ตอนที่ 253 : งานเลี้ยง

เมื่อเดินอยู่ตามท้องถนนและมองดูผู้คนโดยรอบ ในหัวของหวังเย่าก็มีความคิดโผล่ขึ้นมามากมาย มีเพียงเทศกาลใหญ่ ๆ แบบนี้ที่ทุกคนจะปลดปล่อยภาระและได้พักผ่อน

เดินมาได้ไม่นานหวังเย่าก็พบกับหลงจั่วเทียน ในฐานะหนึ่งในสิบผู้เยาว์ที่โดดเด่น การที่เขาอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายจึงกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คน สายตาเหล่านี้ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเคารพ

แม้ว่าหวังเย่าจะกังวลเรื่องสำนักลับ แต่ถ้าไปยังงานเลี้ยงนี้เดาว่ามันจะต้องมีคนจากสำนักลับเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ไม่ช้าก็เร็วเขาจะเข้าใจทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องร้อนรนในเวลานี้

ดังนั้นเขาจึงดึงมอเตอร์ไซค์ออกมาจากกระเป๋ามิติก่อนจะขี่ไปที่ศาลาว่าการทันที เพราะเขาไปคนเดียว จึงไม่ต้องการให้อีกฝ่ายส่งคนมารับ

หลงจั่วเทียนมองมาที่เขาพลางครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

การจราจรในเมืองวันนี้ติดขัดอย่างมาก ดังนั้นหวังเย่าจึงใช้เวลากว่า 10 นาทีก่อนจะมาถึงศาลาว่าการได้ ตอนนั้นเองก็เป็นเวลา 18.30 นาฬิกาแล้ว มันเหลือเวลาอีกแค่เล็กน้อยก่อนที่งานจะเริ่ม

เมื่อเก็บมอเตอร์ไซค์เข้าไปในกระเป๋ามิติ หวังเย่าก็พบว่าแม้แต่ยามค่ำคืน กิจกรรมต่าง ๆ ก็ยังดำเนินอยู่

“ ที่นี่ดูแล้ว คนจะเยอะกว่าที่อื่น” หวังเย่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเดินฝ่าฝูงชนมายังหน้าประตูศาลาว่าการได้

มันมียามกว่าสิบคนยืนประจำการอยู่ที่ประตูทั้งสองข้าง หวังเย่าพบว่ามีคนหนุ่มสาวหลายคนได้เดินทางเข้าไปด้านใน ซึ่งนั่นรวมไปถึงศิษย์จากสำนักลับด้วย

หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมากและยื่นบัตรเชิญให้กับยามพวกนี้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่าได้เข้ามาในศาลาว่าการ การฉลองวันชาติก่อนหน้านี้จัดอยู่ที่ลานภายนอก

ศาลาว่าการนั้นมีสิ่งก่อสร้างมากมาย มีทั้งสนามซ้อมขนาดใหญ่ให้กับเหล่าทหารและมีห้องประชุม มันยังมีพื้นที่ฝึกของสัตว์อสูรอีกด้วย

ตระกูลของฟางฉิงหัวเองก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ ตรงบริเวณส่วนกลางของศาลาว่าการ ชัดแล้วว่าพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเหมาะที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น

ไม่นานก็มีคนมานำทางพวกเขาไปยังบริเวณจัดงาน เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะเดินตามเข้าไปด้วย

ระหว่างทางจะมีสนามซ้อม เมื่อมองดูทหารที่ยังฝึกซ้อมยามค่ำคืน พวกเขาก็พากันหยุดดูด้วยความสนใจ

คนนำทางไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยิ้ม ยังไงซะมันก็มีเวลาอีกสักพักกว่างานเลี้ยงจะเริ่ม มันยังมีเวลาเหลืออยู่ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบ

เมื่อคนกลุ่มนี้อยากเห็นความแข็งแกร่งของเมือง งั้นก็เป็นธรรมดาที่ทางเมืองจะยินดี ยังไงซะนี่ก็เป็นวิธีบอกถึงความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งของพวกเขา

“ แต่ละคนมีพรสวรรค์ในความแข็งแกร่งของร่างกาย แค่ร่างกายตอนที่ยังไม่ได้ฝึกฝนก็ทัดเทียมกับนักรบระดับ C ได้แล้ว ความแข็งแกร่งแบบนี้สมควรจะได้อยู่ในเขตใน”

“ อันที่จริงเมื่อรวมกับสกิลจากสัตว์อสูรแล้ว พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ยิ่งคู่ควรกับศาลาว่าการมากกว่าเดิม ”

ทุกคนโดยรอบต่างก็พากันชมออกมา

เมื่อได้ยินแบบนั้นคนนำทางก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ เป็นเรื่องปกติ ต้องรู้ก่อนว่าทหารพวกนี้คือทหารระดับสูงของเมือง”

“ แบบนี้นี่เอง ”

“ งั้นนี่ก็คงเป็นการแสดงความโดดเด่นของศาลาว่าการสินะ”

ทุกคนรอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะออกปากชมอีกครั้ง

มีแค่หวังเย่าที่เห็นว่าคนจากสำนักลับนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขามองดูทหารแล้วเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาก็เท่านั้น

ดูเหมือนว่าคนนำทางเองก็จะไม่เห็น หรือต่อให้สังเกตเห็นก็คงไม่ใส่ใจมากนัก อย่างไรเสียความแข็งแกร่งของทหารในศาลาว่าการก็ไม่ได้ธรรมดาแบบที่เห็นแค่ภายนอก

เมื่อเดินเข้ามาต่อ ก็พบกับสถานที่ที่ดูอลังการ ในเวลา 19.00 น. กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงตรงหน้าวังขนาดใหญ่

ในวังแห่งนี้มีโต๊ะวางเรียงรายพร้อมกับเนื้อสัตว์อสูรขั้นสูงรวมไปถึงผลไม้ต่าง ๆ อีกทั้งยังมีเหล้าที่มีราคาแพงอยู่ด้วย

บอกได้ว่าอาหารบนโต๊ะเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะหากินได้ง่าย ๆ

ผู้เยาว์หลายคนจะรวมกลุ่มกัน 2-3 คนกับคนรู้จัก และพากันไปนั่งที่โต๊ะ ส่วนคนจากสำนักลับนั้นก็เดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับคนของสำนักตัวเอง

มีชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบผู้ตรวจสอบ 2 ดาวอยู่ในงานด้วย เขาคือคนที่หวังเย่าได้พบในวันนี้ เหยียนเฉิงเยว่

แต่หวังเย่าไม่ได้เข้าไปหาอีกฝ่าย เขามาเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของศิษย์จากสำนักลับ เป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าไปหาผู้ตรวจสอบเหล่านั้น

ไม่นานหลังจากนั้น หลงจั่วเทียนก็มาถึง เขาพยักหน้าให้กับหวังเย่า ก่อนจะเดินไปสมทบกับศิษย์จากเขามังกรพยัคฆ์

“นี่คือการแสดงท่าทีเป็นมิตรงั้นหรือ ? ” หวังเย่าและอีกฝ่ายไม่ได้รู้จักกันและไม่เคยพูดคุยกัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหลงจั่วเทียนนั้นคิดอะไรอยู่

“เขามังกรพยัคฆ์ …” เมื่อมองไปยังศิษย์จากเขามังกรพยัคฆ์ หวังเย่าก็ตกอยู่ในภวังค์ทันที

ไม่นานหลังจากนั้นก็เหมือนกับว่าทุกคนจะมากันครบแล้ว ฟางซานจึงได้เดินออกมา ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มสุภาพออกมา

การปรากฏตัวของเขานั้นได้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน ยังไงซะเขาก็เป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงครั้งนี้

ฟางซานมองไปรอบ ๆ และโบกมือให้กับทุกคน “ ขอบคุณทุกคนที่มางานนี้ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เชิญนั่งได้เลย”

เมื่อฟางซานพูดจบ ทุกคนก็พากันนั่งลง หวังเย่ามองไปรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลงตามคนอื่น ๆ

เมื่อเห็นว่าทุกคนนั่งกันหมดแล้ว ฟางซานก็ปรบมือก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เริ่มงานได้ ทุกคนดื่มกินกันให้เต็มที่”

เสียงดนตรีเบา ๆ ดังก้องไปทั่วทั้งลาน

ทุกคนไม่ได้พูดอะไรมากและเริ่มดื่มกินกัน หวังเย่ากินเลี้ยงกับเพื่อนมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงแค่ชิมเนื้อกับจิบเหล้าเล็กน้อยเท่านั้น