บทที่ 260: เมื่อแสงจ้าส่องประกาย

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 260: เมื่อแสงจ้าส่องประกาย

มันเกือบจะเหมือนกับการสะท้อนแบบมีเงื่อนไข ฝูงชนเริ่มปรบมือและโห่ร้องเชียร์ทันทีที่พวกเขาเห็นวิญญาณนำทางที่สว่างไสวออกมาจากป่าหมอก

พวกเขารู้ว่าวิญญาณนำทางมีความสำคัญมากกว่าแค่การพานักเรียนใหม่เข้าไปในโบราณสถาน เพราะพวกมันมีหน้าที่บันทึกคะแนนด้วย ความสว่างของวิญญาณนำทางถูกกำหนดโดยปริมาณพลังเวทที่มันดูดซับ ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนและความแข็งแกร่งของศัตรูที่นักเรียนคนนั้นโค่นลงได้

ต่างจากคนอื่น ๆ ที่วิญญาณนำทางมีขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอล ตัวที่กำลังล่องลอยออกจากป่านั้นมีขนาดใหญ่ระดับที่ผู้ใหญ่แทบจะเอามือบังไม่ได้ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการถือกำเนิดของผู้ถือครองแหวนคนใหม่อย่างชัดเจน

ฝูงชนที่ตื่นเต้นจ้องมองอย่างจดจ่อ ขณะที่ร่างอันพร่ามัวกำลังเดินออกจากป่าหมอก จนค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงที่มีดวงตาสีมรกต ท่าเดินอันสง่างามเสริมให้กับการปรากฏตัวอันโอ่อ่าของเธอ ทำให้ฝูงชนส่งเสียงเชียร์ดังขึ้นมาในทันที

“นั่นมัน… นายหญิงของพวกเรา!”

“ผู้หญิงคนนั้นที่มาจากโรซ่านี่นา!”

ชาร์ล็อต โซโรฟยา แสดงรอยยิ้มอันสง่างามให้กับฝูงชนที่กำลังพลุกพล่าน ก่อนจะสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังที่ไม่พบว่าโรเอลอยู่ในฝูงชน

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดที่ชาร์ล็อตได้เผชิญ สิ่งหนึ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คือการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนรัก อันที่จริงเด็กสาวคิดบทพูดเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าโรเอลมายืนรอเธอ ชาร์ล็อตก็จะยื่นมือออกไป ขอให้เขาช่วยเธอสวมแหวนกุหลาบให้

แม้ว่าทวีปเซียจะไม่มีประเพณีแหวนแต่งงาน แต่การสวมแหวนให้ผู้หญิงยังคงถูกมองว่าเป็นการกระทำที่สนิทสนมกันสำหรับคู่รักที่รักกันอย่างลึกซึ้งเท่านั้น ในแง่หนึ่งมันคล้ายกับการแลกเปลี่ยนดาบสั้นในสมัยก่อน

น่าเสียดายที่แผนของชาร์ล็อตจะไม่เป็นไปในทิศทางที่เธอต้องการ เด็กสาวคิดว่าคนรักของเธอน่าจะสามารถเอาชนะผู้พิทักษ์แห่งแหวนได้เร็วกว่า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด

โรเอลคงพบกับศัตรูตัวฉกาจสินะ ชาร์ล็อตคิดพลางถอนหายใจ

มีผู้มีพรสวรรค์มากมายในช่วงพันปีของการก่อตั้งสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ถือแหวนบางคนจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ยังไงซะพวกเขาก็ต้องต่อสู้กับศัตรูที่มีระดับแก่นแท้แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะใช้เวลานาน

ยังมี ‘คนรู้จัก’ ของชาร์ล็อตอีกคนที่ยังไม่ออกมา แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่

ชาร์ล็อตสลัดความผิดหวังที่มืดมนในใจ เดินขึ้นไปหาฝูงชนและยกมือขึ้นส่งพลังเวทของเธอไปยังแหวนกุหลาบอันวิจิตรที่สวมไว้ระหว่างนิ้วของเธอ ซึ่งทำให้เกิดแสงออโรร่าสีแดงอันงดงาม ท่าทางนี้ได้รับการตอบรับทันทีด้วยเสียงปรบมือดังสนั่น และเสียงคำรามแห่งความสุขจากฝูงชน

“แหวนกุหลาบแดง! เธอได้รับแหวนกุหลาบแดง!”

“ไชโย!”

“นายหญิงจงเจริญ!”

ฝูงชนต่างพากันตื่นเต้นเมื่อได้เห็นแหวนกุหลาบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขุนนางจากเมืองโรซ่า นักเรียนใหม่ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้รู้ว่าจะมีคนคอยช่วยเหลือพวกเขา ขณะเดียวกันเหล่าคณาจารย์เองก็กล่าวชมเชยให้แก่ความสำเร็จอันน่าทึ่งของชาร์ล็อตด้วย

เวลาหลายปีมาแล้วที่ตระกูลโซโรฟยามีชื่อเสียงในทวีปเซีย แต่เนื่องจากความสามารถของพวกเขามุ่งเน้นไปที่การทำนายดวงชะตาและโหราศาสตร์เช่นเดียวกับเวทมนตร์อัญมณีของพวกเขาที่ขาดความสามารถในการโจมตีที่เด็ดขาดในการต่อสู้จริง พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น โดยที่ผ่านมากว่าร้อยปี ตระกูลโซโรฟยามีผู้ถือแหวนเพียงคนเดียวเท่านั้น

ชาร์ล็อตจึงกลายเป็นผู้ถือครองแหวนคนที่สอง และได้รับการต้อนรับอันอบอุ่นจากบรรดาขุนนางของเมืองโรซ่า ความสำเร็จนี้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลโซโรฟยาอย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงเชียร์และเสียงปรบมือดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่นานนักชาร์ล็อตก็ถูกล้อมไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยที่นักศึกษารุ่นพี่และอาจารย์หลายคนต่างต้องการสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้ถือครองแหวนคนใหม่นี้

อย่างไรก็ตามไม่นานนัก วิญญาณนำทางอีกดวงหนึ่งก็พุ่งออกมาจากป่า ทำให้เกิดความโกลาหลรอบที่สอง

“นั่นมัน…”

“วิญญาณนำทางอีกตัวนี่นา! มีคนกำลังออกมา!”

“ว้าว วิญญาณนำทางตัวนี้สดใสกว่าตัวก่อนอีกไม่ใช่เหรอ?”

มันเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ การปรากฏตัวของวิญญาณนำทางที่สดใสกว่าเดิมหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น มีนักเรียนใหม่อีกคนประสบความสำเร็จในการเอาชนะผู้พิทักษ์แห่งแหวน และได้รับแหวนกุหลาบ

ฝูงชนที่คาดหวังมองไปยังแสงสว่างในป่าหมอกที่สว่างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เด็กสาวผมสีทองจะบินออกมาพร้อมกับปีกแสง ท่ามกลางอาการหอบหายใจ เธอตกลงบนพื้นพร้อมกับวิญญาณนำทาง จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นและแสดงแสงออโรร่าสีทองอันเจิดจ้า

“แหวนกุหลาบสีทอง! มีผู้ถือแหวนอีกคนหนึ่งตรงนี้!”

“โอ้เทพีเซียผู้ยิ่งใหญ่! ทรงพระเจริญ!”

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังขึ้นอีกรอบ นักเรียนจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท สะบัดธงประจำชาติไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ในขณะที่นักเรียนจากจักรวรรดิออสทีน ดูจะไม่ตื่นเต้น แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศก็ยังร่าเริงพอที่จะขับไล่กลิ่นอายที่เศร้าหมองรอบ ๆ ป่าหมอกไปได้

นอร่าสำรวจบริเวณโดยรอบก่อนจะลงจอด การไม่ได้เห็นร่างของโรเอลทำให้เธอขมวดคิ้ว เด็กสาวหันไปมองชาร์ล็อตก่อนจะหรี่ตาลงอย่างระมัดระวัง เมื่อสังเกตเห็นแหวนกุหลาบแดงที่ระหว่างนิ้วของเธอ

เธอคว้ามันมาได้เหมือนกันสินะ… ช่างเถอะ ยังไงซะ เราก็คิดเอาไว้แล้วว่าเธอต้องได้มัน

นอร่าเพ่งมองไปทางอื่น และเลือกที่จะไม่จดจ่อกับเรื่องนี้มากจนเกินไป

ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคตของอาณาจักร นอร่าและชาร์ล็อตรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาต่อสู้กันด้วยวาจา สิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือการยอมรับความยินดีจากผู้ติดตามของพวกเธอ

พวกเธอสามารถดึงดูดผู้ติดตามได้อย่างง่ายดายโดยอาศัยเชื้อสายที่โดดเด่น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ พวกเธอต้องก้าวไปอีกขั้น เพื่อความจงรักภักดีที่แท้จริง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่มีร่วมกันนี้ เพื่อตอกย้ำความรู้สึกร่วมกันของผู้ติดตาม

อย่างไรก็ตามหน้าที่นี้ไม่ได้ขัดขวางทั้งสองจากการชำเลืองมองไปทางป่าเป็นครั้งคราว เพื่อรอคอยการกลับมาของคนรัก

คนอื่น ๆ อาจไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่โรเอลสามารถทำได้ แต่ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตที่เคยไปมิติสถานะผู้เฝ้ามองร่วมกับเขารู้ดีถึงความสามารถในการต่อสู้ของโรเอล พวกเธอจึงไม่คิดว่าผู้พิทักษ์แหวนระดับแก่นแท้ 3 ที่อ่อนแอจะมีโอกาสชนะเด็กหนุ่ม

ผู้ชนะทั้งสองมีความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ในโรเอล แต่คริสนั้นต่างกันออกไป เธอเดินไปรอบ ๆ ระเบียงด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะจุดบุหรี่อีกมวนเพื่อบรรเทาความวิตกกังวล

ในฐานะคนที่ไม่เคยออกเดทเลยตั้งแต่ถูกรุ่นพี่ ‘ทิ้ง’ ไปเมื่อทศวรรษที่แล้ว คริสไม่รู้ว่าตนควรเขียนอะไรถึงคาร์เตอร์ แม้จะใช้สมองมาทั้งวันแล้วก็ตาม หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองมีความเชื่อมโยงระหว่างคาร์เตอร์เพียงอย่างเดียวก็คือโรเอล และผลลัพธ์ของ “คืนแห่งปีศาจ” นี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นการสนทนาที่สมบูรณ์แบบ

ผลงานของโรเอลในการทดสอบจนถึงตอนนี้ทำให้คริสประทับใจมาก ต่อให้ไม่มีคาร์เตอร์มาเอี่ยว เธอก็อยากจะสอนเขา ติดอยู่เพียงแค่ เธอไม่คิดเลยว่าโรเอลจะพบกับปัญหาบางอย่าง

ภาคีแห่งปัญญา และองค์กรนักเรียนต่าง ๆ เริ่มจัดตารางผลลัพธ์ เพื่อแบ่งนักเรียนออกเป็นห้าระดับที่แตกต่างกัน ระดับสูงสุดคือผู้ถือแหวน ‘ระดับแรก’ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างผลงานของชาร์ล็อตและนอร่าก็ตาม

ขนาดวิญญาณนำทางของนอร่านั้นใหญ่พอที่จะครอบคลุมคนทั้งหมด ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเกินกว่าการจัดหมวดหมู่ทั้งห้าระดับ สถาบันการศึกษาจึงมีชื่อพิเศษสำหรับระดับนี้ว่า ‘ระดับพิเศษ’

ตลอดประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ไปถึงระดับพิเศษ บ่อยครั้งจะมีเพียงคนเดียวในทศวรรษ โดยนักเรียนระดับพิเศษคนล่าสุดที่ปรากฏในสถาบันการศึกษาก็คือลิเลียนเมื่อสองปีก่อน และวิญญาณนำทางของเธอในตอนนั้นก็มีขนาดใหญ่กว่าของนอร่าเล็กน้อย

การถูกจัดอยู่ในระดับพิเศษเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ว่ามีพลังเหนือกว่าคนในรุ่นของพวกเขามาก นักเรียนดังกล่าวจึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก สำหรับภาคีแห่งปัญญา พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปชักชวน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ตัวนักเรียนคนนั้นมาเข้าร่วม

ทว่าด้วยภูมิหลังของลิเลียนและนอร่า ทำให้พวกเขาไม่สามารถถูกยื้อตัวไว้ในภาคีแห่งปัญญาได้ ดังนั้นสมาคมนักวิชาการจึงทำได้เพียงแค่รั้งตัวเองเอาไว้ เช่นเดียวกันกับชาร์ล็อตที่อยู่ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับพิเศษก็ตาม

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบททดสอบที่สูญเปล่าสำหรับพวกเขา

แม้ว่านักเรียนทุกคนจะยังไม่ได้ออกมาจากโบราณสถานจนหมด แต่หัวหน้าภาคีแห่งปัญญาก็เริ่มไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว ในมุมมองของพวกเขา ใครก็ตามที่มีความสามารถในการไปถึงระดับหนึ่งหรือระดับพิเศษควรจะเอาชนะผู้พิทักษ์วงแหวนได้แล้วในตอนนี้ เพราะการต่อสู้นั้นไม่ควรยืดเยื้อจนนานเกินไป

เมื่อเวลาผ่านไป บางคนเริ่มออกไปจากสนาม แม้แต่เหล่านักพนันก็เริ่มหมดความอดทน พวกเขามองไปยังป้ายที่ยกสูงอยู่หน้าป่าหมอก ที่เขียนไว้ว่า【จำนวนผู้ท้าชิง : 1】 และสงสัยว่าคนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือคนที่พบกับภัยพิบัติจากการปะทุของพลังเวทที่ผิดปกติก่อนหน้านี้รึเปล่า

ขณะที่นอร่าและชาร์ล็อตเริ่มเป็นกังวล หมอกหนาทึบภายในป่าหมอกก็เริ่มพุ่งพล่านด้วยแสงที่ส่องออกมาจากภายใน ภาพลึกลับนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

“ก…เกิดอะไรขึ้น”

“มันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากความไม่เสถียรของโบราณสถานงั้นเหรอ?”

“เดี๋ยวก่อน แสงนั้นกำลังสว่างขึ้นไม่ใช่เหรอ ราวกับว่ามันกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเราเลย”

เสียงสนทนาจากฝูงชนทำให้แอนโตนิโอที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นและเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา คริสเองก็ไปที่ราวระเบียงอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนกเพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนขึ้น

ทันใดนั้นดวงอาทิตย์สีขาวก็โผล่ออกมาจากหมอก

มันเป็นวิญญาณนำทางที่มีขนาดใหญ่มากกว่าห้าเมตร ทำให้ไม่สามารถที่จะคงรูปร่างแบบเดิมได้อีกต่อไป มันสูงตระหง่านเหมือนยักษ์ ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก แสงจ้าที่เปล่งออกมานั้นมหาศาล จนทำให้ยากต่อการมองเห็น

ทั้งผู้นำของภาคีแห่งปัญญา และอาจารย์ของสถาบันการศึกษาต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นักพนันทุกคนตกอยู่ในอาการมึนงง วิญญาณนำทางทั้งหมดที่ลอยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงลอยไปมา และเริ่มวนรอบกลุ่มแสงขนาดยักษ์นี้ ราวกับว่ากำลังฉลองชัยชนะ

ด้านหลังวิญญาณนำทางขนาดใหญ่ เด็กหนุ่มผมดำเดินออกมาจากป่าหมอก ฝูงชนส่วนใหญ่จำได้ดีว่าเขาเป็นดาวรุ่งจากภาพถ่ายทอดสดในสนามกีฬาก่อนหน้านี้ ผู้ท้าชิงคนสุดท้ายที่ออกจากโบราณสถาน ชายผู้ที่ผู้ถือครองแหวนอีกสองคนกำลังมองหา

โรเอล แอสคาร์ด ชำเลืองมองไปยังฝูงชนที่เงียบสงัด ด้วยดวงตาสีทองอันสงบนิ่ง มีความอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าตนควรทำอะไร เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเผยให้เห็นแสงสีฟ้าซีดส่องออกมาจากวงแหวนบนมือ

มีความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เสียงคำรามที่ดังที่สุดในป่าหมอกจะปะทุออกมา พิธีกรที่อยู่ในสนามกีฬาก่อนหน้านี้เดินขึ้นมาทันที ก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วกระจายเสียงของเขาด้วยคาถาเวท

“ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ วันนี้พวกเราทุกคนกำลังได้เห็นวินาทีแห่งประวัติศาสตร์! ผู้ถือแหวนสามคนภายในรุ่นเดียวกัน รวมทั้งผู้ที่นำแสงสว่างอันน่าตกตะลึงมาสู่เรา ขอต้อนรับการถือกำเนิดของผู้ถือแหวนกุหลาบสีน้ำเงิน!”