บทที่ 359 ไม่มีทางทอดทิ้งหนู / บทที่ 360 มีเพื่อนไม่จริงใจแบบนี้ด้วย? Ink Stone_Romance
บทที่ 359 ไม่มีทางทอดทิ้งหนู
“พ่อคะ แม่คะ ไม่ต้องห่วง หนูจะช่วยพูดกับพี่เอง” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปลอบ สายตาวาววาบด้วยเย็นชา
สถานการณ์ของพี่ตอนนี้ ถ้าอยากให้เขาได้สติ จะต้องใช้ยาแรงถึงจะได้ผล เธอยังต้องวางแผนให้ดีสักหน่อย…
“หวันหวั่นเด็กดี!” เมื่อเห็นลูกสาว เหลียงหวั่นจวินกับเยี่ยเส่าถิงถึงได้ใจชื้นขึ้นหลายส่วน
ที่คฤหาสน์มีพ่อบ้านคอยส่งคนมาดูแลรักษาความสะอาดโดยเฉพาะทุกเดือน ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่อาศัยมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังสะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านที่ค่อนข้างมีราคาสูงล้วนถูกประมูลออกไปหมดแล้ว แต่ว่าของอย่างอื่นยังคงอยู่ครบถ้วน
เยี่ยหวันหวั่นมองดูสถานที่ที่คุ้นเคยแห่งนี้ ดวงตาก็เห่อร้อนอย่างควบคุมไม่ได้
ในที่สุดเธอก็ได้กลับบ้านแล้ว…
อันที่จริงตึกเล็กๆ หลังนี้ก็แค่อยู่ในพื้นที่ที่หายากเท่านั้น ที่ดินมีราคา บวกกับที่มารดาของเธอชอบสภาพแวดล้อมที่นี่ ถึงได้อยู่ที่นี่ตลอดหลายปีไม่ย้ายไปไหน ตัวบ้านไม่นับว่าใหญ่โต ด้วยเพราะสร้างมานานแล้วจึงค่อนข้างเก่า
วันหน้ารอให้เธอหาเงินได้ จะซื้อที่ดีกว่านี้ให้พวกเขา
เยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าพ่อแม่จะเป็นห่วง ก็เลยไม่กล้าบอกพวกเขาเรื่องที่เธอทำงานเป็นลูกน้องของฉู่หงกวง บอกเพียงแค่ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ช่วยเพื่อนคนหนึ่งไว้ ให้เขายืมเงินก้อนหนึ่งในขณะที่เขากำลังลำบากสุดๆ บ้านเป็นสิ่งที่เพื่อนคนนั้นไถ่ถอนมาให้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือในครั้งนั้น และตัวเธอเองตอนนี้ก็ช่วยงานและฝึกงานอยู่ทีบริษัทของเพื่อนคนนั้น
สมาชิกทั้งสามของครอบครัวไม่ได้เจอกันมานาน จึงพูดคุยกันอย่างยืดยาว
นอกจากจะพูดเรื่องของเธอแล้ว สิ่งที่เหลียงหวั่นจวินแล้วเยี่ยเส่าถิงถามถึงมากที่สุดก็คือ…แฟนหนุ่มแสนธรรมดาใสซื่อของเธอคนนั้น
“หวันหวั่นลูก คนที่ลูกชอบคนนั้น…คงไม่ใช่เพื่อนที่ชื่อว่าเยี่ยไป๋คนนี้หรอกนะ?” เหลียงหวั่นจวินลองเลียบเคียงถาม
“แค่กๆ…ไม่ใช่เพื่อนคนนั้น…แม่ก็ หนูรู้ว่าแม่กับพ่อเป็นห่วงว่าหนูจะพลาดซ้ำสอง ถูกหลอกอีก แต่พ่อกับแม่วางใจได้ สรุปคือเขาไม่เหมือนกู้เยว่เจ๋อ เรื่องเห็นผลประโยชน์แล้วลืมบุญคุณ เรื่องทอดทิ้งหนูเพื่อเงินทองและอำนาจ แฟนของหนูเขาไม่มีทางทำอย่างแน่นอน!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด
เฮอะๆ…นั่นคือซือเยี่ยหานเชียวนะ…
ตัวเขาเองนั่นแหละคือร่างอวตารของเงินทองและอำนาจ มีเงินทองและอำนาจที่ไหนทำให้เขาเห็นผลประโยชน์แล้วลืมบุญคุณได้…
“รอให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนพัฒนาไปมากกว่านี้อีกหน่อย หนูจะต้องพาเขามาเจอพ่อกับแม่แน่นอน!”
อื้อ รอให้หนูคิดวิธีทำให้ปีศาจร้ายดู ‘ธรรมดา’ กว่านี้อีกสักหน่อยก่อนนะคะ…
…
ยามราตรี เยี่ยหวันหวั่นคุยกับพ่อแม่อยู่นาน เพราะว่าพรุ่งนี้เธอยังต้องทำงาน ถึงได้ร่ำลาพ่อแม่กลับหอพักอย่างตัดใจไม่ลง
ค่ำคืนมืดมิดหนาวเย็น พระจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่บนท้องนภาเหนือศีรษะ
แท็กซี่แล่นมาได้ครึ่งทาง เยี่ยหวันหวั่นกลับบอกให้แท้กซี่จอดกะทันหัน หลังจากชำระค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณตลาดของกินริมทาง
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณปู่ในคืนนี้ เธอแทบไม่ได้กินสิ่งใดเลย เมื่อครู่บทที่คุยกับพ่อแม่ก็ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้กระเพาะอาหารกำลังเริ่มประท้วงอย่างบ้าคลั่งแล้ว
ในร้านอาหารริมทาง แม้ว่าภายนอกจะดูไม่หรูหรา แต่กลับเรียบง่าย กลิ่นหอมของอาหารอบอวลไปทั่ว
เทียบกับร้านอาหารหรูๆ พวกนั้น สถานที่แบบนี้ถึงจะมีอาหารเลิศรสที่แท้จริง
เอาเถอะ…อันที่จริงก็แค่เพราะเธอค่อนข้างจนเท่านั้นเอง…
เยี่ยหวันหวั่นเลือกนั่งในมุมที่ค่อนข้างเงียบไม่มีคน
“คนสวย…รับอะไรดี?”
เจ้าของร้านเป็นผู้ชายวัยกลางคน หลังจากเห็นหน้าตาของหญิงสาวในมุมมืดชัดเจนแล้วพลันตะลึงไปแวบหนึ่ง แล้วยิ้มเต็มหน้าส่งเมนูอาหารในมือให้ทันที
“ฉันขอดูหน่อยนะ…ฉันขอซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานหนึ่งที่ ผัดเนื้อน้ำแดงหนึ่งที่ ปลานึ่งต้นหอมหนึ่งที่ แล้วก็แพะปิ้งยี่สิบไม้ หมูปิ้งสิบไม้ กระดูกอ่อนสิบไม้…”
………………………………………………………
บทที่ 360 มีเพื่อนไม่จริงใจแบบนี้ด้วย?
เยี่ยหวันหวั่นสั่งอาหารรวดเดียวมาไม่น้อย ถือว่าเป็นการให้รางวัลตัวเองสักหน่อย อีกอย่างที่แบบนี้สั่งเยอะขนาดนี้ก็เสียเงินไม่เท่าไร
เจ้าของร้านประเมินดูเยี่ยหวันหวั่นอยู่หน่อย ผู้หญิงยุคนี้ต่างลดน้ำหนักอดอาหารกัน คิดไม่ถึงว่าคนนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนคนอื่นถึงเพียงนี้
ในฐานะเจ้าของร้าน แน่นอนเขาย่อมชอบลูกค้าประเภทนี้อยู่แล้ว!
“ได้เลย! รอสักครู่นะครับ!” ในแผงขายอาหารข้างทางเวลานี้ยุ่งมาก เจ้าของร้านก็ไม่ได้ชักช้า หลังใช้กระดาษปากกาจดแล้ว ก็รีบหันหลังเดินออกไป
เยี่ยหวันหวั่นหยิบมือถือออกมา เดิมทีอยากจะส่งข้อความหาซือเยี่ยหาน แต่จู่ๆ ด้านหลังกลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เถ้าแก่ เอาเกี๊ยวมาห้าชาม!”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไป เห็นหนุ่มน้อยสวมเสื้อคลุมยีนส์เก่าๆ ก้าวเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว
“เนี่ย…อู๋หมิง?” เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไป
ตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นรีบหันหน้ากลับไป กลัวว่าเนี่ยอู๋หมิงจะจำตัวเองได้ รู้สึกเขินเล็กน้อย
เธอใช้เงินหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของมีค่าจากเขาไป ถ้านายคนนี้เจอตัวเองแล้วนึกเสียดายที่ขายเธอไปจะทำยังไง…
ไม่นาน เนี่ยอู๋หมิงก็หาที่นั่งที่โต๊ะกลมตัวหนึ่งแล้วนั่งลง ปากก็เร่งไม่หยุด “เถ้าแก่เร็วหน่อย เกี๊ยวไส้เนื้อนะ ห่อใหญ่หน่อย!”
“ใช่แล้ว… เกี๊ยวชามละเท่าไร?” ผ่านไปนาน เหมือนเนี่ยอู๋หมิงคิดอะไรขึ้นมาได้ ถามขึ้นมาอีก
“สิบเหรียญ!” เจ้าของร้านที่กำลังผัดกับข้าวอยู่ตอบ
“อ้อ…” ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่นาน มุมปากขยับ ราวกับทำการตัดสินใหญ่ใหญ่หลวง “เอามาหกชาม!”
ไม่นาน เกี๊ยวหกชามก็ถูกเจ้าของร้านนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
ไม่กี่นาที เกี๊ยวก็ถูกเนี่ยอู๋หมิงฟาดเรียบจนเกลี้ยง
“เถ้าแก่… ผมสั่งเกี๊ยวเยอะขนาดนี้… ร้านพวกคุณ จะแถมเนื้อตุ๋นน้ำแดงให้หน่อยไหม… กระดูกหมูตุ๋นน้ำแดง… ปลาตุ๋นน้ำแดงอะไรพวกนี้…” เนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้าคาดหวัง
“คุณล้อผมเล่นหรือไง?” เจ้าของร้านโมโหจนขำ “เกี๊ยวหกชามเพิ่งหกสิบเหรียญเอง เนื้อตุ๋นน้ำแดงของผมตั้งหลายสิบเหรียญ”
“อ้อ…” เนี่ยอู๋หมิงคิด “ไม่ได้จริงๆ งั้นคุณให้เกี๊ยวผมอีกสองชาม…”
เจ้าของร้านเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิง คาดว่าน่าจะขี้เกียจสนใจเขาแล้ว
หลังจากเสียงพูดเนี่ยอู๋หมิงจบลง ก็มีอีกคนเข้ามาในร้าน
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น สวมหมวกก่อสร้างสีเขียว ดวงตาสองข้างสีเทอร์ควอยซ์ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นชาวต่างชาติ
“หัวหน้า คุณมากินขี้ทำไมไม่เรียกผมเร็วกว่านี้!” ชาวต่างชาติที่สวมหมวกก่อสร้าง พอหย่อนก้นนั่งลงหน้าเนี่ยอู๋หมิง ก็ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเนี่ยอู๋หมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เถ้าแก่ ผมอยากกินขี้ เอาขี้มาให้ผม!” ชายต่างชาติพูดภาษาจีนสำเนียงแปลกมาก มองไปทางเจ้าของร้าน
ไม่ไกลนัก เยี่ยหวันหวั่นกำลังเจริญอาหาร หลังได้ยิน ก็พ่นข้าวในปากออกมาทันที
“คุณโรคจิตหรือไง? วิ่งมาหาผมที่ร้านจะมากินขี้? กินขี้ก็ไปห้องน้ำไม่ได้หรือ?” เจ้าของร้านจ้องชาวต่างชาติ สีหน้าเต็มไปด้วยความพูดไม่ออก
“อย่าๆๆ… เถ้าแก่… เพื่อนผมคนนี้ภาษาจีนไม่แข็งแรง ที่เขาบอกจะกินขี้…ที่จริงแล้วหมายความว่ากินข้าว…” เนี่ยอู๋หมิงดึงเจ้าของร้านไปอีกฝั่ง อธิบายเสียงเบา
“เถ้าแก่ เอาขี้มา อย่าแพงมากนะ แต่รสชาติต้องอร่อย” ชาวต่างชาติลูบคาง สีหน้าไร้เดียงสา
“ได้ๆๆ เอาขี้มาให้คุณ” เจ้าของร้านหัวเราะน้ำตาไหลไม่หยุด หันหลังกลับไป
เยี่ยหวันหวั่นหูดีได้ยินบทสนทานาระหว่างเนี่ยอู๋หมิงและเจ้าของร้าน สีหน้าพูดไม่ออกทันใด
คิดว่าชาวต่างชาติคนนั้นน่าจะโดนเนี่ยอู๋หมิงหลอกแล้ว จงใจหลอกเขาว่ากินขี้มีความหมายว่ากินข้าว
มีเพื่อนไม่จริงใจแบบนี้ด้วย?
…………………………………………………