ปู้ฟางตักเต้าฮวยผิวนุ่มเหมือนแพรไหมขึ้นมาเต็มช้อน น้ำขิงสีแดงที่ข้นเล็กน้อยไหลหยดลงจากขอบช้อนกระเบื้อง ไอร้อนสีขาวกระจายออกจากเนื้อเต้าฮวย มาพร้อมกลิ่นหอมละมุนควบคู่กับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของขิง

เขาส่งช้อนเข้าปาก รสสัมผัสอ่อนนุ่มลื่นละไมแพร่กระจายอยู่ในปาก แหวกว่ายไปตามลิ้น หยอกเย้าต่อมรับรสจนทำให้ชายหนุ่มถึงกับดวงตาเป็นประกาย น้ำขิงนั้นมีรสหวานเจือเผ็ดที่ปลายลิ้น มันแทรกผ่านลิ้นและฟันทำให้เขารู้สึกปลื้มปริ่มเป็นอันมาก

เต้าฮวยนุ่มนวลไหลเข้าช่องปากของเขา แล้วลื่นลงคอเข้าท้องไปโดยแทบไม่ต้องเคี้ยว ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นมาทันที

เมื่อปู้ฟางส่งคำแรกเข้าปาก ดวงตาของเขาก็หยีเล็กเช่นเดียวกับเซียวเยียนอวี่ ชายหนุ่มต้องยอมรับว่าอาหารจากแผงเล็กๆ ข้างทางของพ่อค้าแม่ขายอย่างท่านป้าคนนี้ มาพร้อมรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เสมอ รสชาติของมันถึงเครื่องต้นตำรับจนทำให้รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

ไม่นานชามของปู้ฟางก็ว่างเปล่า ความจริงป้าเจ้าของร้านให้เต้าฮวยมาเยอะทีเดียว แม้แต่เซียวเยียนอวี่ก็ยังกินหมดไปครึ่งชามเท่านั้น

ทว่าปู้ฟางกลับกินจนชามสะอาดไม่เหลือสักหยด ทว่าก็ไม่ได้แปลว่ารสชาติของเต้าฮวยจะยอดเยี่ยมไร้ที่เปรียบแต่อย่างใด หากเทียบกับน้ำแกงเต้าหู้หัวปลาที่ร้านเขาแล้ว ระดับความอร่อยยังจัดว่าห่างกันเป็นโยชน์ อย่างไรเสียวัตถุดิบที่ใช้ทำเต้าฮวยก็ไม่ใช่ของล้ำค่าหายาก แต่เคล็ดลับของมันอยู่ที่การกินแล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนรำลึกความหลังครั้งวันวานนั่นเอง

เป็นความรู้สึกสงบนิ่งราวกับได้ไหลไปตามกระแสธารของวันเวลา อ่อนโยนไม่ต่างจากสายน้ำแผ่วเบาที่ช่วยปลอบประโลมกายและใจ

ปู้ฟางเลียริมฝีปากขณะยังตกอยู่ในห้วงความคิด นี่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเวลาที่เขากินเต้าฮวยตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มดูน่ารักไร้เดียงสาขึ้นไม่น้อย

หญิงสูงวัยเจ้าของแผงมองปู้ฟางด้วยแววตาใจดี ริมฝีปากยิ้มบาง

“พ่อหนุ่ม เอาอีกชามสิ ข้ามีเยอะแยะเลยทีเดียว”

“ข้าพอแล้ว ขอบคุณท่านป้ามาก เต้าฮวยของท่านอร่อยจริงๆ” ปู้ฟางยกมุมปากขึ้นยิ้มอบอุ่น แต่ก็ดูแข็งทื่อไปในเวลาเดียวกัน…

สวรรค์โปรด! เถ้าแก่ปู้ยิ้ม!

เซียวเยียนอวี่เกือบสำลักเต้าฮวยที่เพิ่งส่งเข้าปาก เถ้าแก่ปู้ที่ปกติหน้าตาตายด้านเหมือนถูกฟ้าผ่าจนแข็งทื่อกำลัง… ยิ้ม!

นางมองจ้องปู้ฟาง ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจบอกไม่ถูก

“เจ้ามองอะไร” ปู้ฟางหันไปมองหญิงสาวหน้าตายพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกลับมาเป็นคนเย็นชาคนเดิมแล้ว เซียวเยียนอวี่ก็ยิ้มออกมา หญิงสาวตัวสั่นเทิ้มขณะหัวเราะดังลั่น

จากนั้นเซียวเยียนอวี่ก็รีบกินเต้าฮวยในชามจนหมดแล้วส่งชามกระเบื้องเปล่ากลับให้ป้าเจ้าของแผง

ปู้ฟางหยิบเหรียญทองออกมาส่งให้หญิงสูงวัย

“พ่อหนุ่ม นี่เยอะเกินไปแล้ว ให้ข้าแค่เหรียญทองแดงเดียวก็พอ” เมื่อเห็นเหรียญทองที่ปู้ฟางยื่นให้ นางก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที ราคาเต้าฮวยสองชามไม่ได้แพงถึงเพียงนั้น

ปู้ฟางชะงักไป แต่ก็ส่ายหน้ายัดเหรียญทองใส่มืออีกฝ่ายพร้อมพูดสำทับ “ท่านป้า ข้าคิดว่าเต้าฮวยของท่านมีมูลค่าหนึ่งเหรียญทอง”

เต้าฮวยของร้านนี้ทำให้ปู้ฟางได้รับความรู้สึกที่แปลกใหม่ เขาไม่คิดว่าเหรียญทองที่ตนเองให้ไปเกินจริงแม้แต่น้อย หากอาหารที่กินเข้าไปมีคุณภาพแย่ เขาย่อมพ่นข้อผิดพลาดออกมายืดยาว… และไม่มีวันยอมจ่ายถึงหนึ่งเหรียญทองแน่นอน

การยืนกรานกระต่ายขาเดียวของเซียวเยียนอวี่และปู้ฟางทำให้หญิงสูงวัยเจ้าของแผงต้องยอมจำนนในที่สุด สุดท้ายนางก็รับเหรียญทองมาอย่างระมัดระวัง นางเป่ามันเล็กน้อย ขัดเงานิดหน่อย แล้วใส่เหรียญเข้ากระเป๋าไป

เหรียญทองหนึ่งเหรียญนับเป็นเงินจำนวนมากสำหรับนาง แน่นอนว่านางต้องเก็บมันอย่างดี

ป้าเจ้าของแผงอยากเติมเต้าฮวยให้พวกเขาอีก แต่ทั้งสองปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นมาเพื่อหาอาหารอร่อยจานต่อไป

หญิงเจ้าของแผงมองทั้งสองเดินลับไปแล้วยิ้มออกมาอย่างใจดี

บนถนนที่มีชีวิตชีวาของเมืองนครใต้ กลิ่นอาหารน่าอร่อยลอยฟุ้งในอากาศ ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที

“เถ้าแก่ปู้ ต่อไปข้าจะพาท่านไปลองปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู อาหารท้องถิ่นต้นตำรับที่สุดของเมืองนครใต้” เซียวเยียนอวี่สวมผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง ปิดบังใบหน้าสวยเหมือนนางฟ้าจากสายตาผู้คนตามเคย

ทั้งสองเดินต่อไปจนไม่นานก็มาถึงตึกที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไร้ความโดดเด่น

ร้านอาหารนี้มีสองชั้น ด้านในดูเก่าคร่ำคร่าพอตัว ป้ายที่ห้อยอยู่ตรงประตูเขียนว่าร้านหอมหวนชวนเมา

ลายพู่กันของชื่อร้านเขียนด้วยตัวอักษรที่ดูมีชีวิตชีวาแต่ก็คลุมเครือเล็กน้อย โดยรวมทำให้ผู้อ่านรู้สึกสบายใจพอตัว เป็นฝีแปรงของคนที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา

“ร้านหอมหวนชวนเมา สามคำนี้เป็นฝีพู่กันของจักรพรรดิฉางเฟิ่ง สมัยที่พระองค์เสด็จมายังเมืองนครใต้และมีโอกาสได้เสวยปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู พระองค์เสนอขอเป็นผู้เขียนป้ายร้านให้ แต่ตอนแรกกลับถูกปฏิเสธ เนื่องจากตอนนั้นพระองค์ปลอมตัวเดินทางท่องเที่ยวอย่างคนทั่วไป จึงไม่มีใครทราบตัวตนที่แท้จริง เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจมากทีเดียว” เซียวเยียนอวี่เล่าเรื่องราวให้ชายหนุ่มฟังขณะที่ทั้งสองเดินเข้าร้านมา

ภายในร้านเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่ทั้งเข้ามาและออกไป กลิ่นหอมของอาหารฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ

“บริกร พวกข้าขอโต๊ะที่ชั้นสองได้หรือไม่” เซียวเยียนอวี่เรียกบริกรคนหนึ่งที่มีผ้าขนหนูสีขาวพาดบ่า

ตอนแรกบริกรคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ผู้ที่สามารถจ่ายราคาอาหารที่ชั้นสองได้ต้องเป็นคนมั่งมีอย่างแน่นอน เนื่องจากอาหารที่ชั้นสองราคาแพงกว่าชั้นแรกมาก

แต่ปู้ฟางกับเซียวเยียนอวี่ดูไม่ได้สนใจความแตกต่างของราคาแม้แต่น้อย ที่ชั้นแรกมีคนเยอะเกินไป ทำให้น่าจะหาโต๊ะไม่ได้เร็วๆ นี้ ทั้งสองอยากรีบตรงไปที่ชั้นสองมากกว่า

พวกเขาเดินตามบริกรขึ้นบันไดไม้ที่ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด จนไปถึงชั้นสองในที่สุด

บนชั้นสองแคบกว่าชั้นล่างเล็กน้อย แต่กลับโล่งกว่าเป็นไหนๆ มีโต๊ะอยู่มากหลาย หลายโต๊ะมีคนจับจองแล้ว

ทั้งสองเดินไปนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะข้างราวลูกกรง ปู้ฟางหันหน้าไปมองข้างล่างแล้วก็เห็นถนนหนทางจ้อกแจ้กจอแจของเมืองนครใต้ที่แสนฟู่ฟ่า มีทั้งโคมไฟแต่งถนน ผู้คนมากมาย นักแสดงมากพรสวรรค์ สาวงาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะจินตนาการได้

“บริกร ข้าขอสั่งปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูกับตับห่านในน้ำซอส ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยเจ้าเลือกให้พวกข้าเลยก็ได้” เซียวเยียนอวี่กะพริบตาน้อยๆ ขณะเอ่ยสั่งอาหาร ทำเอาบริกรมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์

แต่เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้รวดเร็วพลางรู้สึกกระดากเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป

“ปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูทำมาจากปลาตัวอ้วนที่จับได้ในแม่น้ำตรงนอกเมืองนครใต้นี่เอง ปลานี้เป็นอสูรเวทระดับสอง แต่มีเนื้ออวบอ้วนและมีกลิ่นหอมน่ากิน เมื่อนำไปประกอบอาหาร เนื้อจะถูกแล่เป็นชิ้นบางๆ อร่อยมากเลยทีเดียว” เซียวเยียนอวี่วางศอกไว้บนโต๊ะพลางเอามือสวยบอบบางเท้าคางเชิดหน้าขึ้นะ นางกะพริบตาคู่งาม จ้องมาที่ปู้ฟาง

ชายหนุ่มพยักหน้า ใจนึกไปถึงภาพชาวประมงกำลังตกปลาอยู่นอกเมืองตอนที่เขาเดินเข้าเมืองมา ปลาตัวอ้วนใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำดูน่กินเป็นอันมาก

ทั้งสองพูดคุยอีกสักพัก จากนั้นบริกรก็กลับมาพร้อมอาหารที่สั่ง จานแรกที่มาถึงเป็นตับห่านในน้ำซอสบนจานกระเบื้อง

“ร้านหอมหวนชวนเมาไม่ได้ทำตับห่านในน้ำซอสออกมาได้อร่อยที่สุด แต่ก็ใกล้เคียงกับสูตรต้นตำรับมาก เถ้าแก่ปู้ลองชิมดูก่อนก็ได้ ถือเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่ดี” เซียวเยียนอวี่เปิดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยเหมือนนางสวรรค์อีกครั้ง หญิงสาวยิ้มกว้างให้ปู้ฟาง

บริกรที่นำอาหารมาให้พวกเขามองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงตั้งสติไม่อยู่ เขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลยในชีวิต

แต่ชายหนุ่มก็ตั้งสติได้ในที่สุด แล้วเดินไปยกอาหารมาเพิ่มด้วยสีหน้าเก้อเขิน

ปู้ฟางหยิบตะเกียบขึ้นมาจากโต๊ะแล้วคีบตับห่านชิ้นเล็กในน้ำซอสสีแดงเข้มขึ้นมา น้ำซอสทำมาจากเครื่องเทศหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และมีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย

เนื้อของตับห่านไม่แข็งแต่ค่อนข้างสู้ฟัน เมื่อกัดเข้าไปก็พบว่ารสชาติของมันเข้มข้นมาก รสแหลมผสานกับน้ำซอสเปรี้ยวจัดจ้านทำให้ปู้ฟางดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

นี่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยประเภทเย็น ซึ่งรักษารสชาติดั้งเดิมของตับห่านเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ได้หายไปเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เลวเลยใช่ไหมเล่า” เซียวเยียนอวี่ยิ้ม นางเองก็คีบตับห่านขึ้นมาส่งเข้าปากไปเช่นกัน ตับห่านของร้านนี้ไม่ได้มีชื่อเท่าปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู แต่ก็มีรสชาติอร่อยทีเดียว ทุกคนที่มากินที่ร้านนี้มักสั่งตับห่านเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนเสมอ

“รสชาติดีทีเดียว อาหารจานเย็นนั้นไม่ต้องใช้ทักษะการควบคุมความร้อน แต่ต้องใช้ความสามารถในการทำน้ำซอสและการหั่นตับห่าน ซอสนี้มีสูตรเด็ดลับเฉพาะซึ่งอร่อยสมชื่อ ส่วนทักษะในการบั้งตับห่านนั้น ข้าต้องบอกว่าพอใช้” ชายหนุ่มประเมินอย่างตรงไปตรงมา

ตับห่านจานนี้ทำให้เขานึกถึงอาหารอีกจาน ซึ่งก็คือหวานเย็นแท่งตับมังกร มันเป็นรางวัลจากระบบที่เขาได้มาหลังบรรลุปราณครั้งล่าสุด แต่กลับยังไม่มีโอกาสได้ลองทำ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องหาเวลาศึกษามันดูเสียหน่อยแล้ว

ตับห่านในน้ำซอสจานนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจอาหารประเภทเย็นขึ้นมา

หลังจากส่งตับห่านเข้าปากอีกสองสามชิ้น ปู้ฟางก็วางตะเกียบลงเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยมา ชายหนุ่มหันหน้าไปมอง แล้วก็เห็นจานอาหารใหญ่เบ้อเริ่มที่บริกรกำลังยกมาให้

บริกรวางจานอาหารขนาดมหึมาลงตรงกลางโต๊ะพลางถอยหลังไปพร้อมประกาศชื่ออาหาร “นี่คือปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูที่ลูกค้าสั่ง ขอให้กินให้อร่อยขอรับ อาหารเรียกน้ำย่อยจานอื่นๆ พ่อครัวของเรากำลังเตรียมอยู่ ระหว่างนี้พวกท่านสนใจรับสุราสูตรต้นตำรับของร้านเราหรือไม่ขอรับ”

“หมายถึงน้ำพุธารมังกรน่ะหรือ ได้สิ เอามาเหยือกหนึ่งก็แล้วกัน” เซียวเยียนอวี่ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังตอบตกลง แม้นางจะไม่สนใจอยากชิมสุราอื่นหลังจากได้ดื่มสุราของร้านเล็กๆ ของฟางฟางไปแล้ว แต่น้ำพุธารมังกรก็ยังเป็นสุราขึ้นชื่อของเมืองนครใต้ หากไม่ได้ชิมสักจอกคงน่าเสียดายแย่

ปู้ฟางเองดูไม่ได้แยแสสุราที่ว่านี้เลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูตรงหน้า

จู่ๆ สมุดบันทึกก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือในมโนจิตของชายหนุ่ม เขาก้มลงมองอย่างไม่รู้ตัว พลิกหน้าปก แล้วก็เห็นคำที่เขียนอยู่ในหน้าแรก

“อาหารจานแรกที่บันทึกไว้ ปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู”