ตอนที่ 66 รักม้าป่าตัวหนึ่ง

คุณเจิ้งรั้งให้ทั้งสองคนอยู่กินข้าวด้วยกัน โจวเจ๋อปฏิเสธ หวังเคอก็ปฏิเสธเช่นกัน พร้อมกับมาดประดุจคมในฝักโจวเจ๋อก็ไม่ได้หักหน้าเขา เขารู้ว่าเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่วัยเด็กของตัวเองต้องการให้นักลงทุนเป็นหนี้บุญคุณเขาเช่นนั้นจึงปล่อยเขาไป

ตอนกลับ โจวเจ๋อไม่เห็นพ่อบ้านหนุ่มคนนั้น แต่โจวเจ๋อรู้ว่า หลังจากที่ตัวเองเผลอพูด ‘อย่างไม่ตั้งใจ’ คุณเจิ้งได้ส่งสัญญาณพูดกับลูกน้องสองคนของตัวเองสองสามประโยค แล้วก็ไม่เห็นพ่อบ้านหนุ่มคนนั้นอีก

และภรรยาของหวังเคอก็เป็นขับรถเช่นเคย เธอดูเหม่อลอยเล็กน้อย มองโทรศัพท์หลายครั้ง

ส่วนตัวของหวังเคอก็ตกอยู่ในคลื่นแห่งความคิดของ ‘ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้’ อาการป่วยของคุณหญิงเจิ้งดีขึ้นเร็วมาก ความกดดันของเขาก็ลดลงเช่นกัน

โจวเจ๋อไม่ได้บอกหวังเคอว่าเรื่องที่พ่อบ้านกับตัวเองนำยาหยอดตาไปวางไว้ตรงหน้าคุณเจิ้ง นั่นเป็นเพราะเขาทำไปด้วยความเบื่อ และไม่ต้องการความดีความชอบอะไร

ปัญหาสำคัญอยู่ที่โจวเจ๋อไม่รู้ว่า ความรู้สึกของหวังเคอฝักใฝ่ฝ่ายใดกันแน่ ถึงแม้จะพูดว่าทั้งสองนี้คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ผ่านไปนานหลายปีแล้ว ใครจะรู้ว่าตัวเองประสบพบเจออะไรมาบ้าง ดังนั้นตัวเองจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา

ถ้าหากพูดออกไป แล้วหวังเคอรู้สึกว่า

“ฉันอุตส่าห์มองแกเป็นพี่น้อง แต่แกกลับถอดหมวกสีเขียวบนหัวของฉันออก!”

น่าเกลียด บังอาจ ทนไม่ได้! แล้วจะทำอย่างไร

เมื่อมองภรรยาของหวังเคอกำลังขับรถอีกครั้ง จากนั้นก็มองภรรยาของตัวเอง โจวเจ๋อจึงเบ้ปากเล็กน้อย

ภรรยาจิตใจเหี้ยมเหมือนใบมีด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจวเจ๋อจึงรับสาย เป็นเบอร์โทรศัพท์ของน้องสาวภรรยา

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหล สวีเล่อ พี่สาวของฉันเริ่มทำงานแล้ว” น้องสาวภรรยาเอ่ยพูด

“อืม” โจวเจ๋อขานรับไม่เร็วและไม่ช้า

“ช่วงนี้พี่สุขภาพไม่ค่อยดี คุณไปดูพี่หน่อย อย่าปล่อยให้พี่เหนื่อยมากละ” น้องสาวภรรยาพูดอีก

“ครับ”

“ฉันขอพูดหน่อยเถอะ ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ คุณหนูอย่างฉันอุตส่าห์รายงานข่าวให้คุณ คุณไม่ขอบคุณฉันก็ไม่เป็นไร แม้แต่อารมณ์ตื่นเต้นก็ไม่แสดงออกมาสักนิดเดียว อืมๆๆ อืมบ้านแกสิ! ฉันจะบอกคุณให้นะ เรื่องมาเซราติของคุณยังอธิบายไม่ชัดเจนเลย!”

โจวเจ๋อส่ายหน้า น้องสาวภรรยาอยากจะช่วยเหลือตัวเองจริงๆ เหตุผลนั้นง่ายมาก ช่วงนี้เธอออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อย จึงใช้เหตุผลและข้ออ้างว่ามาอ่านหนังสืออยู่ที่ร้านหนังสือของตัวเอง

พี่สาวของตัวเองทำงานยุ่งไม่มีเวลา และถึงแม้พี่เขยของตัวเองจะไม่ได้เรื่อง แต่ไอ้คนไม่ได้เรื่องคนนี้อย่างน้อยก็เป็นเด็กมหาวิทยาลัย และยังทบทวนบทเรียนให้กับตัวเองอีกด้วย

เป็นเหตุผลและข้ออ้างที่ดีมาก

ขนาดพ่อตาแม่ยายแห่งบ้านตระกูลหลินที่ไม่ชอบสวีเล่อก็ยังยอมรับเป็นนัยๆ สำหรับการทบทวนการเรียนของลูกสาวคนเล็กของตัวเองที่ร้านหนังสือ

โจวเจ๋อบางครั้งก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะกลับบ้านตระกูลหลิน ไปชี้หน้าพ่อแม่แห่งบ้านตระกูลหลินบอกพวกเขาอย่ามาต่อว่าดูถูกคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย

ต่อให้คุณจ้างนักศึกษาปีที่สองปีที่สามไปติวนักเรียนชั้นมัธยมปลาย คุณลองดูสิว่ามีสักกี่คนที่สอนเป็น

แต่น้องสาวภรรยายังพอมีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง สาวบ๊องคนนี้ ดูจากสองสามเหตุการณ์ที่ผ่านในช่วงนี้ นอกจากเซ่อซ่านิดหน่อย แต่ก็นิสัยดีพอสมควร

แถมยังแอบส่งข่าวให้ตัวเองโดยเฉพาะอีกด้วย

“ได้เลย ขอบใจเธอด้วยนะ” โจวเจ๋อพูดอย่างขอไปที

“เชอะ อ้อใช่ เย็นนี้ฉันจะไปอ่านหนังสือที่ร้านคุณเหมือนเดิมนะ” น้องสาวภรรยาพูดเสริม

พอวางสาย โจวเจ๋อก็บิดขี้เกียจ แต่กลับพบว่ารถผ่านหน้าประตูทิศตะวันตกโรงพยาบาลประชนชนพอดี

นี่บังเอิญเกินไปแล้ว

เขายังไม่ได้คิดจะไปเลย แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่ได้สั่งให้หวังเคอหยุดรถ และทำเป็นว่าตัวเองมองไม่เห็น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

หมอหลินเริ่มทำงานแล้ว แสดงว่าหมอหลินอาการดีขึ้นมาก แต่โจวเจ๋อตอนนี้เพิ่งจะได้ใบรับรองเอกสาร และกำลังจะได้ปรับเป็นพนักงานประจำเร็วขึ้น จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นอีก

ทว่าภรรยาของหวังเคอกลับเป็นฝ่ายเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาลเอง

“พ่อตาของผมช่วงนี้พักอยู่ในโรงพยาบาล ผมผ่านมาจึงแวะดูหน่อย แป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ” หวังเคอพูดกับโจวเจ๋ออย่างขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” โจวเจ๋อผลักประตูรถแล้วลงจากรถ

หวังเคอก็ลงจากรถเช่นกัน ภรรยาของหวังเคอขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงพยาบาล

“คุณจะนั่งแท็กซี่กลับเหรอครับ” หวังเคอถาม

โจวเจ๋อพยักหน้า

“งั้นก็ได้ครับ พี่น้อง รักษาตัวด้วย” หวังเคอยื่นมือตบไหล่ของโจวเจ๋อเบาๆ “ผมจะไม่เป็นฝ่ายไปหาคุณ แต่ถ้าหากคุณมีเรื่องอะไร ก็มาหาผมได้”

“เกรงใจไปแล้วครับ” โจวเจ๋อเอ่ย

หวังเคอพูดจบ ก็หันมามองโจวเจ๋อสองครั้งอย่างจริงจัง จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในตึกใหญ่ของโรงพยาบาล

โจวเจ๋อจุดบุหรี่สูบอยู่เงียบๆ คนเดียว มนุษย์เรา เปลี่ยนแปลงได้จริงๆ

หวังเคออายุมากกว่าตัวเองสองสามปี และเรียนจบเข้าสังคมเร็วกว่า พี่หวังของตัวเองในเมื่อก่อน พี่เอ้อร์ตั้น ตอนนี้ดูแล้วกลับทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า

เมื่อหมดทางไป จึงยอมไปถามผีสางเทวดา

เฮ้อ

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมาหนึ่งทีแล้วครุ่นคิด จากนั้นก็เดินเข้าไปที่หน้าตึกใหญ่ห้องฉุกเฉิน

หากไม่ได้ยินการบอกข่าวของน้องสาวภรรยา จะไม่มาก็ได้

และรถก็ขับผ่านโรงพยาบาล จะทำเป็นไม่เห็นก็ยังได้

ตอนนี้ตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว จะไม่ไปดูภรรยาของตัวเองหน่อยก็คงรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง

เมื่อก่อนมีความยึดติด และเธอก็ไม่ยอมนอนกับตัวเอง

ตอนนี้ความยึดติดนั่นหมดไปแล้วไม่ใช่เหรอ

ไม่ถูกสิ ดูเหมือนหลังจากความยึดติดนั่นหมดไป ได้เกิดปัญหาแปลกอะไรขึ้นมาอีก

เสียงเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนหมุนตัวไป จากนั้นเล็บมือก็พลันยาวออกมา

“เอ๊ะ ที่รัก คุณบอกว่าหมอดูอาการแล้วบอกว่าผมไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอ”

“ไปให้พ้นเลย ฉันไม่อยากดูแลคุณหรอก อย่างคุณนับว่าเป็นผู้ชายหรือเปล่า”

ชายหนุ่มกับหญิงสาวน่าจะเพิ่งเดินออกมาจากแผนกระบบทางเดินปัสสาวะชาย และกำลังทะเลาะกันอยู่

โจวเจ๋อทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

และในเวลานี้ ดูเหมือนว่านกกาจอมขยันจะปรากฏตัวอีกแล้ว บินผ่านเหนือศีรษะไป แล้วก็ร้องว่า ‘กา…กา…กา…’

บนพื้นมีใบไม้ร่วงลงมาพอดี ถูกลมพัดขึ้นมา แล้วผ่านหน้าของโจวเจ๋อไป

โจวเจ๋อไม่อยากไปตึกแผนกฉุกเฉินแล้ว

เขารู้สึกว่าตัวเองน่าจะให้เวลาหมอหลินได้คิดมากกว่านี้เพื่อปรับตัวและยอมรับ แต่ไม่ควรไปกระตุ้นเธอในเวลานี้

ใช่แล้ว ตัวเองต้องคิดเผื่อเธอเยอะๆ ต้องให้เวลาและพื้นที่กับเธอหน่อย ตัวเองจะบังคับเธอไม่ได้

โจวเจ๋อพยักหน้า รู้สึกว่าพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองได้แล้ว และเตรียมตัวจะออกไป

แต่ในเวลานั้นเอง รถพยาบาลคันหนึ่งก็ขับเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นโจวเจ๋อก็เห็นหมอกับพยาบาลสองสามคนวิ่งออกมาจากตึกใหญ่แผนกฉุกเฉิน และหนึ่งในนั้นก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยคนหนึ่ง

หมอหลินก็มองเห็นโจวเจ๋อและตกตะลึงเล็กน้อย โจวเจ๋อยิ้มให้เธอนิดๆ เดินเข้าไปแล้วเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยน

“ผมกำลังจะไปหาคุณพอดี”

หมอหลินเอามือกุมท้องตัวเองกะทันหัน แล้วนั่งลงบนบันได

“เป็นอะไรครับ ไม่สบายเหรอ” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

หมอหลินส่ายหน้า เอ่ยว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

“ช่วงนี้ร่างกายของคุณมีอาการเป็นยังไงบ้าง” โจวเจ๋อถามอย่างละเอียด เขาจำได้ว่าน้องสาวภรรยาได้บอกตัวเองว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้หมอหลินสุขภาพไม่ค่อยดี

“เรื่องของผู้หญิงค่ะ” หมอหลินก้มหน้าพูด

นางฟ้าเย็นชาดั่งภูเขาน้ำแข็ง เวลานี้ได้แสดงส่วนที่หน้าอายออกมา

มีประจำเดือนเหรอ

โจวเจ๋อคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูด หรือว่าสำหรับน้องสาวภรรยาจอมเซ่อแล้ว การมีประจำเดือนเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุดละมั้ง

“หมอหลิน อาการของคนไข้ค่อนข้างหนัก เป็นคนท้องด้วยครับ”

หมอหนุ่มคนหนึ่งเข็นรถพยาบาลเข้ามาอย่างเร่งรีบ เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมาก จากนั้นก็มองไปที่โจวเจ๋อสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แล้วเอ่ยทันที

“คุณก็อยู่ที่นี่เหรอครับ”

ครั้งที่แล้วโจวเจ๋อเข้ามาในโรงพยาบาลช่วยผ่าตัดไปครั้งหนึ่ง และยังสารภาพกับหมอหลิน ว่าคนนี้ก็คือหมอฝึกหัดที่จิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคนนั้น

“เอาเข้าไปก่อน เดี๋ยวฉันจะดูเองค่ะ”

หมอหลินพยายามยันฝ่ามือ ลุกขึ้นมาเตรียมไปตรวจอาการของคนไข้

โจวเจ๋อจึงได้แต่เดินตามเข้าไป

หลังจากถึงห้องฉุกเฉินแล้ว สาวน้อยที่มากับผู้หญิงท้องได้ถามอะไรหมอฝึกหัดตลอดเวลา หมอฝึกหัดหนุ่มเริ่มจะรับไม่ไหว ลนลานเป็นอย่างมาก

“คุณตรวจเป็นหรือเปล่าคะ เร็วสิคะ ไม่เห็นเหรอว่าพี่สาวของฉันเจ็บขนาดไหน เด็กเป็นยังไงบ้าง พี่ชายของฉันอายุสามสิบปีแล้ว เพิ่งจะมีลูก คุณรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหน!”

“ผม…คุณรอเดี๋ยว…ผมจะดูตรวจดูอีกทีครับ” หมอฝึกหัดหนุ่มเริ่มเครียด ขนาดที่ว่าสมุดบันทึกในมือถึงกับร่วงลงไป

“คุณ อะไรคุณ นี่ พวกคุณที่นี่ไม่มีหมอคนอื่นแล้วเหรอคะ จะดูแลชีวิตคนแบบลวกๆ ไม่ได้นะ!” สาวน้อยยังคงตะโกนเสียงดังต่อ

“ฉันจะไปดูเอง” หมอหลินที่อยู่ข้างหลังรีบเดินไปดูอาการของคนไข้ แต่เดินได้เพียงสองสามก้าว ก็รู้สึกเจ็บท้องจนขมวดคิ้วขึ้นมา

“คุณน่าจะเป็นหนักนะครับ” โจวเจ๋อเอ่ย “ช่วงนี้กินข้าวไม่ตรงเวลา ร่างกายจึงแย่”

หมอหลินไม่พูดอะไร แต่ก็ยังเดินไปทางคนไข้

“ช่างเถอะ ผมจะไปดูเอง” โจวเจ๋อยื่นมือตบไปที่รอบเอวของหมอหลินเบาๆ

“คุณ…” หมอหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยเหมาะสม

“คุณไม่เชื่อฝีมือหมอของผมเหรอ” โจวเจ๋อหัวเราะ “ผมเป็นคนสอนคุณเองนะ”

เพียงแต่ตอนแรกผมไม่คิดว่าตอนหลังคุณจะสวยขนาดนี้ ผมผิดเองที่ผมตาบอด

โจวเจ๋อเดินเข้าไปหาคนไข้ก่อน แล้วเริ่มตรวจอาการ

สาวน้อยตะโกนทันที “คุณเป็นใคร นี่ คุณจะทำอะไร!”

โจวเจ๋อไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์หมอ

“คุณหมอ คุณลองดูครับ” หมอฝึกหัดหนุ่มเหมือนกับเจอผู้ช่วยชีวิต

โจวเจ๋อเหลือบตามองสาวน้อยคนนี้แล้วเอ่ยว่า “ผมจะเลิกงานแล้ว ถ้าคุณไม่อยากให้ผมตรวจผมก็จะกลับบ้าน”

สาวน้อยรีบยิ้มขอโทษทันทีแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว คุณรีบดูพี่สาวของฉันหน่อยค่ะ เธอยังไม่ถึงวันคลอดเลยนะคะ”

โจวเจ๋อรับถุงมือมาจากหมอฝึกหัดหนุ่ม จากนั้นจึงตรวจอาการแล้วถามว่า

“ท้องกี่เดือนแล้วครับ”

“ยี่สิบแปดสัปดาห์ค่ะ” สาวน้อยช่วยตอบแทนพี่สาวของตัวเอง

หมอฝึกหัดหนุ่มมองไปทางโจวเจ๋อ เป็นลูกมืออยู่ข้างๆ เขา

“น้ำคร่ำแตกแล้ว เป็นการคลอดก่อนกำหนด ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว มีมลพิษในน้ำคร่ำรุนแรง” โจวเจ๋อพูดพร้อมกับถอดถุงมือ

“งั้น…งั้นก็ต้อง…ต้อง…” สาวน้อยตกใจไม่น้อย

“คลอดก่อนกำหนด” โจวเจ๋อพูดสองสามคำนี้ออกมา จากนั้นก็พูดกับหมอฝึกหัดหนุ่มว่า “ไปแจ้งแผนกห้องคลอดให้เตรียมการผ่าตัด”

“ครับ” หมอฝึกหัดหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออกทันที

โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างจนใจอยู่บ้าง ไอ้หมอนี่โชคดี ถูกจัดมาเป็นเด็กฝึกหัดของตัวเอง ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของตัวเองที่ปฏิบัติต่อหมอหลินในเมื่อก่อน คงจะด่าไอ้หมอนี่ให้เปลี่ยนอาชีพไปเลย โง่ชะมัด

“คลอดก่อนกำหนดหรือ” สาวน้อยได้ยินสองสามคำนี้ก็ตกใจทันที จากนั้นจึงจับแขนของโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “หมอคะ ช่วยพี่สาวของฉันด้วยค่ะ ช่วยเด็กที่อยู่ในท้องของเธอด้วย พี่ชายของฉันกว่าจะมีลูกไม่ง่ายเงย ไม่ง่ายจริงๆ ค่ะ”

โจวเจ๋อนิ่งไม่ไหวติง เรื่องแบบนี้ในฐานะที่เขาเป็นหมอเจอมาเยอะแล้ว ก็ร้องไห้แบบนี้ทุกครั้ง คาดว่านี่คงเป็นเรื่องของหมอที่ต้องทำ

“งั้นคุณลองไปถามพี่ชายของคุณว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ กว่าจะมีลูกสักคน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้”

“หมอคะ มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่คะ” สาวน้อยไม่ค่อยเข้าใจ

โจวเจ๋อมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียง แล้วถามว่า “ผู้ชายมันเหี้Xเหมือนสัตว์เดรัจฉาน คุณไม่ลองเกลี้ยกล่อมเขาเพื่อลูกในท้องของคุณบ้างเหรอ”

ท้องโตเกือบจะสามสิบสัปดาห์แล้ว ก็ยังทนได้อีกเหรอ

ผู้หญิงท้องที่อยู่บนเตียงไม่พูดอะไร ดูเหมือนเธอจะเครียดและกลัวมาก

แต่สาวน้อยที่มากับเธอกลับพูดออกมาโดยตรง ตะโกนว่า

“เป็นไปไม่ได้! พี่ชายของฉันไปทำงานที่ปักกิ่งเพื่อหาเงินค่านมลูก และไม่ได้กลับมาครึ่งปีแล้ว!”

“รักม้าป่าตัวหนึ่ง แต่บ้านของฉันไม่มีทุ่งหญ้ากว้าง…”

โทรศัพท์ของหมอฝึกหัดหนุ่มดังขึ้น เขารีบรับสายทันที แล้วพูดกับโจวเจ๋อว่า

“แผนกห้องคลอดบอกว่าเตรียมการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วครับ”

…………………………………………………………………………