บทที่ 249 เต้าฮวยน้ำขิงในตรอกเล็ก

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“เอ่อออ… มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ” ปู้ฟางมองเซียวเยียนอวี่ มุมปากของเขากระตุกขึ้น

ฝืนยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้น้ำตาไหลพราก

เขามาที่หอวสันต์สุคนธ์เพื่อกินอาหาร เพียงแค่นั้นจริงๆ

เซียวเยียนอวี่เลิกคิ้วสวยขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกายซุกซน นางตกใจไม่น้อยที่ได้เจอเถ้าแก่ปู้ที่เมืองนครใต้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากนครหลวงอยู่มากโข แต่ที่น่าตกใจเสียยิ่งกว่า คือความจริงที่ว่าชายหนุ่มเพิ่งเดินออกมาจากหอนางโลม

ถึงเถ้าแก่ปู้จะเป็นคนเย็นชาห่างเหิน แต่สุดท้ายก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง แล้วบุรุษนั้นปกติเข้าไปทำอะไรในหอนางโลมกันเล่า ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ!

นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเถ้าแก่ปู้จะเป็นคนเช่นนี้!

“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจดี เถ้าแก่ปู้ ท่านไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ข้าฟังหรอก” เซียวเยียนอวี่พยักหน้าอย่างรู้แกว นางกะพริบตาส่งสัญญาณเพื่อบอกชายหนุ่มว่าความลับนี้จะปลอดภัยหายห่วงเมื่ออยู่กับนาง “นครหลวงอยู่ใต้จมูกจักรพรรดิเลยเข้มงวดกว่าที่อื่น แต่เมืองนครใต้นี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสบายๆ บรรยากาศสุดแสนจะหวานชื่นเหมาะกับการพบปะสตรี”

เข้าใจบ้าอะไรกัน… ปู้ฟางอยากร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีประหลาด นี่เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่เซียวเยียนอวี่ได้มีโอกาสเห็นสีหน้าอันหลากหลายของชายหนุ่ม

“ข้าเข้าใจดีว่าบุรุษ… ล้วนมีความต้องการบางอย่างกันทั้งนั้น” เซียวเยียนอวี่ประหลาดใจที่ได้เห็นสีหน้าอับอายของปู้ฟาง แต่นางกลับคิดว่าภาพตรงหน้าช่างตลกเสียเหลือเกินจนต้องระเบิดหัวเราะเสียงหวานออกมา แต่ก็ยังเกรงใจเอามือปิดปากไว้นิดหนึ่ง

แม้ตอนนี้นางจะพอเดาได้แล้วว่าปู้ฟางไม่ได้เข้าไปทำเรื่องอย่างว่าในหอวสันต์สุคนธ์ แต่สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขานั้นก็ตลกมากเสียจนทนไม่ไหว

ปู้ฟางกลับมาทำหน้าตายอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขาดึงหน้าตึงเมินเซียวเยียนอวี่ที่กำลังหัวเราะตัวโยนไปโดยสิ้นเชิง

“ก็ได้ๆ เถ้าแก่ปู้ นี่เป็นความลับระหว่างเราก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วง ข้าไม่บอกใครแน่นอน” เซียวเยียนอวี่พยายามเต็มที่ที่จะไม่หลุดขำ

หญิงรับใช้เบื้องหลังเซียวเยียนอวี่มองปู้ฟางด้วยสายตาประหลาดใจเหลือแสน นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสตรีที่ทั้งสง่างามและเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วอย่างเซียวเยียนอวี่จะหัวเราะได้อร่อยถึงเพียงนี้ คุณหนูของนางรู้จักชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ด้วยหรือ

“จะว่าไป เถ้าแก่ปู้ ท่านมาที่เมืองนครใต้ด้วยธุระอะไรหรือ แล้วมาถึงตั้งแต่เมื่อไรกัน” เซียวเยียนอวี่ถามด้วยความสงสัย

“ข้ามาไม่นานเดี๋ยวก็กลับ ได้ยินว่าที่เมืองนครใต้นี้มีอาหารรสเลิศมากมาย ข้าจึงมาเพื่อลองชิมดู” ปู้ฟางตอบกำกวม แต่เซียวเยียนอวี่ก็หลักแหลมพอที่จะเข้าใจความหมายเบื้องลึกจึงทำเพียงพยักหน้ารับ

“อาหารรสเลิศรึ ถึงข้าจะไม่ได้คุ้นเคยกับเมืองนครใต้มากนัก แต่ก็มั่นใจว่าตนเองรู้จักเมืองนี้ดีกว่าเถ้าแก่ปู้แน่นอน ให้ข้านำทางท่านดีหรือไม่ เพราะข้าเองก็รู้เยอะอยู่พอตัวว่าถ้าจะหาอาหารอร่อยในเมืองนี้ต้องไปที่ใด”

ดวงตาของเซียวเยียนอวี่เป็นประกายขณะเสนอตัวนำทางด้วยรอยยิ้ม

ปู้ฟางชะงักเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ การมีคนนำทางนั้นย่อมดีกว่าเดินสะเปะสะปะไปมาคนเดียวแน่นอน ไม่เช่นนั้นมีหวังเขาคงได้ถูกลากเข้าหอนางโลมไปอีกรอบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัวแน่

“เสี่ยวหย่า เจ้ากลับไปบอกนายท่านทีว่าวันนี้ข้าจะกลับช้า” สีหน้าสงบนิ่งกลับคืนสู่ใบหน้าเซียวเยียนอวี่อีกครั้ง ขณะที่นางหันไปออกคำสั่งหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะคุณหนู แต่นายท่านบอกให้ข้าอยู่กับท่านตลอดเวลานะเจ้าคะ” หญิงรับใช้มีสีหน้ายุ่งยากใจพอตัว

เซียวเยียนอวี่ตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าไปบอกท่านว่าข้าเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เลยอยากพาเขาเที่ยวชมเมืองสักหน่อย การให้สาวใช้มาเดินตามต้อยๆ คงไม่ค่อยสะดวกนัก”

ปู้ฟางมุ่นคิ้วพลางมองเซียวเยียนอวี่ด้วยสายตาเหมือนรู้ทัน หญิงรับใช้ดูสองจิตสองใจ แต่เมื่อเซียวเยียนอวี่พูดด้วยอีกสองสามประโยค นางก็หันหลังเดินจากไปตามคำสั่งแต่โดยดี

“เจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ปู้ฟางมองเซียวเยียนอวี่พลางถามเสียงนิ่ง

“ไม่ใช่ปัญหาหรอก ข้าแค่รำคาญที่มีคนคอยเดินตามทุกฝีก้าวน่ะ” เซียวเยียนอวี่ยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายพลางเดินนำลิ่วไปข้างหน้า

ระหว่างเดินนางหันหลังกลับมามองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม “เถ้าแก่ปู้ ท่านได้หาข้อมูลก่อนมาเยือนเมืองนครใต้หรือไม่”

“ไม่เลย” ปู้ฟางตอบอย่างสัตย์จริง เขาถูกโยนมาที่เมืองนครใต้ชนิดไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จึงไม่มีเวลาเตรียมตัวหาข้อมูลก่อนมาเยือนที่นี่แม้แต่น้อย

“เมืองนครใต้เป็นเมืองติดแหล่งน้ำทางภาคใต้ของจักรวรรดิวายุแผ่ว วัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ค่อนข้างนุ่มนวลชวนฝันกว่านครหลวง อาหารก็รสชาติอ่อนกว่าด้วย คนแถวนี้ไม่ค่อยกินเผ็ดกัน แต่จะนิยมกินอาหารอย่างปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู ซาลาเปาทอดไส้หมู ตับห่านในน้ำซอส… ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองนครใต้ทั้งสิ้น อาหารจานที่งมีชื่อเสียงที่สุดคือปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูกับซาลาเปาทอดไส้หมู” เซียวเยียนอวี่แนะนำ

“แต่ด้วยเหตุจำเป็นหลายๆ อย่าง ซาลาเปาทอดไส้หมูสูตรต้นตำรับที่สุดหากินไม่ได้แล้ว น่าเสียดายที่ซาลาเปาทอดไส้หมูสูตรอื่นในเมืองนครใต้นั้นไม่อร่อยเท่า ส่วนปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู อาหารขึ้นชื่ออีกจานหากินได้ที่ร้านหอมหวนชวนเมา”

เซียวเยียนอวี่รู้เรื่องนครใต้มากกว่าปู้ฟางอย่างเห็นได้ชัด ทุกคำที่นางพูดออกมาตรงประเด็นทั้งหมด ทำให้ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักตามไปด้วยขณะเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชาวเมืองนครใต้

แต่แน่นอนว่าความสนใจของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่เรื่องอาหารเท่านั้น

ชื่อของปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู ซาลาเปาทอดไส้หมู และอาหารจานอื่นๆ ทำให้เขารู้สึกอยากกินจนดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

ทันใดนั้นกิริยาของเซียวเยียนอวี่ก็หยุดความคิดของปู้ฟางไว้ นางชี้ไปที่แผงขายของข้างทางในตรอกเล็กๆ ที่อยู่ไกลออกไป แผงที่ว่านี้ไม่ใหญ่ บนแผงมีทั้งหม้อดินเผาหม้อเบ้อเริ่ม ฝาปิดที่ทำจากไม้ และชามกระเบื้องอีกสองสามชาม ทั้งหมดนี้มีสภาพเก่าคร่ำคร่าพอตัว

“เถ้าแก่ปู้ อย่าได้ดูถูกแผงเล็กๆ แห่งนี้เชียว นี่เป็นอีกหนึ่งอาหารจานเด็ดของเมืองนครใต้ ชื่อว่าเต้าฮวยน้ำขิง อร่อยมากทีเดียว” เซียวเยียนอวี่ยิ้มยิงฟันพลางเดินไปยังแผงขนาดเล็กดังกล่าว

ใบหน้าของปู้ฟางชะงักค้าง เขามองไปที่แผงขายของจากนั้นก็เดินตามหญิงสาวไป

แผงขายของนี้มีขนาดเล็ก เจ้าของเป็นหญิงสูงวัยอายุราวห้าสิบถึงหกสิบปี ใบหน้าของนางเหี่ยวย่น แต่ดวงตากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา

“ท่านป้า พวกข้าขอซื้อเต้าฮวยน้ำขิงสองชาม” เซียวเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หญิงเจ้าของร้าน

“ได้สิ” หญิงสูงวัยเอามือออกมาจากชายแขนเสื้อ ตอบรับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แล้วเริ่มเตรียมอาหาร

ปู้ฟางมองวิธีการเตรียมอาหารของนางอย่างใกล้ชิด แล้วก็รู้สึกถึงอะไรหลายอย่างในใจ

พอนางเปิดฝาไม้หม้อดินเผาออก กลิ่นหอมอ่อนๆ ละเมียดละไมของเต้าฮวยก็ฟุ้งกระจายในอากาศ ไอน้ำชุ่มชื้นลอยขึ้น ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที

“พ่อหนุ่ม เต้าฮวยของข้านั้นถือเป็นสูตรต้นตำรับที่สุดในเมืองนครใต้แล้ว ทุกขั้นตอนข้าทำเองทั้งหมด” เมื่อหญิงสูงวัยเห็นปู้ฟางจ้องไปที่หม้อดินเผา นางก็ยิ้มอย่างใจดีพลางเอ่ยย้ำกับเขา

นางหยิบไม้พายเหล็กกลมแบนออกมา อุปกรณ์ชิ้นนี้ดูเหมือนทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่ออะไรสักอย่าง ด้ามจับงอเป็นมุมฉากกับแผ่นเหล็กกลมที่แบนเรียบไม่เหมือนช้อนทั่วๆ ไป

หญิงสูงวัยหยิบชามกระเบื้องที่ดูเก่าแต่สะอาดสะอ้านออกมา นางยื่นมือที่ถือไม้พายเอาไว้ลงไปในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็ตักเต้าฮวยขึ้นมา เขย่ามือเพื่อสะบัดน้ำบนผิวเต้าฮวยออกไป แล้ววางเต้าฮวยลงอย่างชำนาญ

นางตัดเต้าฮวยเป็นชิ้นบางแล้วเทลงในชาม จากนั้นก็ทำซ้ำๆ จนทั้งชามเต็มไปด้วยเต้าฮวยหอมฉุย

หญิงสูงวัยไม่ได้ส่งชามเต้าฮวยให้คนทั้งสองทันที แต่กลับเปิดฝาไม้ของถังที่อยู่ข้างๆ หม้อ ใช้กระบอกไม้ไผ่ตักน้ำขิงสีแดงออกมาแล้วราดลงบนเต้าฮวย กลิ่นของน้ำขิงออกหวาน และสีของมันก็ทำให้เต้าฮวยนุ่มเนียนเรียบลื่นดูแดงเรื่อ อาหารในชามทอประกายสวยเหมือนทับทิมน้ำงามน่ามองเป็นอันมาก

รสฉุนของน้ำขิงเมื่อกินคู่กับเต้าฮวยที่มีรสอ่อน เกิดเป็นการจับคู่ของรสชาติที่แปลกใหม่ไม่ธรรมดา

“ให้เจ้าก่อนนะแม่หนู ระวังร้อนล่ะ” หญิงสูงวัยส่งชามเต้าหู้ให้เซียวเยียนอวี่พลางพูดกับนางอย่างอ่อนโยน

อีกฝ่ายรับมาชามอย่างระมัดระวัง

“เถ้าแก่ปู้ ช่วยถอดผ้าคลุมหน้าให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” ดวงตาใสเหมือนน้ำของเซียวเยียนหวี่หันไปมองปู้ฟาง นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่ารัก

ปู้ฟางจ้องไปที่เต้าฮวยในชามกระเบื้องเขม็งพลางเลียริมฝีปากด้วยความอยากกิน กิริยาของชายหนุ่มค้างเติ่งอยู่กลางอากาศเมื่อได้ยินคำขอของเซียวเยียนอวี่ แต่ก็ตอบกลับอีกฝ่ายอย่างใจลอยไปว่า “ได้”

เมื่อเขาเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก ผิวเรียบเนียนบอบบางของเซียวเยียนอวี่ก็เผยให้เห็นสู่สายตา ผิวของนางชุ่มชื้นเปล่งปลั่งเหมือนมีน้ำชุ่มฉ่ำไหลเวียนอยู่ภายใน ส่วนริมฝีปากแดงสวยก็เหมือนทับทิมน้ำงามที่เจียระไนโดยช่างฝีมือเอก นางทั้งสวยน่ารักน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณเถ้าแก่ปู้” มุมปากของเซียนเยียนอวี่ยกขึ้นเล็กน้อย ปรากฏเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าสวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์

ปู้ฟางรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางเอ่ยตอบเสียบนิ่ง “ยินดี”

เซียวเยียนอวี่ยิ้มเขิน จากนั้นก็ทำปากเป็นวงกลมเป่าเต้าฮวยน้ำขิงร้อนๆ พอชิมเข้าไปคำเล็กๆ ใบหน้าของนางก็แดงเรื่อขึ้นทันที ทำให้ดูสวยน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก

“พ่อหนุ่ม หยุดจ้องได้แล้ว นี่ของเจ้า” หญิงสูงวัยเย้าใส่ปู้ฟาง ทำให้ชายหนุ่มได้สติขึ้นมา เขาพยักหน้าให้อีกฝ่ายพลางใช้มือทั้งสองรับชามเอาไว้

ชามนั้นอุ่นเล็กน้อย ด้านในมีน้ำขิงสีแดงและเต้าฮวยสีขาวส่งกลิ่นหอมจนน้ำลายสอ สีแดงสวยทำให้รู้สึกอยากกินมากขึ้นไปอีก

ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกาย เขารู้สึกเหมือนตนเองได้กลับไปยังโลกก่อน ในความทรงจำพร่าเลือนของเขา ในซอยเล็กๆ นั้นมักมีหญิงชราหรือชายชรายืนขายเต้าฮวยที่กินแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่เสมอ

เซียวเยี่ยนอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ หยีตาเล็ก นางผ่อนลมหายใจร้อนออกมาทุกครั้งที่ส่งเต้าฮวยเข้าปาก ใบหน้าดูมีความสุขเป็นอันมาก

ปู้ฟางเม้มปากพลางมองไปที่เต้าฮวยน้ำขิงในชามของตนอีกครั้ง