ตอนที่ 201 พบเจอนักเลงเจ้าถิ่น (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เล่อเหยาเหยาเอ่ยกระซิบข้างหูของเหลิ่งอวี้เซวียน

เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน พลันยกมือขึ้นปิดปากเล็กตนไว้แน่น ก่อนพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม

แม้เขาจะไม่รู้เหตุใดจึงไม่สามารถเอ่ยเรื่องในวังหลวงยามอยู่ด้านนอก แต่มารดาเอ่ยสิ่งใด เขาต้องทำตาม

เมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเหลิ่งอวี้เซวียน เล่อเหยาเหยาอดหอมใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มนั้นไม่ได้ ก่อนเอ่ยว่า

“ยังมีต่อไปต่อหน้าผู้อื่น ต้องเรียกแม่ว่า ท่านพ่อ”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยเช่นนี้ เพราะหลังออกจากหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งมาหนึ่งเดือน เธอที่แต่งกายเป็นสตรี ดึงดูดหมาป่าหิวกระหายจำนวนไม่น้อย และทำให้เกิดปัญหาที่น่ารำคาญอีกด้วย ดังนั้นหลังจัดการกับเหล่าอันทธพาลเหล่านั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่อยากให้เกิดปัญหายุ่งยากเพราะความงามของตนขึ้นอีก จึงเกิดคิดสนุกปลอมตัวเป็นบุรุษ

สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอ่อนพอดีตัวคลุมกาย คาดสายรัดเอว แม้จะไร้เครื่องประดับมากมาย ทว่ากลับยังคงสูงส่งน่าเกรงขาม

เพราะบางคน สวรรค์กำหนดให้ต้องแต่งกายงดงาม จึงจะดูสูงส่งออกมา

แต่บางคน แม้จะดูธรรมดา ยังคงปิดบังความโดดเด่นเหนือผู้ใดที่มีติดกายมาตั้งแต่เกิดไม่ได้ และเห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยาคือข้อหลัง

เส้นผมนุ่มยาวดุจเส้นไหม ใช้เพียงผ้าสีน้ำเงินอ่อนมัดเป็นทรงหางม้าไว้ทางด้านหลัง ทำให้ใบหน้านั้นงดงามราวกับหยกที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต

คิ้วเข้มโค้งงอน ดวงตาดุจน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วง จมูกโด่งริมฝีปากชมพู ผิวขาวดุจหิมะ ยอดเยี่ยมไม่มีผู้ใดเปรียบ!

ชายงามสง่าผ่าเผยเช่นนี้ บนแขนยังมีเด็กน้อยน่ารักดุจหยกแกะสลักผู้หนึ่ง ไม่ว่าเดินไปที่ใดต่างสะดุดตา งดงามจนน่าใจหายใจคว่ำ

เหลิ่งอวี้เซวียนก้มหน้าลงมองมารดาที่แต่งกายเป็นบุรุษ และเมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยาดังขึ้นอีกครั้ง อดเบิกดวงตากลมโตแวววาวดุจดวงดาวคู่นั้นไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“แต่เห็นชัดว่าท่านคือเสด็จแม่ อีกทั้งข้าไม่มีบิดานี่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเสี่ยวกุ้ยจื่อเอ่ยว่าเขามีทั้งท่านพ่อท่านแม่ ทว่าเหตุใดข้าจึงมีเพียงเสด็จแม่ ไม่มีเสด็จพ่อละ!”

คำพูดอ้อแอ้แฝงความสงสัยของเหลิ่งอวี้เซวียน ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันปวดใจ

ความเจ็บปวดนั้นคล้ายมีหนามแหลมทิ่มแทงอยู่ภายในใจเธอ ดึงไม่ออกทว่ากลับเจ็บปวด

ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกจ้องมองบนใบหน้าคนตัวเล็กที่มองเธออย่างไม่เข้าใจอยู่ในอ้อมกอด เล่อเหยาเหยาข่มความเจ็บปวดไว้ในใจ ก่อนเอ่ยเสียงเบาขึ้น

“เซวียนเอ๋อร์ เด็กดีเจ้ามีเสด็จพ่อ ผู้ใดบอกเจ้าว่าไม่มีกัน”

“เช่นนั้นเสด็จพ่อของข้าอยู่ที่ใดหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา บนใบหน้าเล็กของเหลิ่งอวี้เซวียนพลันปรากฎรอยยิ้มดีใจขึ้นมา แววตาระยิบระยับสดใส ไร้เดียงสา ดุจบ่อน้ำอันใสบริสุทธิ์

เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มไร้เดียงสาของคนตัวเล็ก ในใจเล่อเหยาเหยากลับยิ่งเสียใจมากขึ้น

ช่างน่าสงสารเขาอายุยังน้อย ทว่ากลับไร้บิดา

แต่…

“เซวียนเอ๋อร์ ความจริงเสด็จพ่อของเจ้าไม่ได้จากพวกเราไปที่ใด เจ้าสามารถเห็นเขาได้ทุกวัน เพราะเสด็จพ่อของเจ้าอยู่บนสวรรค์ ทุกคืนดวงดาวที่งดงามและใหญ่ที่สุดนั่นคือเสด็จพ่อของเจ้า เขามองพวกเราอยู่ตลอดเวลา!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งอวี้เซวียนทำสีหน้าคล้ายเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก พลันถูกการเคลื่อนไหวด้านหน้าดึงดูดความสนใจไป

เพราะเวลาในการทำอาหารสิ้นสุดลง ตอนนี้เหล่าพ่อครัวนั้นกำลังนำอาหารที่ตนทำแบ่งใส่จานมากมาย

อาหารบนจานเหล่านี้ จัดเตรียมไว้ให้กับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมต่างๆ และเหล่ากรรมการในการแข่งขันครั้งนี้ ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้กับเหล่าราษฎรที่เป็นผู้ชมอยู่รอบด้านลองชิมดู เพื่อดูว่าจานใดรสชาติอร่อย เพราะเหล่าราษฎรสามารถลงคะแนนเช่นกัน

ประจวบกับเวลานี้พวกเล่อเหยาเหยายืนอยู่ในแถวแรกด้านหน้า เหล่าพ่อครัวนั้นต่างเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนหน้าตาน่ารัก จึงส่งจานในมือมอบให้แก่พวกเขา ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงได้ลิ้มลองอาหารอันโอชะเหล่านั้นดังที่ปรารถนา

เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนทานจนปากเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ท่าทางเอร็ดอร่อย เล่อเหยาเหยามีสีหน้าผ่อนคลายลง ก่อนกล่าวยิ้มๆ อย่างอ่อนโยนว่า

“เซวียนเอ๋อร์ อร่อยหรือไม่”

“อร่อยมาก ท่านแม่..เอ่อ. ท่านพ่อ ก็ลองทานสิ”

เมื่อเกือบจะเอ่ยผิด ครั้งนี้เหลิ่งอวี้เซวียนพลันเปลี่ยนคำพูด ก่อนยื่นกระดูกหมูตุ๋นน้ำแดงแสนอร่อยให้เล่อเหยาเหยาอย่างเอาใจ

เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนรู้เรื่องเช่นนี้ แม้กระดูกหมูตุ๋นน้ำแดงนี้จะมีรสเปรี้ยว เล่อเหยาเหยาจึงทานอย่างหวานอร่อย

“ท่านพ่อ อร่อยหรือไม่”

เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถามอย่างคาดหวัง เล่อเหยาเหยาได้ยินอดหอมที่ใบหน้าเล็กของเด็กน้อยไม่ได้ ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า

“อร่อย ย่อมอร่อยแน่นอน”

เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน ก็ยิ้มแย้มอย่างชื่นมื่น

ดังนั้นการยิ้มแย้มของผู้ใหญ่และเด็กที่มีหน้าตางดงามประณีตท่ามกลางฝูงชน ภาพนี้ช่างสวยงาม ราวกับภาพวาดที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ทำให้ผู้คนตกตะลึง

ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นเช่นไร เล่อเหยาเหยาย่อมไม่สนใจแน่นอน

หลังดูความคึกคักจบลง เล่อเหยาเหยาพาเหลิ่งอวี้เซวียนเดินเที่ยวทั่วต้าหลี่ เพราะต้าหลี่นี้นอกจากจะสวยงามเลื่องชื่อแล้ว เมื่อยากที่จะมาถึงย่อมต้องท่องเที่ยวให้สนุก

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียนต่างเดินเที่ยวอยู่บนถนนใหญ่ตลอดทั้งบ่าย หลังเดินรอบต้าหลี่ประมาณหนึ่งรอบ จึงพาเหลิ่งอวี้เซวียนที่ในมือ ถือถังหูลู่สองไม้ และกำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยตรงไปยังทิศของโรงเตี๊ยมที่พักอยู่

เห็นเพียงเวลานี้ เป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน

พระอาทิตย์ยามใบไม้ผลิมักงดงามดุจใบหน้าอันอ่อนหวานเช่นนี้เสมอ

แสงสีส้มนั้นทะลุชั้นเมฆสาดส่องลงมาบนพื้นดินทางทิศตะวันตก ทำให้ทั่วพื้นดินดูดุจระลอกคลื่นและห้วงฝันมากขึ้นหลายส่วน

สายลมยามเย็นแฝงด้วยกลิ่มหอมหวน ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

เมื่อเห็นทิวทัศน์สวยงามและได้กลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้เช่นนี้ตรงหน้า ข้างกายยังมีเด็กน้อยที่หน้าตาดุจหยกแกะสลักแสนน่ารักอยู่ข้างกาย เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกอิ่มเอมไม่ได้

หากไม่ใช่เวลานี้ ที่พลันมีคำพูดและน้ำเสียงโวยวายไม่น่าฟังแทรกขึ้นมา เล่อเหยาเหยาคงคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่งดงามวันหนึ่ง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

“โอ ดูสิข้าเจอสิ่งใดเข้า ช่างเป็นคุณชายที่หล่อเหลาจริงๆ!”

เมื่อเสียงโวยวายนั้นดังขึ้น ก็มีเสียงโวยวายหลายเสียงผสมตามขึ้นมาเช่นเดียวกัน

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เล่อเหยาเหยาอดพลันหันไปมองที่มาของเสียงที่ทำลายความสุขของตนไม่ได้ เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนปรากฎตัวขึ้นอยู่ไม่ไกลจากตน แววตาเล่อเหยาเหยาแฝงด้วยความรังเกียจหลายส่วน ส่วนคิ้วงามก็ขมวดมุ่น

เห็นเพียงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอ แม้จะแต่งกายหรูหรา แต่ทั่วร่างกายกลับมีกลิ่นอายอันธพาลออกมา พวกเขาอายุไม่มากน่าจะประมาณยี่สิบปี เพียงมองก็รู้ว่าคนพวกนี้ฐานะร่ำรวย จึงทำตัวเป็นอันธพาลเที่ยวเตร่ทั้งวัน

สำหรับคนพวกนี้ เล่อเหยาเหยารังเกียจเป็นที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาใช้สายตาจาบจ้วงมองเธอ ทำให้เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วแน่นเป็นปม แววตาปรากฎความขยะแขยงขึ้นมา

เพราะจากประสบการณ์มากมายที่ผ่านมา สำหรับสายตาเหล่านี้เล่อเหยาเหยาเข้าใจดี

ดูแล้วชายกลุ่มนี้ไม่เพียงอัปลักษณ์ ยังมีความชอบพิเศษ เช่น มีชายบำเรอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกน่าขบขันไม่ได้

ตอนแรกที่เธอแต่งกายเป็นสตรี เพราะรูปโฉมงดงาม จึงมักถูกรุมโจมตีจากกลุ่มอันธพาลเจ้าถิ่นเหล่านี้ หลังจากเธอสั่งสอนไปหลายครั้ง เพื่อขจัดปัญหากวนใจจึงปลอมกายเป็นบุรุษ เดิมคิดว่าเพียงเท่านี้ เธอจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก ผู้ใดจะรู้ ไม่ว่าเธอจะแต่งกายเป็นบุรุษหรือสตรี เพราะใบหน้านี้ของเธอ ปัญหายุ่งยากมักเข้ามาไม่หยุด!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกจนใจและเบื่อหน่าย

เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าอันธพาลเจ้าถิ่น เล่อเหยาเหยาเดิมทีไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา

เพราะแม้พวกเขาจะมีจำนวนคนมากกว่า แต่กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ

เพราะวรยุทธ์หลายปีมานี้ของเธอไม่ได้ไร้ประโยชน์ หากกระทั่งเหล่าอันธพาลพวกนี้เธอยังรับมือไม่ได้ ช่างเสียหน้านักพรตเทียนซานอาจารย์ของเธอจริงๆ แล้ว!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ คนกลุ่มนั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอ เมื่อเห็นเธอเพียงยืนอยู่ตรงนั้นมองพวกเขาอยู่เงียบๆ ต่างก็กำหมัด ก่อนยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับโอบล้อมเธอไว้

…………………………………………………………………………………..