เดิมทีเย่เฉินไม่คิดว่าพวกเขาสองคนนั้นทำเรื่องที่ผิดต่อเขา

แต่พอคิดถึงว่าตนเองเคยทำเรื่องผิดต่อหญิงสาว เย่เฉินก็เกิดหวาดกลัวจับใจ!

ทุกคนต่างก็มีความคิดอยากจะล้างแค้นกัน ตอนนั้นที่เย่เฉินจุมพิตกับหวังเจียเหยา ก็เป็นเพราะหวังเจียเหยาต้องการจะเอาคืนหลิ่วอวี่เจ๋อ!

ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาเอาเรื่องนี้ไปบอกฉินหงเหยียน บางทีเจ้าหล่อนอาจจะไม่เลิกกับเขาแต่ไม่มีทางที่ไม่โกรธเขาเลย

ด้วยอารมณ์โมโหบวกกับที่เหอเหวินเจี้ยนนั่นชอบแทะโลมแฟนสาวของเขาบ่อยๆ ไม่แน่ว่าฉินหงเหยียนอาจจะเอาคืนเขาโดยอารมณ์หุนหันพลันแล่นเช่นกัน!

เย่เฉินหดหู่อย่างยิ่ง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เขาก็คงจะสารภาพกับฉินหงเหยียน ยอมรับผิดกับหญิงสาวตั้งนานแล้ว!

ถ้าหากฉินหงเหยียนเองก็เอาคืนเย่เฉินโดยการไปนอนกับเหอเหวินเจี้ยน งั้นเย่เฉินเองก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะคบหากับหญิงสาวต่อไปอย่างไร!

เย่เฉินร้อนรนแล้วรีบร้อนโทรหาแฟนสาว

“ขออภัยด้วยค่ะ ไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้”

โทรไม่ติดแล้ว!

ตัวฉินหงเหยียนอยู่ที่เมืองเซิ่งหยางที่อยู่ไหลออกไปเป็นพันกว่ากิโลเมตร เย่เฉินไม่สามารถไปปรากฏตัวต่อหน้าหญิงสาวได้ในตอนนี้

ต่อให้นั่งเครื่องบินไป ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนคิดจะทำอะไรกับเหอเหวินเจี้ยน ต่อให้ไปถึงอะไรๆ ก็คงเสร็จสิ้นไปแล้ว

เย่เฉินต่อยกำแพงอย่างหัวเสีย เขาเกลียดชังความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้!

ในหัวสมองของเขาย้อนนึกถึงน้ำเสียงที่หญิงสาวพูดกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งย้อนคิดก็ยิ่งเหมือนเสียงหวังเจียเหยาและฟางเชา ที่เขาเคยได้ยินจากในอีเมลล์ !

หรือว่าเขาจะต้องโดนแฟนทรยศอีกครั้ง?

“ไม่ ฉันต้องหาความจริงให้ได้!”

ถ้าหากว่าตอนนี้เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าความจริงคืออะไรกัน แล้วรอจนฉินหงเหยียนกลับมาอธิบาย ถ้าหญิงสาวบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็อาจจะไม่เชื่อหล่อน

ทันทีที่ระหว่างพวกเขาเกิดคลางแคลงใจใจกันและกัน งั้นก็ยากจะก้าวเดินต่อไปนานๆ

ดังนั้นเย่เฉินจึงโทรหาพ่อบ้านฟาง “พ่อบ้านฟางครับ ตระกูลเรามีคนรู้จักที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในเซิ่งหยางบ้างไหม?”

พ่อบ้านฟางกล่าวพลางยิ้ม “เซิ่งหยางเป็นเมืองใหม่ลำดับต้นของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ คุณชายอยากจะทำอะไรบอกผมได้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้”

สิ่งที่เย่เฉินต้องการจะทำก็คือ เขาอยากรู้ว่าตอนนี้แฟนสาวของตนเองทำอะไรกันแน่!

เรื่องที่หญิงสาวนอกใจเขาไปคบหาเหอเหวินเจี้ยน ตอนนี้ยังเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน ก่อนอื่นเย่เฉินก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจแฟนสาวของตนเอง!

หากว่าเชื่อใจหล่อน เชื่อใจว่าหล่อนวิ่งอยู่บนลู่จริงๆ

อย่างนั้นแล้วในวินาทีนี้พิกัดที่ฉินหงเหยียนอยู่ก็น่าจะอยู่ที่ฟิตเนสชั้น 5 ของโรงแรม Grand Hyatt

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมอยากรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมตอนนี้เลย! จะให้ดีช่วยถ่ายคลิปมาให้หน่อย!”

“รับทราบ!”

ห้านาทีต่อมา

ณ โรงแรม Grand Hyatt จู่ๆ กระจกของฟิตเนสก็แตกออกมา!

เคร้ง!

“อ๊าก!”

คนที่กำลังออกกำลังกายอยู่ ต่างก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก แล้วกรีดร้องเสียงดัง

จากนั้นโดรน Faccon no.8 ราคาแสนห้าตัวหนึ่งก็บินทะลุเข้ามา

โครนตัวนี้บรรจุกล้อง Lumix ที่ใช้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ รวมไปถึง FLIR TAU2640 ที่เป็นกล้องจับอุณหภูมิด้วย

โดรนบินวนช้าๆ ในชั้นนี้ แล้วถ่ายหน้าทุกคนในชั้น

แต่ในเวลานี้ภาพที่กล้องจับได้นั้นก็ปรากฏขึ้นที่จอภาพตรงหน้าเย่เฉินที่อยู่ไกลถึงเทียนไห่!

เย่เฉินเห็นฉินหงเหยียนอยู่ข้างๆ ลู่วิ่งผ่านจอมือถือ สวมชุดออกกำลังกายรัดรูป ทำให้เห็นเรือนร่างชัดเจน แต่เสื้อผ้าเรียบร้อย ไม่มีเสื้อผ้ายับเยิน

เหอเหวินเจี้ยนอยู่ข้างกายหล่อนจริงๆ เหอเหวินเจี้ยนเองก็กำลังสวมชุดออกกำลังกายยี่ห้อ Nike ทั้งตัว

เพราะการมาถึงของโดรนและการระเบิดของกระจกทำให้ตกใจจนไปซ่อนที่มุม

“โอเค กลับมาได้แล้ว”

เย่เฉินพูดคุยกับใครบางคนที่เขาไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนที่เซิ่งหยาง

“ครับคุณชาย!” หลังจากที่คนฝั่งนั้นรับคำ โดรนก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว

ณ โรงแรม Grand Hyatt เซิ่งหยาง เมื่อเห็นโดรนบินไป เหอเหวินเจี้ยนเองก็ค่อยๆ เดินออกจากมุมแล้วตะโกนเสียงดัง “โรงแรมห่วยๆ แห่งนี้ทำไมถึงได้ดูแลแย่แบบนี้! ผมจะไปร้องเรียน! หงเหยียนคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เหอเหวินเจี้ยนพูดไปพลาง แสร้งทำเป็นห่วงใยแล้วฉวยโอกาสแตะมือหล่อน

ฉินหงเหยียนสะบัดเหอเหวินเจี้ยนทิ้ง “ขอบคุณคุณเหอที่เป็นห่วงนะคะ ขอแค่คุณไม่จงใจชนฉัน ฉันว่าฉันก็คงไม่เป็นอะไร”

เมื่อครู่ฉินหงเหยียนกำลังวิ่งบนลู่จริงๆ จากนั้นก็วิ่งไปพลางคุยโทรศัพท์กับเย่เฉิน

แต่ว่าพูดไปอยู่นั้น เหอเวินเจี้ยนที่เดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาของลู่วิ่ง จู่ๆ ก็พุ่งพรวดมาทางหล่อน ถึงได้ทำให้หล่อนตกใจกรีดร้องออกมา

จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาสัญญาณก็โทรศัพท์หายไป

ฉินหงเหยียนมองโทรศัพท์ เหมือนว่าสัญญาณจะกลับมาแล้ว ก็รีบโทรกลับหาเย่เฉิน

เย่เฉินรับสายอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหลที่รัก” เย่เฉินยิ้มกว้าง เขาเพิ่งจะมั่นใจว่าหญิงสาวไม่ได้ทรยศเขา จึงดีใจอย่างมาก!

ทั้้งหมดนี้เป็นเพียงความระแวงไปเอง สิบกว่านาทีเมื่อครู่ สำหรับเย่เฉินแล้วเหมือนเนิ่นนานแรมปี!

เพราะเย่เฉินรักฉินหงเหยียนมากเกินไป ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนเลือกจะล้างแค้นเขาสักครั้ง เย่เฉินก็คงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจจะมีความสัมพันธ์ที่คิดว่าจะเลิกก็เลิก

ฉินหงเหยียน “เย่เฉิน ฝั่งฉันสัญญาณไม่ค่อยดีเมื่อกี้เลยตัดไป คุณไม่คิดมากใช่ไหมคะ?”

เย่เฉินกล่าว “ไม่คิดมากอยู่แล้ว ผมจะคิดมากอะไรไป หรือว่าจะให้เข้าใจผิดระหว่างคุณกับเหอเหวินเจี้ยนเหรอ? แต่ผมรู้สึกว่าเหอเหวินเจี้ยนคนนี้คิดไม่ซื่อกับคุณ เวลาคุณอยู่กับเขาทางที่ดีระวังมากๆ หน่อย เขาสั่งอะไรให้คุณดื่มล่ะก็อย่าดื่มเชียว”

“ค่ะ ฉันรู้แล้ว”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักครู่ก็กดวางสายไป

วางโทรศัพท์เสร็จแล้ว โทสะของเย่เฉินก็ปะทุออกมา!

“แม่งเอ้ย กล้าป่วนประสาทฉันเรอะ!”

เย่เฉินรีบส่งต่อเบอร์ที่ส่งข้อความมาให้เขาไปให้กับหลิ่วเจิ้งคุน “ช่วยฉันหาเจ้าของเบอร์หน่อย พอหาเจอแล้วก็จับหมอนั่นมา!”

หลิวเจิ้งคุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ครับ!”

เบอร์โทรศัพท์นี้เป็นเบอร์ของเทียนไห่ สมัยนี้ต่างจากที่ผ่านๆ มา เบอร์มือที่ใช้ลงทะเบียนนั้นต้องใช้ชื่อ-นามสกุลจริง และยังมีหน้าถ่ายภาพหน้าด้วย

ดังนั้นหลิวเจิ้งคุนจึงควานหาตัวหมอนั่นได้อย่างรวดเร็ว

สองทุ่มครึ่ง

ณ โรงงานร้างที่นอกเมืองเทียนไห่

เย่เฉินขับรถ Porsche ของฉินหงเหยียนมาที่นี่

“คุณชายเย่!”

“คุณชายเย่!”

หบิวเจิ้งคุนและลูกน้องของเขาต่างก็ทักทายเย่เฉิน

“หมอนั่นล่ะ?” เย่เฉินถามเสียงเย็นชา

“ข้างในครับ” หลิวเจิ้งคุนตอบ

เย่เฉินเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าเป็นคนคุ้นเคย

นั่นก็คือเสี่ยวหวังคนขับรถคนเก่าของฉินหงเหยียน

เย่เฉินนึกถึงสิบนาทีก่อนนี้ที่เขาเข้าใจแฟนสาวตัวเองผิด รวมไปถึงมโนภาพที่ตัวเองคิดเลอะเทอะ ก็ทำให้เพลิงโทสะเดือดปุดๆ!

เพล้ง!

ตุบ!

เย่เฉินเดินไปแล้วประเคนฝ่ามือใส่หน้าเสี่ยวหวัง จากนั้นก็เตะเขาโครมใหญ่!

เสี่ยวหวังถูกตบจนกระอักเลือด เขาคุกเข่าลงบนพื้นแล้วอ้อนวอน “พี่ครับ พี่ครับ อย่าซ้อมผมเลย! ผมกับพี่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ พี่ครับ พี่ดูให้ดีๆ ก่อนนะครับอย่าซ้อมคนผิดล่ะครับ!”