ตอนที่ 254 : ขายหน้า

เมื่อดื่มเหล้าจนเบื่อ หวังเย่าก็เริ่มมองไปยังผู้คนรอบ ๆ “พวกพระก็ฉันท์เนื้อด้วยงั้นหรือ” หวังเย่าแสดงท่าทีแปลกใจออกมา หวังเย่ามองไปที่โต๊ะหนึ่งและพบว่ามีพระสองรูปที่ปากชุ่มไปด้วยน้ำมัน

พวกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกนั้นต่างก็เผยสีหน้าแปลกใจออกมา

“ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว การกินเนื้อก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร” หวังเย่าพึมพำออกมาอย่างเข้าใจ

ตอนนั้นฟางซานได้เดินเข้ามาหาหวังเย่าพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ “ผู้ตรวจสอบหวังเย่า ฉันยินดีที่นายได้รับรางวัลผู้เยาว์ที่โดดเด่นด้วย” ฟางซานหัวเราะออกมา

“ผมแค่โชคดีน่ะ” หวังเย่าถ่อมตัวก่อนจะชนแก้วกับอีกฝ่าย

“ผู้ตรวจสอบหวังเย่า เชิญตามสบาย ฉันไม่รบกวนแล้ว” ฟางซานพูดจบก็เดินไปที่โต๊ะของหลงจั่วเทียนทันที

หวังเย่ามองตามไปและพบว่านอกจากเขากับหลงจั่วเทียนแล้ว 10 ผู้เยาว์ที่โดดเด่นคนอื่น ๆ เหมือนจะไม่ได้มาด้วย

“ปฏิเสธคำเชิญรึว่าฟางซานไม่ได้เชิญมากันแน่ …” หวังเย่าครุ่นคิด

คนส่วนมากต่างก็ไว้หน้าฟางซาน

“ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว ฉันแค่แวะมาก็เท่านั้น” หวังเย่าดื่มเหล้าในมือต่อแล้วเลิกสนใจคนอื่น ๆ

“แต่ดูไปแล้วศิษย์จากสำนักลับคงไม่คิดจะมาร่วมงานแบบนี้ พวกเขาส่งตัวแทนมาแค่ 1-2 คนเท่านั้น” เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็มองไปที่ศิษย์เหล่านั้นอีกครั้ง

พระทั้งสองก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะกินยังไงก็ไม่อิ่ม พวกเขาได้สั่งให้คนไปนำเนื้อจานใหญ่มาเพิ่ม ก่อนจะจับเนื้อด้วยมือเปล่าแล้วกินมันเข้าไปอย่างกับคนหิวโหย “พระสองรูปนี้เป็นตือโป๊ยก่ายกลับชาติมาเกิดรึไง ? ” หวังเย่ายิ้มแห้ง ๆ ออกมา

งานเลี้ยงกินเวลากว่า 1 ชั่วโมงก่อนที่สุดท้ายจะหมดเวลากิน หวังเย่ารู้ว่าฟางซานเชิญคนมามากมายมาแบบนี้ไม่ใช่แค่การสังสรรค์เท่านั้น

เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากที่กินกันจนอิ่มพวกเขาจึงพากันรอดูว่าฟางซานจะทำอะไรต่อ

แน่นอนว่าการลุกขึ้นของฟางซานนั้นทำให้ทุกคนหันมาสนใจ ฟางซานยิ้มออกมาและเปิดปากพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ “ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้แล้วสินะ”

“พวกนายทุกคนต่างก็เป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ พวกนายคือความหวังของมนุษย์ พวกนายคือผู้สำรวจในอนาคต พวกนายแบกรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เอาไว้”

“ฉันแค่อยากผูกมิตรกับพวกนาย ฉันอยากเป็นเพื่อนกับผู้กอบกู้โลกมนุษย์”

“พวกนายคิดว่ายังไง ? ” เมื่อเขาพูดจบ ฟางซานก็ได้มองไปรอบ ๆ

“คุณชายซาน ชมพวกเราเกินไปแล้ว พวกเราต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณชายซาน”

“ใช่ หวังว่าในอนาคตเราคงได้พบกันบ่อยขึ้น คุณชายซาน”

คนส่วนมากไม่กล้าที่จะปฏิเสธ มีแค่คนจากสำนักลับเท่านั้นที่ไม่พูดอะไรออกมา

“การได้ผูกมิตรกับคุณชายซานมีผลประโยชน์มากมาย เป็นธรรมดาที่เราจะไม่ปฏิเสธความหวังดีนี้” ศิษย์จากสำนักลับคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“นั่นคือความจริง” ศิษย์คนอื่น ๆ พากันตอบกลับ

พระสองรูปที่กินอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันเองก็คิดแบบนั้น” หลงจั่วเทียนพยักหน้า

สุดท้ายทุกคนก็มองไปที่หวังเย่า

“ฉันก็ด้วย” หวังเย่ายักไหล่ สำหรับคนอย่างฟางซานแล้ว เขาไม่ได้กังวลอะไรมากนอกจากฐานะของอีกฝ่าย…

“ดีจริง ๆ ” ฟางซานยิ้มออกมา “ขอบคุณทุกคนมาก”

“งั้นเพื่อสายสัมพันธ์ของพวกเรา ฉันยังมีอีกอย่างที่อยากจะแสดงให้ดูเป็นการขอบคุณ”

ฟางซานปรบมือก่อนจะมีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา และเริ่มเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

เด็กสาวพวกนี้เต้นได้อย่างงดงามราวกับนางฟ้า พวกเธอดูพริ้วไหวเป็นอย่างมาก

หลายคนพากันมองตาไม่กระพริบ

มีแค่หวังเย่าที่ไม่ได้สนใจการเต้นพวกนี้ เขามีแฟนสาวแสนสวยถึง 2 คน สาว ๆ เหล่านี้ไม่อาจจะเทียบจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยได้

ดังนั้นเขาจึงแค่ดื่มและรอจนกว่างานจะจบ

ไม่นานหลังจากนั้นการเต้นก็จบลง ฟางซานได้มองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้น “งานเลี้ยงในวันนี้จบแล้ว ฉันหวังว่าทุกคนจะพอใจ หวังว่าสักวันเราจะได้พบกันอีก”

ประโยคสุดท้ายนั้นหมายถึงอนาคตของพวกเขาที่ไม่แน่นอน มันรับรองไม่ได้ว่าพวกเขาจะตายเพราะสัตว์อสูรรึไม่

เมื่องานเลี้ยงจบลงหวังเย่าก็ไม่คิดจะเข้าไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ

เขามีโอกาสที่จะได้รู้ข้อมูลของสำนักลับเหล่านี้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับใคร มันจึงทำให้เขารู้สึกเสียดายนิด ๆ

เดาว่าคนที่มาในงานนี้คงไม่มีใครไว้หน้าเขามากนัก มันจะดีกว่าถ้าไม่ไปสร้างความไม่พอใจให้กับใคร

เมื่อเดินออกมาจากศาลาว่าการ หวังเย่าก็เอาแต่เงยหน้ามองท้องฟ้า แต่แล้วเขาก็ชนเข้ากับบางอย่างแล้วล้มลงไป

“โครม” หวังเย่ารู้สึกอับอายขึ้นมา

ด้วยความแข็งแกร่งระดับ A แต่กลับไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างมา การที่เขาผ่อนคลายเช่นนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าความระมัดระวังของเขานั้นลดน้อยลงไปมากแค่ไหน เกรงว่าแม้แต่ตอนที่อยู่ในศาลาว่าการก็คงเป็นเหมือนกัน

“ประมาทเกินไปแล้ว” หวังเย่าลุกยืนและพึมพำออกมา พร้อมกับปัดฝุ่นตามเนื้อตัว

จากนั้นหวังเย่าก็พบว่ากลุ่มคนตรงหน้าต่างก็มองมาที่เขา

“ฮ่าฮ่า ฉันไม่เคยเห็นใครที่ล้มได้ตลกแบบนี้มาก่อนเลย” คนกลุ่มนั้นไม่ได้ใส่ใจและเดินออกไป พร้อมกับเสียงหัวเราะ

“ขายขี้หน้าจริง ๆ ” หวังเย่าโกรธจนหน้าแดงขึ้นมา

เพราะเขาเดินอยู่ท้ายสุดจึงไม่มีใครอยู่รั้งท้ายเขาและไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขาได้

หากจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ แน่นอนว่าพวกเธอต้องหัวเราะออกมาแน่