บทที่ 176
“ไอ้ยักษ์โง่ เห็นแก่ที่แกซื่อสัตย์และน่ารักมาก อันนี้ให้แก เหอะๆ หวังว่าฉันมาครั้งหน้า แกจะก้าวหน้าขึ้นนะ อย่างน้อยก็เปลี่ยนรูปร่างได้ หัวของแกมันกลมเกินไปน่ะ”
หุ่นสีทองรับอัญมณี ที่ฮ่วนเย่ว์โยนมา ทันใดนั้น ดวงตาเป็นประกายทันที
“หินค่ายกล”
ฮ่วนเย่ว์หัวเราะ แล้วพูดว่า “สายตาเฉียบแหลม รีบซึมซับสิ มีประโยชน์กับหุ่นเชิดแบบพวกแกมาก ลาก่อนนะ ไอ้ยักษ์โง่”
หุ่นสีทองรีบกลืนอัญมณีลงไป จากนั้นมันยืนขึ้น ทำความเคารพฮ่วนเย่ว์ และพูดเสียงก้องว่า “เจอกันใหม่คราวหน้า”
ฮ่วนเย่ว์เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ลู่ฝานขนลุก รีบลงไปด้านล่าง
ลงไปด้านล่าง อย่างไร้อุปสรรค
ตอนขึ้นมายากลำบากเป็นอย่างมาก ตอนลงไปโคตรสบาย ภายใต้การช่วยเหลือของฮ่วนเย่ว์ ไม่นาน ลู่ฝานได้วิชาพิณซึ้งที่ชั้นห้า เหมาะสำหรับให้ผู้หญิงฝึกฝน หลิงเหยามีความรู้ด้านดนตรีเป็นอย่างมาก คิดว่าวิชาพิณซึ้งเล่มนี้ คงจะเหมาะกับเธอ
ได้เคล็ดวิชาบู๊จากชั้นสามและชั้นสี่อีกสองเล่ม ตอนอยู่ชั้นสี่ ลู่ฝานเห็นเฟิ่งหวากำลังพยายามอยู่ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก ลู่ฝานเลือกเคล็ดวิชาบู๊เสร็จ ก็ไปทันที ท่าทีผ่อนคลายและง่ายดาย ทำให้เฟิ่งหวาแอบกัดฟัน เมื่อเก็บเคล็ดวิชาบู๊ระดับทิพย์สองเล่มนี้เรียบร้อย ลู่ฝานจึงออกจากหอคอยฝึกฝนกับฮ่วนเย่ว์ด้วยความพอใจ
แสงสีขาวกะพริบ ทั้งสองกลับมานอกหอคอย ลู่ฝานมีรอยยิ้มบนใบหน้า ครั้งนี้ถือว่าได้จากในหอคอยฝึกฝน ไม่ธรรมดาเลย
“ลู่ฝาน!”
ลู่ฝานเพิ่งทรงตัวยืนได้ มีเสียงตะโกนดังขึ้นข้างหู
เมื่อหันไปมอง เป็นเสียงตะโกนของหลิงเหยาที่โดนเยียนหรานคุมตัวเอาไว้ เหลิ่งหานกับชายอีกคนที่ไม่รู้จัก ยืนอยู่ข้างๆ รอยยิ้มเต็มใบหน้า ด้านข้างเป็นหานเฟิงที่ล้มลงบนพื้น
“หลิงเหยา!ศิษย์พี่หานเฟิง!”
ลู่ฝานโมโหทันที รีบเดินมาข้างหานเฟิง
หานเฟิงไม่ได้สลบ ชี้ผู้ชายข้างเหลิ่งหานแล้วพูดว่า “กระบี่ฟ้าครามของฉัน!”
ลู่ฝานหันไปมอง ตามคาด กระบี่ฟ้าครามของศิษย์พี่หานเฟิงอยู่ในมือคนคนนี้
ลู่ฝานให้ยาศิษย์พี่หานเฟิงหนึ่งขวด แล้วจ้องไปยังคนนั้น “นายเป็นใคร เอากระบี่คืนมา”
ผู้ชายถือกระบี่ฟ้าครามไว้ในมือ แล้วพูดว่า “ฉันชื่อหยู่ซิน กระบี่เล่มนี้ไม่เลว เป็นของฉันแล้ว”
ได้ยินชื่อหยู่ซิน ฮ่วนเย่ว์เลิกคิ้วขึ้น
เหลิ่งหานพูดว่า “ลู่ฝาน เรารอนายอยู่นี่ตั้งนาน ตอนนี้นายมีสองทางเลือก หนึ่งคือ เอาของมีค่าในมือนายมาทั้งหมด และคุกเข่าสำนึกผิด สองคือ เราจะจัดการนายที่นี่”
ลู่ฝานดึงกระบี่หนักของตัวเองออกมา แล้วพูดว่า “ฉันได้ยินว่าที่เขาวิพากษ์มีครูที่ปรึกษาคอยเดินตรวจตรา เหลิ่งหานนายกล้าเหิมเกริมขนาดนี้เชียวเหรอ”
เหลิ่งหานหัวเราะ แล้วพูดว่า “ถ้าต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก ฉันไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก แต่นายแหกตาดูสิลู่ฝาน รอบๆ ยังมีคนอื่นไหม”
ลู่ฝานหันไปมอง ตามคาด รอบๆ นอกจากพวกเหลิ่งหานก็ไม่มีใครอีก
เหลิ่งหานยิ้ม แล้วอธิบายว่า “ตอนนี้พวกนายไม่ได้อยู่ด้านหน้าหอคอยฝึกฝน แต่อยู่ด้านหลังหอคอยฝึกฝน นี่คือทางออกของหอคอยฝึกฝน นักเรียนทั่วไป ไม่สามารถเข้าไปในหอคอยฝึกฝนได้ พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าทางออกอยู่ที่ไหน ยังดีที่ไม่กี่วันก่อน ฉันเข้ามาในหอคอยฝึกฝนรอบหนึ่ง ไม่งั้นคงหาที่นี่ไม่เจอ ”
“อันที่จริง การที่นายเข้าไปในหอคอยฝึกฝนได้ ทำให้ฉันตกใจมาก ตอนลูกน้องฉันบอกว่า นายรับปากผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในอันดับบู๊ ฉันอึ้งมาก แต่ลืมแนะนำให้นายรู้จัก นี่คือศิษย์พี่หยู่ซินแห่งคณะหยินหยางของเรา 20 อันดับแรกของอันดับบู๊ นายไม่มีโอกาสอื่นแล้ว คุกเข่าสำนึกผิดตอนนี้ ยังทันนะ”
เหลิ่งหานหันมามองฮ่วนเย่ว์ที่อยู่ข้างลู่ฝาน แล้วยิ้มออกมา เหลิ่งหานพูดด้วยน้ำเสียงลวนลามใส่ฮ่วนเย่ว์ “คุณผู้หญิงคนนี้ ทางที่ดีถอยไปไกลๆ ดีกว่า อีกเดี๋ยวอาจมีการนองเลือด หรือไม่ก็มายืนข้างหลังฉัน ฉันจะปกป้องเธอเอง”
ฮ่วนเย่ว์หัวเราะออกมา หันไปมองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “จะให้ฉันลงมือไหม ไอ้หมอนี่ ทำให้ฉันอยากอ้วกแล้ว”
ลู่ฝานพูดว่า “แล้วแต่เธอ แต่ให้ฉันจัดการเสร็จก่อน”
ฮ่วนเย่ว์พยักหน้า เธอเห็นความอาฆาตในแววตาลู่ฝาน
ฮ่วนเย่ว์มั่นใจในพละกำลังของลู่ฝาน แม้ผลการฝึกตนพลังปราณไม่สูง แต่ความแข็งแกร่ง การระเบิดพลังของมันนับว่าไม่เลว โดยเฉพาะพลังป้องกัน สูงจนน่ากลัว ฮ่วนเย่ว์เห็นแล้วว่า ลู่ฝานต้านทานแสงกระบี่อันน่ากลัวเหล่านั้นอย่างไร
ปราณชี่บนตัวพลุ่งพล่าน ลู่ฝานเริ่มเพิ่มพลานุภาพของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ
เหลิ่งหานเห็นลู่ฝานยังพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนตาย จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ได้ เดี๋ยวให้ฉันหักกระดูกนายก่อน ดูสิว่านายจะแข็งข้อได้ไหม ศิษย์พี่หยู่ซิน ช่วยผมดูสถานการณ์ ผมจะไปสั่งสอนเขา”
หยู่ซินสัมผัสได้ถึงพลานุภาพบนตัวลู่ฝาน จึงขมวดคิ้ว เหมือนเขาไม่เห็นด้วยกับเหลิ่งหาน
แต่ขณะนั้น เสียงดังขึ้นข้างหูหยู่ซิน
“หยู่ซินใช่ไหม ฉันขอเตือน ทางที่ดีอย่าลงมือ ไม่งั้นนายจะเหมือนฟางเทียนโดนซัดจนดูไม่ได้”
สีหน้าหยู่ซินเปลี่ยนไปทันที มองฮ่วนเย่ว์เหมือนเห็นผี
ลู่ฝานให้ยาศิษย์พี่หานเฟิงหนึ่งขวด แล้วจ้องไปยังคนนั้น “นายเป็นใคร เอากระบี่คืนมา”
บทที่ 175