ตอนที่ 280

เสน่ห์คมดาบ

ชีอ้าวชวางไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง นางมุ่งไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ผ่านกำแพงคริสตัลใหญ่ด้านหลังของคามิลล์และผ่านร่างของคนที่อยู่ในกำแพงคริสตัลไป 

 

 

ตอนที่ชีอ้าวชวางทะลุผ่านไป ร่างของคามิลล์ก็สลายเป็นละอองและหายไปโดยที่ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนสง่างามขณะเดียวกันคนที่อยู่ข้างในกำแพงคริสตัลใหญ่ก็หายไปเช่นกัน 

 

 

ชีอ้าวชวางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้งแววตาของนางยังคงไม่ละความมุ่งมั่นและแน่วแน่ภาพที่เห็นตรงหน้าได้เปลี่ยนไปแล้วมันคือบันไดหินทอดยาวที่นำไปสู่สถาบันดวงดาวนั่นเอง 

 

 

‘เมื่อวานวันนี้พรุ่งนี้อะไรจริงอะไรเท็จ’ 

 

 

คำพูดของโจนาธานก้องอยู่ในหูชีอ้าวชวาง 

 

 

โจนาธาน แท้จริงแล้วเมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ นั้นล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น อดีตเกิดขึ้นแล้ว ปัจจุบันกำลังดำเนินอยู่อนาคตก็ต้องมาถึงดังนั้นแล้วอะไรคือเท็จเล่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นเท็จเลยทุกอย่างล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น 

 

 

ภาพลวงตาเมื่อครู่ก็คือความจริงเช่นกันแต่นั่นคืออนาคตคือสิ่งที่ชีอ้าวชวางอยากเห็นมากที่สุด 

 

 

ที่แท้สิ่งที่เห็นทั้งหมดเมื่อครู่ก็คือการประเมินในรอบที่สามหรอกหรือ 

 

 

ประเมินจิตใจของคนเราว่ามั่นคงหรือไม่… 

 

 

ตอนที่ชีอ้าวชวางมาถึงประตู พวกไดทันส์ทั้งสามคนก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ชีอ้าวชวางไม่ใช่คนแรกที่ผ่านการประเมิน คนแรกที่มาถึงคือหญิงชุดแดงที่มีกลิ่นอายสังหารคนนั้น ตอนนี้นางระงับกลิ่นอายสังหารลงแล้วและกำลังยืนรออยู่อย่างเงียบๆ 

 

 

“ว่าไง เจ้ามาแล้ว” โจนาธานทักทายชีอ้าวชวางก่อนเลยแต่ชีอ้าวชวางกลับแค่พยักหน้าและส่งเสียงอืมเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น 

 

 

ชีอ้าวชวางเหลือบมองสถาบันดวงดาวที่บอกว่าประตูสถาบัน แท้จริงแล้วไม่มีประตูเลย เพราะหลังจากขึ้นบันไดมาก็เป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไพศาลกลางทะเลสาบเป็นแผ่นหินแกรนิตสองแผ่นใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวสลับกันไปมาราวกับลิฟต์น้ำเคลื่อนที่ที่แปลกก็คือใต้แผ่นหินขนาดใหญ่ไม่มีสิ่งใดมารองรับเลยมันแค่ลอยเคลื่อนที่ไปมาในอากาศอย่างบางเบาบนผิวน้ำเท่านั้น 

 

 

ไม่นานเหล่าศิษย์ที่ผ่านการประเมินก็ทยอยมาถึงกันทีละคนบางคนก็มีสีหน้าผ่อนคลายบางคนก็เหงื่อท่วมไปหมดอย่างเหน็ดเหนื่อยเห็นได้ชัดว่ามีบางคนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะสามารถตื่นขึ้นจากภาพลวงตานั้นได้ทารีน่าก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่นเช่นกันแม้ว่าศิษย์สำนักเทียนต้าวอื่นๆ บางคนจะรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมากแต่พวกเขาทั้งหมดก็ผ่านมาได้ต้องบอกว่านี่คือความมหัศจรรย์จริงๆ 

 

 

ถึงกระนั้นคนที่ผ่านก็มีเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าร่วมการประเมินรอบที่สามเท่านั้นตอนนี้เหล่าศิษย์ที่ไม่ผ่านจะเป็นเช่นไรก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากังวลเลย 

 

 

“ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมาลงทะเบียนทางนี้พร้อมรับป้ายชื่อของตัวเองไป” โจนาธานยิ้มและพาทุกคนไปทางทะเลสาบเขายืนอยู่บนแผ่นหินที่เพิ่งหยุดเคลื่อนที่และสายตาเขาก็จับจ้องไปทางชีอ้าวชวางชีอ้าวชวางเดินตามไปจากนั้นคนอื่นๆ เดินตามไปเช่นกันแผ่นหินขนาดใหญ่ดูว่างเปล่าเล็กน้อยหลังจากที่ทุกคนไปยืนอยู่บนนั้น 

 

 

แผ่นหินหยุดชั่วขณะและหลังจากที่ทุกคนขึ้นแล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้งชีอ้าวชวางประหลาดใจแผ่นหินนี้ลอยได้โดยที่ข้างล่างไม่มีสิ่งใดรองรับอยู่เลยทั้งยังไม่รู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ใดๆ สถาบันดวงดาวทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน 

 

 

แผ่นหินสองฟากของทะเลสาบมรกตทำให้เกิดระลอกคลื่นบางครั้งก็มีปลากระโดดขึ้นจากน้ำอารมณ์หน่วงๆ ของทุกคนก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ หายไปบางคนก็เริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกัน 

 

 

ชีอ้าวชวางมองไปยังทะเลสาบมรกตอันเงียบงันรู้สึกราวกับมีสายตาจับจ้องมาชีอ้าวชวางรู้ว่าใครศิษย์ของสำนักเทียนต้าวคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าที่ชื่อทารีน่าคนนั้นแต่ก็ไม่อยากที่จะเข้าไปซักถามอะไรเพราะตอนนี้ร่างของนางเป็นผู้ชายนางไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเกินไปคนอื่นอาจจะเข้าใจผิดเอาได้ 

 

 

พอข้ามพ้นทะเลสาบมรกตไปสิ่งที่เห็นคือจัตุรัสกว้างใหญ่ด้านหน้าของจัตุรัสเป็นอาคารใหญ่โตโอ่อ่าราวกับพระราชวัง 

 

 

หลังจากที่นักเรียนใหม่ได้รับการยืนยันตัวตนเรียบร้อย ไดทันส์กก็ไม่ได้เป็นผู้นำทางอีกต่อไปแล้วและไม่ใช่อาจารย์ของสถาบันดวงดาวเช่นกัน แต่เป็นคนชุดสีเทาที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นเป็นผู้พาพวกเขาไปยังหอพัก หอพักมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนมีอาคารทั้งหมดสิบหลังแต่ละอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งเป็นของนักเรียนชายอีกส่วนเป็นของนักเรียนหญิงมีประตูทางเข้าคนละประตูกันอาคารหลังแรกสำหรับนักเรียนใหม่และนักเรียนที่ยังไม่ผ่านการทดสอบขั้นหนึ่งดาวผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีสถานะต่ำที่สุดอาคารหลังที่สองเป็นที่อยู่อาศัยของนักเรียนที่ผ่านการทดสอบขั้นหนึ่งดาวและระดับอื่นๆ ต่อไปตามลำดับดังนั้นอาคารสุดท้ายที่มีสภาพแวดล้อมหรูหรางดงามที่สุดและสภาพที่ดีที่สุดจึงยังคงว่างเปล่าไม่มีผู้อาศัยอยู่เลยจนถึงตอนนี้อาคารหลังนี้เป็นเป้าหมายของการต่อสู้ดิ้นรนของนักเรียนหลายคนและเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและสถานะอันสูงส่ง 

 

 

หนึ่งห้องพักสองคนผู้ที่อยู่ร่วมห้องของชีอ้าวชวางเป็นคนรูปร่างผอมที่ดูเคร่งขรึม ทั้งสองทักทายกันอย่างเรียบง่ายหลังจากรู้จักชื่อของกันและกันแล้วก็ไม่มีการสนทนาใดๆ อีก ผู้ที่มีบุคลิกเช่นนี้ช่างเหมาะกับที่ชีอ้าวชวางต้องการเลยหากได้คนที่มีนิสัยเหมือนกับโจนาธานชีอ้าวชวางจะต้องปวดหัวแน่ทุกคนมีเตียงที่สะดวกสบายโต๊ะทำงานชั้นวางหนังสือและตู้เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าจะมีเสื้อผ้าตามฤดูกาลทั้งสี่ฤดูซึ่งชุดของแต่ละฤดูจะมีให้สองชุด 

 

 

ผ่านการประเมินแล้วก็ยังมีค่าเล่าเรียนที่แสนแพงอีกแต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชีอ้าวชวางต้องกังวลอัลทัสจัดการให้นางก่อนเดินทางแล้ว ก่อนจะมาอัลทิสยังมอบบัตรคริสตัลให้ชีอ้าวชวางอีกหลายใบจำนวนเงินในบัตรมีเท่าไหร่นั้น สามารถคาดเดาได้จากเสียงที่ออกจากปากของเขาเลย 

 

 

อัลทิสพูด “ใช้เลยเงินพวกนี้ข้าให้เจ้าใช้หากใช้ไม่หมดข้าจะคิดบัญชีเจ้า” ตามด้วยสีหน้าเศร้า “ข้าไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก ข้าเกลียดที่เงินเยอะ” ช่างดูเป็นลูกผู้ดีมีเงินจริงๆ 

 

 

อันที่จริงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกินอยู่ที่สถาบันดวงดาวเลย เพราะทุกอย่างนั้นได้รวมอยู่ในค่าเล่าเรียนที่แสนแพงแล้ว แต่โพ่เทียนก็ยืนกรานที่จะให้ชีอ้าวชวางรับบัตรคริสตัลเหล่านี้มาโดยอ้างว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต ชีอ้าวชวางจดจำความช่วยเหลือของโพ่เทียนไว้ในใจเสมอ 

 

 

จากการทดสอบคุณลักษณะชีอ้าวชวางถูกจัดให้อยู่ในชั้นเรียนธาตุลมชายผอมคนนั้นก็อยู่ในชั้นเรียนนี้เช่นกันบนผนังของหอพักมีแผนที่ขนาดใหญ่ที่ระบุทุกอย่างเกี่ยวกับสถาบันดวงดาวไว้อย่างชัดเจนบางพื้นที่เป็นสีเขียวบางพื้นที่เป็นสีแดงและมีเครื่องหมายกากบาทขนาดใหญ่พื้นที่สีเขียวสามารถเข้าออกได้พื้นที่สีแดงหมายความว่าเป็นพื้นที่เฉพาะไม่สามารถเข้าและออกได้ตามอำเภอใจ 

 

 

การทำความคุ้นเคยกับบริเวณสถาบันเป็นเรื่องที่นักเรียนใหม่ต้องศึกษาเองการเข้าหรือไม่เข้าชั้นเรียนก็เป็นความรับผิดชอบของนักเรียนเองทุกปีจะมีการทดสอบพลังของนักเรียนในระดับชั้นเดียวกันสิบคนสุดท้ายจะถูกลดระดับลงเช่นนักเรียนระดับแปดดาวสิบคนสุดท้ายจะถูกลดลงมาเหลือระดับเจ็ดดาวเป็นต้นสำหรับนักเรียนที่ระดับพลังต่ำสุดที่ไม่มีแม้แต่ระดับหนึ่งดาวสิบคนสุดท้ายของการทดสอบก็จะถูกถอดชื่อออกจากสถาบัน 

 

 

ระบบนี้ทำให้ชีอ้าวชวางค่อนข้างชื่นชมหากไม่มีแรงกดดันก็ไม่มีแรงจูงใจสถาบันดวงดาวทำได้ดีมากในเรื่องนี้นักเรียนที่ถูกไล่ออกสามารถเข้ารับการประเมินอีกครั้งเพื่อเข้าเรียนในสถาบันได้ความท้าทายนี้เป็นเหมือนการกระตุ้นให้คนเกิดการพัฒนา 

 

 

หลังจากพักผ่อนได้สักครู่แล้วชายร่างผอมก็ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียนสีขาวที่ห้องอาบน้ำแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ ในเวลานี้ชีอ้าวชวางก็ท้องร้องขึ้นมาจึงนึกได้ว่าถึงเวลากินข้าวแล้วดูท่าทางเพื่อนร่วมชั้นของนางก็คงไปกินข้าวกันแล้วชีอ้าวชวางมองแผนที่บนผนังแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ติดป้ายชื่อไว้ที่หน้าอกแล้วเดินตรงไปที่โรงอาหาร 

 

 

สถาบันแห่งนี้มีโรงอาหารเพียงแห่งเดียวแต่ทางทิศตะวันออกของสถาบันจะมีถนนเส้นหนึ่งที่นั่นมีร้านค้ามากมายและมีร้านอาหารที่หรูหราที่สุดด้วย 

 

 

ตอนนี้ถึงเวลาอาหารแล้วมีผู้คนมากมายเข้าออกโรงอาหารแต่โรงอาหารขนาดใหญ่กลับดูไม่แออัดเลยทั้งยังดูเป็นระเบียบอย่างยิ่งด้วย 

 

 

ชีอ้าวชวางรับอาหารที่ช่องของร้านค้าตามปกติแล้วนั่งลงในมุมที่ไม่มีคนอาหารตรงหน้านั้นมีเนื้อสัตว์สองอย่างมังสวิรัติสองอย่างและยังมีซุปเข้มข้นให้อีกดูดีเลยทีเดียวชีอ้าวชวางหยิบมีดและส้อมขึ้นมาแล้วค่อยๆ เพลิดเพลินไปกับอาหารตรงหน้า 

 

 

เวลานี้ทารีน่าและผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทางประตูโรงอาหารพอดีทารีน่าเห็นชีอ้าวชวางที่มุมโรงอาหาร ชายหนุ่มผมสีแดงสะดุดตาแต่ใบหน้าเรียบนิ่งกำลังนั่งกินอาหารกลางวันอยู่อย่างเงียบๆ 

 

 

“ทารีน่า มีอะไรหรือ”ผู้หญิงข้างๆ งุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นทารีน่าหยุดกะทันหัน จึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ 

 

 

“อ๋อไม่มีอะไรหรอกไปกันเถอะ ไปกินข้าวกันยูเนีย” ทารีน่าหันหน้าไปยิ้มให้หญิงสาวข้างๆ ที่เพิ่งได้เจอกันเพื่อนร่วมห้องผู้มีนิสัยโอบอ้อมอารี ไม่นานพวกนางก็เป็นเพื่อนกันแล้ว 

 

 

“อืม ข้าได้ยินมาว่าอาหารที่สถาบันดวงดาวอร่อยมากพวกเราไปลองกันเถอะ” นางพูดอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย 

 

 

ทารีน่ายิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปรับจานอาหารที่ช่องรับพร้อมกับยูเนียพอรับมาแล้วก็หันไปเห็นคนสองสามคนเดินไปทางชีอ้าวชวางด้วยสีหน้าดูไม่เป็นมิตร 

 

 

ในเวลาเดียวกันนี้เสียงกระซิบก็ดังมาถึงหูของทารีน่าและยูเนีย 

 

 

“จุ๊ๆ เด็กผมแดงนั่นเป็นนักเรียนใหม่ใช่หรือไม่” 

 

 

“พูดไร้สาระไปได้เธอ ไม่เห็นหรือว่าเด็กนั่นมีบัตรติดที่หน้าอก” 

 

 

“มิน่าล่ะ เขาซวยแล้วละ ไอ้บ้าลีดส์นั่นยิ่งชอบรังแกเด็กใหม่อยู่” 

 

 

“นี่ พูดเบาๆ หน่อย ตอนนี้เจ้าอยู่แค่ระดับห้าดาวแต่ลีดส์อยู่ระดับหกดาวนะ มันไม่ใช่เรื่องของเราอย่าพูดมาก” 

 

 

“เด็กนั่นโชคร้ายจริงๆ อาจจะเป็นเพราะสีผมที่ไปสะดุดตาเขาเข้า” 

 

 

“ใบหน้ารูปงามนั่นอีก…” 

 

 

สีหน้าของทารีน่าเปลี่ยนไปทันทีนักเรียนระดับหกดาวกำลังจะสร้างปัญหาให้เขาที่เพิ่งเข้าสถาบันเนี่ยนะทารีน่ากัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดในฐานะศิษย์เทียนต้าวนางไม่สามารถยืนมองเฉยๆ ได้แน่นอนเห็นๆ กันอยู่ว่านักเรียนที่เข้ามาใหม่จะต้องรับมือกับนักเรียนระดับหกดาวไม่ได้แน่นอนนางควรทำอย่างไรดี