บทที่ 261: ผู้สืบทอดคนใหม่
ฝูงชนที่อยู่นอกป่าต่างพากันเฉลิมฉลองให้กับโอกาสอันสำคัญนี้
การมีผู้ถือแหวนสามคนในรุ่นเดียวถือเป็นสถิติสูงสุดในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า อันที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานกว่าร้อยปีแล้ว
เจ้าหน้าที่บัญชีของสถาบันการศึกษาต่างมองหน้ากันด้วยความกังวล การมีผู้ถือแหวนสามคนในคราวเดียวหมายความว่าสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลตามสิทธิ์ของทั้งสามคน เท่ากับว่างานของพวกเขาจะหนักขึ้นมาก
สำหรับนักเรียนใหม่ นี่เป็นข่าวที่น่าอัศจรรย์มาก ราวกับว่าพวกเขาได้ร่มเงาขนาดใหญ่สามอันที่พวกเขาสามารถเข้าไปหลบภัยได้
สำหรับผู้นำของภาคีแห่งปัญญาและอาจารย์ของสถาบันการศึกษา นี่คือนักเรียนที่มีศักยภาพอันไร้ขอบเขต วิญญาณนำทางขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าบอกเป็นนัยว่าโรเอลนั้นได้เอาชนะศัตรูที่ทรงพลังมากลงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับคนที่มีอายุวัยเดียวกันกับเขา
แม้แต่คริสก็ยังรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นวิญญาณนำทางของโรเอลที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ถ้าเธอจำไม่ผิด วิญญาณนำทางที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามเมตร แต่ดวงอาทิตย์สีขาวตรงหน้าเธอได้ทำลายสถิตินั้นด้วยขนาดที่ใหญ่กว่ามาก
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะที่มีความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดโดยแท้จริง! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นขุนนาง ซึ่งหมายความว่ามันเป็นไปได้ที่จะชนะใจเขา!
การรับรู้นี้กระตุ้นความตื่นเต้นของเหล่าผู้นำภาคีแห่งปัญญาในบริเวณใกล้เคียง ทันใดนั้น อาการปวดเอวและสะโพกเรื้อรังของพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังที่ค่อมได้เหยียดตรงขึ้น ราวกับว่ามีคนยิงปืนพกส่งสัญญาณ ทุกคนพุ่งตรงไปที่โรเอลเกือบจะพร้อมกัน พยายามเข้าใกล้เขาให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กังวลมากกว่าพวกเขา คือเหล่าอาจารย์ นักเรียนสามารถจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาโดยไม่ต้องเข้าร่วมภาคีแห่งปัญญา แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาของตน โรเอลจะต้องประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในอนาคตด้วยศักยภาพที่เขาแสดงออกมาจนถึงตอนนี้อย่างแน่นอน ทำให้ใครก็ตามที่ได้เป็นครูที่ปรึกษาของเขาในตอนนี้ จะได้รับเกียรติยศในอนาคตด้วยสถานะอดีตอาจารย์ในวัยเรียนของเขา!
ราวกับฝูงสัตว์ที่แตกตื่นอย่างน่าสะพรึงกลัว ผู้คนมากมายพุ่งมาทางโรเอล ผู้กำลังหมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จอันหอมหวานเกินกว่าจะสนใจ
เด็กหนุ่มไม่เคยได้รับการยกย่องขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเขตการปกครองแอสคาร์ด เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ หรือเมืองโรซ่า และด้วยที่มันมาจากเหล่าชนชั้นสูงของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีก นี่เป็นช่วงฉายแสงในชีวิตของเขา เด็กหนุ่มคงจะโกหกหากบอกว่าเขาไม่มีความสุขกับเรื่องนี้
ทว่าในขณะที่โรเอลกำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ เขาไม่ลืมเด็กสาวสองคนที่กำลังรอเขาอยู่
โรเอลมองไปยังศูนย์กลางของฝูงชนที่โดดเด่นอีกสองกลุ่ม ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตต่างส่งยิ้มให้เขา และผู้ติดตามของพวกเธอเองก็แสดงทัศนคติที่อบอุ่นต่อเขาด้วยเช่นกัน เนื่องจากความเกี่ยวพันที่มีกับเขตการปกครองแอสคาร์ด และจักรวรรดิเซนต์เมซิท
ขณะเดียวกัน พอลเองก็พยายามเบียดไปข้างหน้าท่ามกลางฝูงชน โดยหวังว่าจะได้แสดงความยินดีร่วมกับเพื่อนของเขาโดยเร็วที่สุด
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่เราบังเอิญเจอบนถนนจะเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อขนาดนี้ อ่า ดูเหมือนชีวิตในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าของเราจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดแฮะ!
ไม่นานนักพอลพบว่าตัวเองถูกนักเรียนใหม่คนอื่น ๆ ที่พยายามจะฝ่าฟันอุปสรรคเช่นกันเบียด แต่เขาสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับฝูงชน
ทำไมมีผู้หญิงเยอะจัง
คงจะเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจสำหรับผู้ชายเช่นเขาที่จะลุยต่อไปท่ามกลางกลุ่มเด็กผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงถูกบังคับให้ต้องล่าถอยเล็กน้อย ซึ่งนอร่าและชาร์ล็อตก็สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน ใบหน้าของพวกเธอจึงมืดลงและกำหมัดแน่นในทันที
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว! มันกำลังเกิดขึ้นอีกแล้ว!
พวกเธอรู้ดีว่าความรุ่งโรจน์ของโรเอลในฐานะผู้ถือแหวนจะต้องดึงดูดจิ้งจอกจำนวนมากเข้ามา แต่พวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าจะมีมากมายถึงขนาดนี้! ไม่มีทางที่เด็กสาวทั้งสองจะยอมปล่อยให้เรื่องพัฒนาไปในทิศทางนี้ต่อแน่ ดังนั้นพวกเธอจึงยกมือขึ้นและสั่งให้ผู้ติดตามออกไปหยุดอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามปรากฏว่าทั้งสองไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นแล้ว
ก่อนที่นักเรียนจะไปถึงตัวของโรเอล เหล่าคนชรากลุ่มหนึ่งใหญ่ก็ลงมาจากฟากฟ้า โอบล้อมโรเอลเอาไว้
“นักเรียนใหม่ ฉันเป็นตัวแทนของภาคีแห่งปัญญาสาขาการเปลี่ยนแปลง ริชาร์ด เฮอร์แมน เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับภาคีของพวกเรามาก่อนไหม? หากสงสัยล่ะก็ ฉันยินดีที่จะพาเธอไปเยี่ยมชมรอบ ๆ สำนักงานใหญ่ของพวกเราในวันพรุ่งนี้ สนใจรึเปล่าล่ะ?”
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาน่า! ฉันเป็นตัวแทนของภาคีแห่งปัญญาพลังงาน พาวเวลล์ มีเพียงพวกผู้หญิงเท่านั้นแหละที่จะเข้าร่วมภาคีแห่งปัญญาสาขาการเปลี่ยนแปลงที่โง่เขลานั่น ความโรแมนติกของลูกผู้ชายน่ะ อยู่ในการระเบิด!”
“เรื่องไร้สาระที่สุด! มีเพียงลิงน้อยใจง่ายเช่นแกเท่านั้นแหละ ที่จะพึ่งพาพละกำลังอันดุร้ายสำหรับทุกสิ่ง ภาคีแห่งปัญญาสาขาการเปลี่ยนแปลงคือวิถีแห่งผู้มีปัญญาโดยแท้จริง!”
“เฮ้ พวกจากภาคีแห่งปัญญาหลีกทางไปได้แล้ว ฉันเป็นอาจารย์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า นักเรียนคนนั้น คิดอย่างไรบ้างกับยาวิเศษ? ฉันเป็นอาจารย์สอนวิชาปรุงยา ชื่อของฉันคือ ปิแอร์ โอเกิลต์ ฉันคิดว่าเธอมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในด้านนี้นะ!”
“แน่นอนว่าเขามีความถนัดมากมาย แต่ไม่ใช่ด้านปรุงยาหรืออะไรก็ตามที่นายกำลังพูดถึงหรอกนะ โรเอล ฉันเป็นครูสอนศาสตร์แห่งการป้องกันตัวด้วยคาถาเวท ชื่อว่าแฟรงค์ วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชีวิตรอดในการต่อสู้ก็คือการฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่ง ถ้าสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแล้ว ยาจะมีประโยชน์อะไร?”
“ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้? คิดว่ายามีประโยชน์แค่การฟื้นฟูรึไง? มียามากมายที่มนุษย์สามารถใช้ได้ และมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในสนามรบเท่านั้น!”
ไม่ทันที่โรเอลจะได้ตั้งสติ ผู้อาวุโสจากภาคีแห่งปัญญาและอาจารย์จากแผนกต่าง ๆ ในสถานศึกษาก็เริ่มทะเลาะวิวาทกัน พวกเขาใช้ถ้อยคำที่ไพเราะมากมาย หวังจะเอาชนะใจโรเอล
เมื่อผู้อาวุโสเข้ามากันมากขึ้นเรื่อย ๆ สถานการณ์ก็เริ่มที่จะควบคุมไม่ได้ ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ที่นี่มีความขุ่นเคืองต่อกัน ทำให้บรรยากาศเริ่มรุนแรง การตำหนิติเตียนและการวิพากษ์วิจารณ์มากมายถูกเหวี่ยงใส่กัน ราวกับว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
นอร่าและชาร์ล็อตได้แต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น ส่วนเหล่านักเรียนที่กำลังเร่งรีบเข้าไปหาโรเอลเองก็สับสนเช่นกัน หากพวกเขาไม่กล้าพอที่จะเข้าไปขัดขวางขุมพลังอันเก่าแก่เหล่านี้ของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล พวกเขาไม่มีทางที่จะเข้าไปหาเด็กหนุ่มได้เลย
โรเอลวุ่นวายไปกับการปฏิเสธคำเชิญ และไกล่เกลี่ยการต่อสู้ด้วยวาจาที่รุนแรงของผู้อาวุโส พลางคิดในใจว่าเรื่องนี้เหนื่อยเสียยิ่งกว่าการต่อสู้กับโรเสียอีก
…
ขณะเดียวกันที่ชั้นบนสุดของหอคอยที่หน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังควบคุมอยู่ เด็กสาวผมดำมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ มองดูเด็กหนุ่มผู้พยายามจัดการกับฝูงชนรอบตัวเขา บนสนามด้านล่างอย่างกระสับกระส่าย
ดูเหมือนว่าเขาจะยังปลอดภัยดีสินะ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความคิดนี้ทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจของลิเลียนสงบลง เธอไตร่ตรองถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ ท้ายที่สุดเด็กสาวจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัวและหันความสนใจกลับไปที่สนามเบื้องล่าง
แม้ว่าลิเลียนจะคาดเอาไว้ว่าปีนี้จะมีผู้ถือแหวนสามคนในกลุ่มนักเรียนใหม่ แต่ผลงานของโรเอลนั้นเกินกว่าความคาดหมายในตอนแรกของเธอไปมาก
การที่นักเรียนปี 1 ได้ผู้ถือแหวนสามคนในคราวเดียว ทำให้พวกเขาจะสามารถครอบครองที่นั่งครึ่งหนึ่งในสภากุหลาบ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คืออิทธิพลของพวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่หมายความว่าลิเลียนไม่สามารถทำตามคำสั่งของลูคัสที่ห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลแอสคาร์ดได้อีกต่อไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กสาวจะหลีกเลี่ยงการติดต่อกับโรเอล แอสคาร์ด ด้วยที่กลุ่มของพวกเขาจะต้องปะทะคารมกันในสักวัน
ลิเลียนหันความสนใจไปที่เหล่าอาจารย์ที่กำลังต่อสู้แย่งชิงโรเอล ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังหอคอยอีกแห่งในบริเวณใกล้เคียง ที่ซึ่งสตรีผมสีแดงเข้มกำลังจิบชาแดงอยู่อย่างสบายใจ จากนั้นคิ้วที่ขมวดบนหน้าผากของเธอก็คลายออกเล็กน้อย
โชคดีที่อาจารย์ของเราไม่ได้สนใจเขา มิฉะนั้นมันได้เกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ แน่ …
ลิเลียนมองดูเด็กหนุ่มผมดำอีกครั้งอย่างสบายใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
…
“แสดงออกมาเฉพาะแหวนกุหลาบน้ำเงินงั้นเหรอ? ช่างเป็นเด็กที่รอบคอบเสียจริง”
แม้จะกลับมาที่ห้องทำงานแล้ว แอนโตนิโอก็ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ หน้าต่างพร้อมไม้เท้าในมือ เขาจ้องมองไปที่ฝูงชนที่มีชีวิตชีวาบนสนาม เน้นไปที่เด็กหนุ่มผมสีดำที่ยืนอยู่ตรงกลาง พร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา
นักเรียนใหม่ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเป็นเยาวชนที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ และได้เผชิญหน้ากับเพื่อนวัยเดียวกันจำนวนมากเป็นครั้งแรก มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะอยากโอ้อวดเล็กน้อย เพื่อให้ได้รับความเคารพและการยอมรับจากคนรอบข้าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ เป็นเวทีในอุดมคติสำหรับพวกเขาในการสร้างความประทับใจให้แก่คนอื่น ๆ
ถ้าโรเอลเปิดเผยว่าเขาเป็นผู้ถือแหวนถึงสองวงพร้อม ๆ กัน คงจะทำให้เกิดความโกลาหลยิ่งกว่านี้เป็นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนอื่นได้รู้ว่าแหวนอีกวง เป็นแหวนกุหลาบดำในตำนาน โรเอลคงจะมีวุฒิภาวะที่เหนือกว่าอายุของเขาไปมาก ถึงสามารถตัดสินใจเลือกที่จะทอดทิ้งเกียรติยศชื่อเสียงเพื่อปิดบังเรื่องนี้
“หลังจากผ่านมาสามร้อยปี ในที่สุด โร ก็พบคนที่เขาอยากจะมอบแหวนให้แล้วสินะ หากมองย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้วจริง ๆ เธอคิดว่ายังไงบ้างล่ะ มาร์กาเร็ต?”
ชายชราผมขาวเหลือบมองไปที่ผนัง พูดกับลูกบอลคริสตัลตรงมุมเพดาน ที่เริ่มหมุนและเปล่งแสงจาง ๆ ออกมา
“อายุขัยของวิญญาณเทียมนั้นแทบจะไร้ขีดจำกัด เวลาเพียงสามร้อยปีนั้นไม่มีความหมายสำหรับข้า”
“อย่างนั้นหรือ? น่าอิจฉาจริง ๆ ”
แอนโตนิโอตอบสนองต่อลูกบอลคริสตัลที่หมุนอยู่ด้วยรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก
ลูกบอลคริสตัลชื่อมาร์กาเร็ต เป็นวิญญาณเทียมที่สืบทอดมาจากยุคโบราณ ในแง่หนึ่งเธอคือเจ้าของที่แท้จริงของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าแห่งนี้ ด้วยพลังในการคำนวณอันทรงพลังของเธอ เธอจึงเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คอยควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เวททั้งหมดในสถาบัน การออกคำสั่งกระจายกำลังคน การเคลื่อนที่ของเสบียง และวิถีการป้องกันส่วนใหญ่ของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลทั้งหมด
แม้ว่าแอนโตนิโอจะเป็นอาจารย์ใหญ่ แต่เขาก็ยังต้องพึ่งพามาร์กาเร็ตในการจัดการบริหารส่วนใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่เก่าแก่ที่สุดในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มาร์กาเร็ตยังล่วงรู้ถึงความลับในอดีตกาลมากมายที่คนในรุ่นปัจจุบันลืมเลือนไปแล้ว
“เธอเป็นคนเดียวที่รวบรวมข้อมูลของผู้พิทักษ์แห่งแหวนทั้งหมดไว้ ในเมื่อโร กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งแหวน ข้าคิดว่าเธอน่าจะรู้ถึงเจตจำนงของเขาใช่ไหม?”
“ฝ่าบาท หน้าที่ของข้าคือการทำตามคำสั่ง ไม่ใช่การคาดเดา”
“ข้ารู้… เนื่องจากเด็กคนนั้นครอบครองแหวนดั้งเดิม ย่อมหมายความว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของเธอ เธอจะค่อย ๆ มอบสิทธิ์นั้นให้เขาใช่ไหม?”
“ขออภัยด้วย แต่ท่านมีสิทธิ์เข้าถึงเพียงแค่ระดับสองเท่านั้น ข้าไม่สามารถตอบคำถามของท่านได้”
“…”
ใบหน้าของแอนโตนิโอแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินการตอบสนองอันเย็นชาจากอีกฝ่าย หมดหนทางโต้เถียง ความเงียบกริบซึมเข้าไปในอากาศครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปทางสนาม
เมื่อเห็นโรเอลปฏิเสธคำเชิญจากภาคีแห่งปัญญาและเหล่าอาจารย์ แอนโตนิโอก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับเขากำลังมองไปยังบุคคลที่เคยเป็นนักเรียนของตนในอดีต อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจอย่างเศร้าโศก
“ผู้สืบทอดคนใหม่ของแหวนกุหลาบดำ ขอให้เจ้าเลือกเส้นทางที่แตกต่างไปจากเขา เพื่อตระกูลของเจ้าและตัวเจ้าเอง”