกษา เลือกวิชาที่ตนต้องการจะเรียน และสมัครเรียนในชั้นเรียนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้พวกเขายังต้องเลือกอาจารย์ในสถาบันการศึกษาคนนึงเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการอีกด้วย
เวลาหนึ่งสัปดาห์อาจจะดูยาวนาน แต่ก็ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เมื่อพิจารณาจากงานธุรการจำนวนมหาศาลที่ต้องใช้เวลาในการประมวลผล ใบสมัครเข้าชั้นเรียนนับพัน ตรวจทานคำอุทธรณ์ จัดสรรทรัพยากรให้อาจารย์แต่ละคนตามการสมัครเข้าเรียนของนักเรียน และอื่น ๆ อีกมากมาย
น่าเสียดายสำหรับโรเอล ที่มันกลายเป็นสัปดาห์ที่ยาวนานมากสำหรับเขา เนื่องจากความดื้อรั้นของเหล่าอาจารย์
โรเอลไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับภาคีแห่งปัญญา เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับพวกเขาเหล่านั้น ส่วนที่ปรึกษาทางวิชาการ เห็นได้ชัดว่ายังไงเด็กหนุ่มก็กำลังจะเลือกคริส ซึ่งเป็นคนที่มอบตะเกียงแห่งการหวนคืนให้กับเขา ทำเพื่อให้เขาสามารถกลับมาที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้อย่างปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้น คริสยังเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของสถาบันอีกด้วย เนื่องจากเธอเป็นหนึ่งในอาจารย์ระดับสูงไม่กี่คนในสถาบัน
อย่างไรก็ตาม โรเอลเลือกที่จะเก็บการตัดสินใจนี้ไว้กับตัวเอง เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีว่าตนอาจจะสร้างปัญหาให้กับคริสได้ หากเปิดเผยการตัดสินใจนี้เร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับเหล่านักเรียนจาก จักรวรรดิเซนต์เมซิท และเมืองโรซ่าตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลบแสงให้ได้มากที่สุด
เมื่อได้เห็นผู้ถือแหวนกุหลาบสีน้ำเงินผู้โด่งดังซึ่งเขย่าทั้งโรงเรียนจนถึงแก่น ต้องซ่อนตัวจากฝูงชนด้วยความกลัว คริสก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฉันรู้ดีว่าคนแก่พวกนั้นน่ารำคาญแค่ไหน ฉันเลยพาเธอพามาที่นี่เพื่อคลายเครียด ยังไงซะเธอก็ต้องเป็นนักเรียนของฉันอย่างเป็นทางการหลังจากการประกาศผลในวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว”
คริสดื่มสุราจนหมดแก้ว เฉลิมฉลองการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเธอที่ได้เข้าไปเยี่ยมโรเอลล่วงหน้า… แม้ว่าความตั้งใจแรกเริ่มของเธอในตอนนั้นจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ก็ตามที
อย่างที่เราคาดไว้จริง ๆ!
หญิงสาวผมแดงยกแขนขึ้นกอดที่หน้าอกพลางพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ หลังจากได้ชื่นชมตัวเองเบา ๆ เธอก็ชี้ไปที่กำแพงข้าง ๆ แล้วพูดต่อ
“นอกจากจะพามาเพื่อคลายเครียดแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันพาเธอมาที่มุมนี้ นั่นก็คือเจ้านี่”
โรเอลเหลือบมองตามนิ้วของคริสก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
มีดาบยาวเรียวที่หักแขวนอยู่บนผนังข้าง ๆ พวกเขา จากการออกแบบของมัน ดูเหมือนว่าจะเป็นดาบที่สร้างขึ้นในช่วงไม่นานมานี้ มีการร่ายเวทรักษาไว้ ดังนั้นมันจึงดูไม่เก่าลง ราวกับว่ามันเพิ่งพังไปไม่นานมานี้ โดยมีคำอธิบายสั้น ๆ เขียนไว้ด้านล่าง
【เดือนที่ 11 ของปี 988 หักระหว่างการช่วยชีวิตสหายสามคนในซากปรักหักพังที่เชิงเขายูเฟอร์
-คาร์เตอร์ แอสคาร์ด】
“รุ่นพี่เป็นคนที่พาฉันมาที่ร้านเหล้านี้ เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาที่นี่”
คริสมองดาบบนผนังด้วยรอยยิ้มหวนนึกถึงอดีต ทว่าโรเอลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอนั้นกลับสับสนงุนงงจนกลายเป็นคนงี่เง่า
นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? รุ่นพี่? เธอหมายถึงพ่อของเราเหรอ? เดี๋ยวนะ ถ้าเธอรู้จักพ่อของฉัน งั้นคนรู้จักที่เธอพูดถึงก่อนหน้านี้ก็คือ…
โรเอลเริ่มระลึกถึงบทสนทนาที่พวกเขาได้สนทนากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้การแสดงออกของเขายิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นทันทีที่เขาจำมันได้
“แล้วคุณคริส… จดหมายของคุณเป็นยังไงบ้าง? คุณเขียนเกี่ยวกับอะไร?”
ด้วยความหวังที่อยากจะตรวจสอบความเป็นไปได้ที่ผุดขึ้นมาในใจของตน โรเอลจึงตัดสินใจลองถามถึงจดหมาย คำถามของเขาทำให้สีหน้าของคริสเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฉัน.. ฉันเพิ่งส่งฉบับแรกออกไป มันผ่านมานานแล้วที่พวกเราไม่ได้ติดต่อกัน ฉันแค่พูดถึงเรื่องของเธอเพื่อให้เขาสบายใจ ฉ…ฉันคิดว่า เขาน่าจะกำลังยุ่งอยู่ที่ชายแดนตะวันออกใช่ไหมล่ะ ดังนั้นมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ หากเขาจะต้องฟุ้งซ่านกังวลเกี่ยวกับเธอ…”
“…”
โรเอลจ้องเขม็งไปที่อาจารย์ของตน ในที่สุดก็เข้าใจถึงการสื่อสารอันผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่เกิดขึ้น
มิน่า ทำไมเธอถึงปฏิบัติต่อเราเป็นอย่างดี! เราอยากเป็นนักเรียนของเธอ แต่เธออยากเป็นแม่เลี้ยงของเราแทนสินะ?
โรเอลปิดหน้าตนเอง ทีแรกนั้นเขาอยากจะชี้แจงความเข้าใจผิด แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าอันโหยหาบนใบหน้าของคริสขณะที่เธอจ้องไปยังดาบบนผนัง คำพูดก็ติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขาแล้วหายไปในทันใด
เด็กหนุ่มยังคงจ้องมองเธอต่อไปอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบแก้วไม้บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
ผ่านมานานกว่าทศวรรษแล้วที่แม่ของโรเอลจากไป แต่คาร์เตอร์ก็ยังคงเป็นโสดจนถึงปัจจุบัน ตามจริงแล้วโรเอลไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างที่เป็นสาเหตุ
หนึ่ง หัวใจของคาร์เตอร์ได้ตายลงไปพร้อมกับแม่ของโรเอล ทำให้เขาต้องปิดกั้นตัวเอง ปฏิเสธความรักทั้งหมดที่มาจากเพศตรงข้าม
สอง คาร์เตอร์ยังคงเป็นโสดเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ด จะตกเป็นของโรเอลอย่างราบรื่น เมื่อพิจารณาถึงความดื้อรั้นของโรเอลก่อนที่จะฟื้นความทรงจำจากอดีตชาติแล้ว ความเป็นไปได้นี้ดูจะเป็นไปได้มากกว่ามาก
แต่ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม โรเอลไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคาร์เตอร์
ความเป็นไปได้ครั้งแรก น่าจะสร้างเรื่องราวที่ค่อนข้างประทับใจได้ และบางคนก็อาจจะยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของการอุทิศตนเพื่อรักแท้ อย่างไรก็ตามในโลกแห่งความเป็นจริง การมีชีวิตอยู่กับอดีตไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ เหรอที่จะจมอยู่กับความเศร้าโศกจากการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก?
ประการแรก ความรักควรนำมาซึ่งความสุข การจากไปของบุคคลอันเป็นที่รักย่อมนำมาซึ่งความเศร้าโศก แต่มันก็ไม่ถูกต้องที่จะต้องหมกมุ่นอยู่กับมันมานานถึงทศวรรษ การที่แม่ของโรเอลเสียชีวิตก่อนวัยอันควรไม่ใช่ความผิดของคาร์เตอร์ และมันก็ไม่ถูกต้องที่ผู้บริสุทธิ์อย่างเขาจะต้องทนทุกข์กับเรื่องนี้
นี่ไม่ได้หมายความว่าคาร์เตอร์ไม่มีสิทธิ์ที่จะเศร้าโศก แต่มันจะกลายเป็นปัญหาทางจิตใจถ้าเขายังปิดบังความรู้สึกของตนเองเพราะเหตุผลนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งที่โรเอลควรทำคือหาจิตแพทย์ให้คาร์เตอร์แทนที่จะยกย่องความทุ่มเทของเขา!
สำหรับความเป็นไปได้ที่สอง ตอนนี้โรเอลได้เติบโตเต็มที่แล้ว เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอและสามารถปกป้องตัวเองได้ จึงยิ่งมีเหตุผลน้อยกว่าเดิมที่คาร์เตอร์จะรั้งตัวเองเอาไว้เพราะเขา
หากมองในแง่นี้ การปรากฏตัวของคริสอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้
อย่างน้อย ๆ สิ่งที่ทำให้คริสแตกต่างจากสตรีสูงศักดิ์คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ก็คือเธอเป็นคนจริงจังและมีบุคลิกตรงไปตรงมา อีกทั้งยังรักคาร์เตอร์อย่างแท้จริง และเลือกที่จะเป็นโสดมาตลอดจนอายุสามสิบ ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก
ในเมื่อเรื่องนี้เกิดจากความเข้าใจผิด มันอาจจะเป็นความคิดที่ดี หากจะให้คริสลองดูว่าเธอสามารถไปได้ไกลแค่ไหน
ช่างมันเถอะ เราจะปิดตาข้างนึงให้ก็แล้วกัน โรเอลคิดขณะดื่มเบียร์
เด็กหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามอีกครั้ง
“คุณคริส คุณเจอกับพ่อของผมได้ยังไง?”
“หืม? พวกเราเป็นนักเรียนภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกัน รุ่นพี่คาร์เตอร์คือพี่เลี้ยงที่ช่วยให้คำปรึกษากับฉัน”
“โอ้? เข้าใจแล้ว…”
โรเอลพยักหน้า เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับระบบพี่เลี้ยงมากนัก ระหว่างที่คริสกำลังจะอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟัง จู่ ๆ เธอก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้น ทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของอาจารย์สาว
“เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับระบบพี่เลี้ยงสินะ นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เธอจะเข้าใจมันในอีกไม่ช้าแน่ หลังจากที่เธอเข้ามาเป็นนักเรียนของฉัน”