ตอนที่ 202 ชายชุดดำลึกลับ (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“ฮ่า ๆ คุณชายหน้าตาหล่อเหลาจริงๆ สนใจไปสนุกกับพวกเราหรือไม่ รับรองว่าสนุกแน่นอน!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คนงาม จุ๊ๆ หน้าตาไม่เลวจริงๆ ผิวนั้นช่างคล้ายไข่ไก่ที่ถูกปอกแล้วจริงๆ น่าสัมผัสยิ่งนัก”

“โอ เหล่าหลี่เจ้าช่างใจร้อนเสียจริง อีกสักครู่เจ้าจะได้สัมผัสแล้ว…”

“ฮิ ๆ นั่นย่อมแน่นอน ทว่าคนงามนี้ ช่างงดงามจริงๆ งดงามกว่าชายในหอนายโลมยิ่งนัก!”

“คุณชายผู้นี้ไม่เพียงหน้าตางดงาม กระทั่งเด็กน้อยในอ้อมแขนของเขายังหน้าตาน่ามองยิ่งนัก ทำให้ข้ามองจนคันยุบยิบในใจเสียจริง!”

“เพ่ย เด็กขนาดนั้นเจ้ายังต้องตา เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทว่า ฮิ ๆ เด็กน้อยผู้นั้นไม่เลวจริงๆ”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหล่าอันธพาลที่ประสงค์ร้ายนั้นต่างใช้สายตาจับจ้องที่เหลิ่งอวี้เซวียนในอ้อมแขนเล่อเหยาเหยา

เมื่อเผชิญกับสายตาดุจหมาป่า เสือร้ายอันน่ารังเกียจพวกนั้น เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว และยังเงยใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาขึ้นเอ่ยกับเล่อเหยาเหยา

“ท่านพ่อ ท่านลุงพวกนี้ใช่คนเลวคือไม่ เซวียนเอ๋อร์ไม่ชอบสายตาของพวกเขา”

“โอ เพราะเหตุใดหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน เล่อเหยาเหยาเลิกคิ้วขึ้นชั่วขณะ สำหรับความกล้าของเหลิ่งอวี้เซวียนทำให้รู้สึกปลื้มใจ จากคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียนจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

เหลิ่งอวี้เซวียนที่เป็นเด็กน้อยปกติ เมื่อได้ยินจึงเอ่ยความในใจทั้งหมดของตนออกมา

“เพราะสายตาของพวกเขา คล้ายกับหนูในท่อระบายน้ำ น่ารังเกียจยิ่งนัก!”

เหลิ่งอวี้เซวียนเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ยังทำตัวสั่นเทิ้มอย่างเกินจริงประกอบด้วย สายตาที่มองคนกลุ่มนั้นไม่ปิดบังความไม่ชอบใจแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อารมณ์ไม่ดี พลันหัวเราะเสียงดังออกมา

ฮ่าๆ ไม่เสียแรงที่เป็นบุตรชายของเธอ ช่างน่ารักเสียจริง!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอารมณ์ดีขึ้นมา ไม่สนใจเหล่าอันธพาลด้านหน้าที่พอได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียนต่างหน้าเขียวคล้ำ หลังหัวเราะเสียงดังจบ จึงให้รางวัลโดยการหอมบนใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มของเหลิ่งอวี้เซวียนหลายรอบ ก่อนเอ่ยชื่นชมขึ้น

“เยี่ยม เซวียนเอ๋อร์พูดได้ดียิ่งนัก ช่างฉลาดเสียจริง อายุยังน้อยสามารถแยกคนดีคนชั่วออกได้ เช่นนั้นเมื่อเจอกับคนชั่วพวกเราควรทำเช่นไร!”

เล่อเหยาเหยาคล้ายพยายามอบรมสั่งสอนบุตรชายเอ่ยถามขึ้น

เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินอ้าปากเล็กขึ้นอย่างไม่ลังเล ก่อนเอ่ยเสียงอ้อแอ้

“กำจัด!”

“เยี่ยม เช่นนั้นพ่อจะกำจัด!”

สำหรับบทสนทนาที่คล้ายรอบข้างไร้ผู้คนของเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียน ทำให้กลุ่มคนที่ล้อมรอบพวกเขานั้นเดือดดาลเมื่อได้ยิน

“เจ้าหน้าเหม็น เจ้าว่าผู้ใดคือหนู!”

“มารดามันเถอะ ข้าถูกชะตากับเจ้า แต่เจ้ากลับไม่พูดจาคิดใช้กำลัง เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

“ประเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าให้หนัก ดูว่าต่อไปเจ้ายังจะกล้าโอหังอีกหรือไม่ พวกเราบุก!”

เมื่อหนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น คนอื่นต่างพากันถูหมัด ก่อนพุ่งตรงเข้าหาเล่อเหยาเหยา

เวลานี้เป็นช่วงพลบค่ำ และจุดที่เล่อเหยาเหยาอยู่คือบนเนินเขา ที่นี่เดิมทีผู้คนสัญจรไปมาน้อยมาก ดังนั้นเหล่าอันธพาลจึงกล้าเหิมเกริมเช่นนี้

เมื่อเห็นรูปโฉมงดงามของเล่อเหยาเหยา รูปร่างไม่สูงใหญ่ ดูท่าทางอ่อนแอคงแก่เรียน ดังนั้นจึงย่อมไม่รู้สึกกังวลในตัวเล่อเหยาเหยาแม้แต่นิดเดียว เดิมทีคิดว่าเพียงลงมือสองสามครั้งจะจัดการเล่อเหยาเหยาได้อยู่หมัด จากนั้นเล่นสนุกกับเธอสักรอบ เพราะเรื่องพวกนี้พวกเขาทำมาหลายครั้งแล้ว

รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาคือตระกูลที่ร่ำรวยในพื้นที่ แม้จะมีคนร้องเรียนทางการ ก็ถูกพวกเขาใช้เงินทองกลบเรื่องไป หากไม่ยอมแพ้ ก็ทำร้ายจนพวกเขายอมแพ้!

แต่เหล่าอันธพาลนี้กลับไม่รู้ว่า เมื่อชอบเดินเตร่บนถนนตอนกลางคืน มักต้องเจอกับผี!

เล่อเหยาเหยาเดิมทีไม่ใช่คนที่พวกเขาควรหาเรื่องด้วย!

แต่เวลานี้พวกเขาหน้ามืดตาลาย ในใจคิดเพียงจับตัวเล่อเหยาเหยาให้ได้ ก่อนเล่นสนุกสักรอบเท่านั้น

ดังนั้นเวลานี้เห็นเพียงเหล่าอันธพาลนั้นต่างพุ่งเข้าใส่เล่อเหยาเหยาทันที

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเพียงส่งเสียงอย่างดูแคลน ก่อนก้มหน้าเอ่ยกับเหลิ่งอวี้เซวียน

“เซวียนเอ๋อร์ กอดแม่ไว้”

“อืม”

เมื่อได้ยิน มือเล็กของเหลิ่งอวี้เซวียนกอดก็เข้าที่คอของเล่อเหยาเหยาแน่น สองขาก็โอบรัดเอวของเล่อเหยาเหยาไว้ ท่าทางนั้นคล้ายลิงเกาะต้นไม้ ช่างน่ารักยิ่งนัก

เรื่องประเภทนี้ สำหรับเหลิ่งอวี้เซวียนถือว่าคุ้นเคยอย่างยิ่ง

เพราะทุกครั้งที่เขาและมารดาพอเจอกับอันธพาล มารดาล้วนให้เขากอดเธอ จากนั้นตนเองจะเข้าไปจัดการเหล่าอันธพาลพวกนั้น

เรื่องนี้พบเจอมามากมาย ดังนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนจึงไม่หวาดกลัว กลับร้องตะโกนให้กำลังใจเล่อเหยาเหยาไม่หยุด

ส่วนเล่อเหยาเหยาไม่ทำให้คนตัวเล็กผิดหวัง เห็นเพียงเล่อเหยาเหยาไม่ได้ใช้วรยุทธ์ใดๆ ใช้เพียงมือเท้าเปล่าออกกระบวนท่าไปดุจลูกศร หนึ่งหมัดหนึ่งเท้าจัดการเหล่าอันธพาลนั้นจนพ่ายแพ้ยับเยิน ทุกคนต่างล้มระเนระนาดกองอยู่บนพื้น ร้องครวญครางเจ็บปวด

เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ตะโกนพร้อมยิ้มให้เล่อเหยาเหยาไม่หยุด

“ท่านพ่อช่างยอดเยี่ยม ท่านพ่อร้ายกาจยิ่งนัก!”

เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนที่มองเล่อเหยาเหยาค่อยๆ เต็มไปด้วยเลื่อมใส

สำหรับสายตาเลื่อมใสของคนตัวเล็ก เล่อเหยาเหยารู้สึกยินดียิ่งนัก จึงยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างภูมิใจและชอบใจ งดงามจนกระทั่งดาวเดือนต่างเศร้าหมอง

แต่เล่อเหยาเหยามีรอยยิ้มบนใบหน้าได้เพียงชั่วขณะ เห็นเพียงชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มคนที่จัดการจนหมอบ พลันกระโดดขึ้นมาจากพื้น จากนั้นกระโจนตรงเข้ามาที่เธอ เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นเพียงเลิกคิ้ว คิดส่งลูกถีบให้แก่เขาอีกครั้ง

ผู้ใดจะรู้ ยังไม่ทันยื่นเท้าออกไป เห็นเพียงคนผู้นั้นยกมือขึ้น สาดผงสีขาวมาที่ด้านหน้าเธอ

เห็นเช่นนั้นสัญญานเตือนในใจของเล่อเหยาเหยาจึงดังขึ้น คิดยื่นชายเสื้อออกมาปิดจมูก แต่ทว่ากลับช้าเกินไป

เพราะเมื่อครู่ไม่ได้คาดคิดว่าคนผู้นี้จะใช้อุบายเช่นนี้ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงรับมือไม่ทัน สูดผงสีขาวเข้าไปไม่น้อย

เล่อเหยาเหยารู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง ภายในหัวเกิดความง่วงงุนโจมตีไม่หยุด

และเล่อเหยาเหยายังรู้สึกว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนอ่อนแรงลง โชคดีที่สุดท้ายเธอกอดเหลิ่งอวี้เซวียนที่หมดสติได้ทัน แต่ตนเองก็ไม่สามารถฝืนทนได้อีกแล้ว

แต่เธอจะหมดสติไม่ได้

เพราะหากเธอหมดสติไปในเวลานี้ เธอและเซวียนเอ๋อร์ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงกัดลิ้นตนอย่างแรง เพื่อใช้ความเจ็บปวดฝืนทนเอาไว้

แต่การทำเช่นนี้ของเธอ เพียงทำให้ตนหมดสติช้าลงเท่านั้น ทว่าร่างกายกลับทรุดลงอยู่บนพื้นแล้ว

สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือเหล่าอันธพาลที่ถูกตนจัดการไปนั้นต่างลุกขึ้นมาพร้องส่งเสียงด่าทอ และใช้สายตาประสงค์ร้ายจ้องมองมาที่เธอ เล่อเหยาเหยาจึงสิ้นหวังในใจ

หรือเธอต้องตกอยู่ในมือของเหล่าอันธพาลพวกนี้จริงๆ!

เธอไม่ได้กังวลตัวเอง แต่เซวียนเอ๋อร์…

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดกอดคนตัวเล็กในอ้อมแขนแน่นไม่ได้ แววตาแฝงด้วยความสิ้นหวัง

แต่ช่วงสุดท้ายที่กำลังจะหมดสติ เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าตนเห็นภาพหลอน

เพราะเธอเห็นเงาร่างแสนคุ้นเคยปรากฎตัวขึ้น

“อวี๋”

“เฮือก!”

เล่อเหยาเหยาลืมตาขึ้น ก่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที ดวงตาเบิกกว้าง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

แต่เมื่อเห็นบรรยากาศในสายตา พลันทำให้ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาเป็นประกายครู่หนึ่ง แต่ว่าแฝงด้วยความไม่เข้าใจ

นี่คือห้องพักที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ม่านลูกปัดโยกไหว ม่านบางโปร่งแสง โต๊ะหนึ่งตัวเก้าอี้หลายตัว

นี่ไม่ใช่โรงเตี๊ยมเดิมที่เธอพักอยู่หรือ!

แต่เหตุใดเธอจึงมาปรากฎตัวขึ้นในโรงเตี๊ยมได้ เธอถูกอันธพาลพวกนั้นโจมตีอยู่ชัดๆ สุดท้ายถูกแผนชั่วร้ายเล่นงาน และหมดสติลงไปในที่สุด

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ

เซวียนเอ๋อร์!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากวาดสายตาไป ก่อนเห็นคนตัวเล็กนอนหลับสบายอยู่ข้างกายตนอย่างปลอดภัย หัวใจที่ตื่นตระหนกพลันคลายลงในที่สุด

แต่ว่าเล่อเหยาเหยายังตรวจสอบร่างกายของตนและเซวียนเอ๋อร์อีกครั้งอย่างไม่วางใจ ก่อนพบว่าตอนนี้ตนนอกจากยังรู้สึกมึนงง ส่วนอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บ หัวใจที่หวาดหวั่นของเล่อเหยาเหยาจึงคลายลงเป็นปกติ

แต่ความสงสัยกลับเกิดขึ้นในใจไม่หยุด

เธอจำได้ชัดเจนว่าตนหมดสติไปแล้ว เหตุใดตอนนี้ตนและเซวียนเอ๋อร์ต่างปลอดภัย และยังนอนอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ตนพักอยู่!

หรือหลังเธอหมดสติไป จะมีคนช่วยเหลือเธอ!

แม้จะเป็นเช่นนี้ เหตุใดคนผู้นั้นจึงรู้ว่าเธอพักอยู่ที่นี่!

ความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ ทำให้เล่อเหยาเหยาคิดเช่นไรก็ไม่เข้าใจ

ประจวบเหมาะกับเหลิ่งอวี้เซวียนก็ตื่นขึ้น เมื่อเห็นเขาพลางขยี้ตา พลางทำปากเล็กยื่นออกมา ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางน่ารัก ความสงสัยในใจของเล่อเหยาเหยาก็ถูกท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กกำจัดหายไป

“เสด็จแม่ เซวียนเอ๋อร์หิวแล้ว”

เสียงแหบแฝงความออดอ้อนคล้ายกับขนมสายไหมดังขึ้น ไพเราะยิ่งนัก

เล่อเหยาเหยาได้ยิน สีหน้าดูอ่อนลง ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า

“ได้ เช่นนั้นแม่จะไปสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์จัดเตรียมอาหาร” เพราะเธอต้องการซักถามเสี่ยวเอ้อร์ว่าเธอและเซวียนเอ๋อร์ถูกผู้ใดช่วยกลับมาด้วย

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้เสี่ยวเอ้อร์ต้องทราบแน่นอน ผู้ใดจะรู้…

“ผู้ใดส่งพวกท่านกลับมา เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าที่ข้าเห็นพวกคุณชายออกไป ก็เพิ่งเห็นพวกท่านอีกครั้งคือตอนนี้ ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ้อร์ และเห็นว่าเขาไม่ได้โกหก เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้

หลังทราบว่าเสี่ยวเอ้อร์ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ จึงไม่ซักถามให้มากความอีก เพียงสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์จัดเตรียมอาหารหลายจานและน้ำร้อน ก่อนกลับไปยังห้องพักของตน