บทที่ 259: ความรู้สึกที่เข้าใจได้ยาก
“เขาไปแล้วสินะ”
เศษแสงที่กระจัดกระจายออกไป ทำให้โรเอลรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก
แม้จะรู้ดีว่าร่างที่กำลังสนทนาด้วยนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตสำนึก โร แอสคาร์ดตัวจริงก็ตายไปนานแล้ว อีกทั้งบทสนทนาของพวกเขาเองก็ไม่ได้ยาวนานขนาดนั้นด้วยซ้ำ!
แต่โรเอลก็ยังรู้สึกสูญเสียอย่างลึกซึ้ง เมื่อร่างจำแลงของโรสลายไป
พวกเขาเป็นญาติพี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน เช่นเดียวกับสหายที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำให้โรเอลรู้สึกผูกพันสนิทสนมกับโร นอกจากนี้อีกฝ่ายเองก็แสดงความปรารถนาดีต่อเขาออกมาอย่างเปิดเผยด้วยเช่นกัน
ตระกูลแอสคาร์ดมักเผชิญกับปัญหาเรื่องการขาดแคลนลูกหลาน ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่แทบไม่มีเครือญาติในรุ่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับครอบครัวยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น โรเอลและโร ต่างก็เป็นผู้ที่สืบทอดพลังทางสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด ดังนั้นความสัมพันธ์ที่พวกเขามีให้กันจึงลึกซึ้งกว่าใคร ๆ
แม้โรนั้นจะมีนิสัยที่ซุกซนขัดแย้งกับรูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนของเขา แต่โรเอลก็สามารถสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของความรับผิดชอบที่เขาแบกรับเอาไว้อย่างชัดเจน ภายใต้ท่าทีที่สบาย ๆ นั้น เขาได้ให้เบาะแสหลายอย่างที่อาจหาไม่ได้อีกแล้วในยุคปัจจุบัน และข้อมูลเหล่านี้จะต้องถูกส่งต่อไปในอนาคตอันไกลโพ้นอย่างแน่นอน
จากวินสเตอร์ ถึงโร และในที่สุดก็สืบทอดมายังโรเอล ราวกับว่าผู้ครอบครองพลังสายเลือดทั้งสามคนของตระกูลแอสคาร์ดอยู่ในการแข่งขันวิ่งผลัด เพื่อเปิดเผยความจริงของประวัติศาสตร์ พวกเขาพยายามที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของตนเอง ชะตากรรมของตระกูลแอสคาร์ด และชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ แม้วินสเตอร์ และโร จะเสียชีวิตในระหว่างการทำเช่นนั้น แต่ความพยายามของพวกเขาไม่ได้เปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
สิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ปูทางเอาไว้ให้กับโรเอลที่บางทีในวันใดวันหนึ่งอาจจะต้องพบกับจุดจบก่อนวัยอันควร หากเดินไปตามเส้นทางนี้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน
โรเอลไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่สั่งสมมากว่าพันปีจบลงในมือของเขาได้
นั่นเป็นความคิดที่แท้จริงที่สุดที่เขามีในตอนที่ได้รับแหวนกุหลาบดำวงนี้มา
โรเอลไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นผลจากแหวนกุหลาบดำหรือโบราณสถาน แต่อาการบาดเจ็บ และพลังเวทที่ลดลงของเขาค่อย ๆ หายและคืนกลับมาเป็นปกติแล้ว แม้แต่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเขาเองก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่น่าเหลือเชื่อนี้ทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างสุดซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติอันลึกลับของ ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’
ความแตกต่างที่ไม่ชัดเจนระหว่างความเป็นจริงและภาพลวงตาในโบราณสถาน ทำให้เกิดปรากฏการณ์อันน่าทึ่ง อย่างไรก็ตามโรเอลก็ทราบดีว่าปรากฏการณ์นี้ได้หายไประหว่างการต่อสู้กับโร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกที่ได้เห็นการรักษาเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้รับแหวนกุหลาบดำ
นี่หมายความว่าปรากฏการณ์ของโบราณสถานเกี่ยวข้องกับแหวนกุหลาบดำงั้นเหรอ?
จะว่าไปแล้วมันก็เป็นไปได้ เนื่องจากแหวนกุหลาบดำนั้นได้รับการปกป้องโดยโร แอสคาร์ด ที่ทรงพลังเกินกว่ามาตรฐาน นักเรียนใหม่ที่ไหนจะมีโอกาสต่อกรกับเขาได้กัน?
พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ร่างจำแลงของโร ต่างจากผู้พิทักษ์แห่งแหวนคนอื่น ๆ มาก ราวกับเขาจงใจกักตุนแหวนกุหลาบดำ ที่เป็นแบบนี้เพราะต้องการเก็บมันไว้ เพื่อให้เวลาผู้สืบทอดสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดมา จะได้มอบเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับ ‘นักวิชาการ’ ให้พวกเขาได้งั้นเหรอ?
หากมองจากมุมนี้ ก็หมายความว่าโรกำลังเล่นกับระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าแหวนกุหลาบดำไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอก
โรเอลจ้องไปที่แหวนทั้งสองวงในมือของตน และครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัวและโยนความคิดเหล่านั้นไปที่ด้านหลังของจิตใจ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องออกจากที่นี่
เด็กหนุ่มเรียกวิญญาณนำทางที่อ้วนท้วนบนท้องฟ้ากลับมา ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาออกไปไม่ได้ด้วยวิธีปกติ เมื่อไม่มีทางเลือก โรเอลจึงหยิบตะเกียงของคริสออกมาแล้วจุดไฟ
…
ความโกลาหลรอบ ๆ ป่าหมอกได้สงบลง และกลุ่มหัวกะทิของหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินเริ่มออกตรวจสอบพื้นที่ อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอเองก็มาเฝ้าสังเกตสถานการณ์จากบริเวณใกล้เคียงเช่นกัน โดยที่ระเบียงใกล้ ๆ มีคริสยืนมองไปที่ป่าหมอกพลางถอนหายใจด้วยความกังวล สวดอ้อนวอนขอให้โรเอลปลอดภัย
ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังจากบททดสอบแรก เมื่อผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักเรียนใหม่ต่อสู้กับผู้พิทักษ์แหวน ทันใดนั้น ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ ก็เริ่มเปล่งพลังเวทที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เสียงสัญญาณเตือนระดับสุดท้ายดังขึ้นมา เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว ส่วนเชื่อมต่อห้วงมิติ จึงประกาศเตือนภัยระดับ 1 ในทันที เรียกร้องให้หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินเตรียมพร้อมเข้าไปในป่าหมอก
ผู้ท้าชิงในปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆ โดยประกอบไปด้วยองค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และลูกสาวของหัวหน้าผู้บริหารสมาคมพ่อค้าโรซ่า อุบัติเหตุที่นี่อาจก่อให้ผลร้ายต่อมวลมนุษยชาติทั้งหมดได้ ความตึงเครียดอันรุนแรงสร้างบรรยากาศที่หนักอึ้งจนหัวหน้าส่วนเชื่อมต่อห้วงมิติหัวใจวาย และถูกแพทย์ของสถาบันพาตัวไป
โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานการปะทุของพลังเวทก็หายไป
บางทีอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโออาจจะเข้าใจโบราณสถานนี้อย่างลึกซึ้ง เขาจึงไม่ได้ดูกังวลอะไรมากนัก เมื่อโบราณสถานเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง ฝูงชนที่กังวลใจก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเริ่มออกจากพื้นที่ และแล้วในที่สุดวิกฤตก็สงบลง
ฝูงชนหลายพันคนทั้งนักเรียนใหม่และรุ่นพี่ต่างรอคอยผลการทดลองอย่างมีความหวัง บางคนเป็นขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และสมาคมพ่อค้าโรซ่า นักเรียนใหม่ที่เดินหาการสนับสนุนจากนักเรียนรุ่นพี่ที่เคยพลาดพลั้งในการทดสอบ หรือไม่ก็เจ้ามือ และนักพนัน พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยความตั้งใจร่วมกัน เพื่อที่จะรอดูผู้ถือแหวนคนใหม่
สิทธิพิเศษของผู้ถือแหวนคือสนามฝึกพิเศษส่วนตัว และสิทธิในการสร้างกลุ่ม การได้อยู่ในกลุ่มของผู้ถือแหวนมีประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมากมาย เช่นมีสิทธิพิเศษเฉพาะตัว หรือสิทธิในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก
แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด คือความสัมพันธ์ที่ได้สร้างขึ้นกับเพื่อนสมาชิก ตลอดปีการศึกษา ความผูกพันเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในภายภาคหน้า แม้จะจบการศึกษาไปแล้วก็ตาม
ในแง่มุมของผู้ถือแหวนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิทธิในการออกเสียงของพวกเขาในสภากุหลาบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสถาบันการศึกษาได้ ปัจจุบันมีผู้ถือแหวนอยู่ในชั้นปีที่ 2 3 และ 4 ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งที่อย่างน้อย ๆ ควรจะมีหนึ่งคนสำหรับชั้นปีแรก มิฉะนั้นรุ่นของพวกเขาจะสูญเสียผลประโยชน์มากมาย และไม่มีตัวแทนในสภากุหลาบ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงพึมพำของฝูงชน
ในฐานปฏิบัติการชั่วคราวใกล้ ๆ ป่าหมอกของหน่วยรักษาความปลอดภัย หญิงสาวผมดำกุมหน้าอกของเธอด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด โดยมีถ้วยคว่ำอยู่บนพื้นข้าง ๆ
ลิเลียนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากนับตั้งแต่การปะทุของพลังเวทที่ผิดธรรมชาติได้เริ่มต้นขึ้น ความรู้สึกคับข้องใจและความไม่สบายใจผุดขึ้นในใจเธอ ทำให้เด็กสาวไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น มันเลวร้ายลงทุก ๆ นาทีที่ผ่านไป
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ในฐานะผู้ถือแหวนกุหลาบสีม่วง ลิเลียนไม่เคยคิดที่จะมายังที่แห่งนี้ เพื่อรักษาลำดับชั้นของอำนาจ เธอจะต้องหลีกเลี่ยงการเอาใจใส่ผู้ถือครองแหวนคนใหม่ เพื่อรักษาความภาคภูมิใจของตนเอาไว้ แต่ด้วยความรู้สึกสะพรึงกลัวที่เธอรู้สึก ทำให้เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องมาที่นี่
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ความวุ่นวายในโบราณสถานส่งผลต่ออารมณ์ของเราได้ยังไง? … ความกลัวที่เรากำลังรู้สึกคืออะไรกันแน่?
ด้วยที่ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย ลิเลียนจึงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เด็กสาวไม่สามารถปล่อยวางได้ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ไป ในฐานะที่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเครือญาติหรือความรักมาก่อน นี่เป็นความรู้สึกที่เข้าใจยากมากสำหรับเธอ
ขณะที่กำลังรู้สึกหงุดหงิด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากป่าหมอก เหล่านักเรียนผู้ที่ได้เข้าท้าทายผู้พิทักษ์แหวนในที่สุดก็เดินทางกลับมากันแล้ว แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่เดินออกมามักจะถอนหายใจด้วยความผิดหวัง จนกระทั่งเมื่อการไหลเวียนของพลังเวทอันทรงพลังกระเพื่อมไปรอบ ๆ พร้อมกับวิญญาณนำทางที่มีขนาดใหญ่ จนทำให้บริเวณโดยรอบสว่าง ก่อให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นท่ามกลางฝูงชน
ในที่สุดผู้ชนะบททดสอบก็มาถึงที่นี่แล้ว