ตอนที่ 181 เปลี่ยนตัว

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 181 เปลี่ยนตัว

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไร้ความสามารถ หลันซินเข้าไปในเรือนคุณหนูสามแล้วมิได้ออกมาอีกเลย หรือนางไปทำให้คุณหนูสามมิชอบใจจึงถูกกักตัวไว้ที่นั่นเจ้าค่ะ”

หลันซินกลายเป็นหมิงซิน นางฝึกลอกเลียนแบบท่าทางในชีวิตประจำวันของหมิงซิน แม้กระทั่งน้ำเสียงล้วนมิมีความแตกต่าง

โชคดีที่นางเคยฝึกวิชาเลียนเสียงมาก่อนเข้าจวนโหว มิฉะนั้นนางคงมิโดนหลี่ซื่อเลือกให้มาทำงานนี้

 เมื่อได้ฟังคำของหลันซิน ใบหน้าของอันหลิงเกอก็เคร่งขรึมทันที “น้องหญิงสามมิกล่าวอันใดสักคำก็กักตัวสาวใช้ในเรือนของข้า ช่างล้ำเส้นเกินไปแล้ว”

 หลันซินมีใบหน้าลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวเสริม “หรือพวกเราจักไปที่เรือนคุณหนูสามเพื่อถามให้รู้เรื่องดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”

 เดิมทีบ่าวในจวนโหวถูกดูแลและควบคุมโดยเจ้าของเรือน หลันซินไปเรือนของอันหลิงอีแต่ยังมิกลับมา แน่นอนว่าหลันซินต้องถูกกักตัวไว้แล้ว

อันหลิงเกอกำลังจักไปเรือนอันหลิงอี แต่มีสาวใช้เข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “เรียนคุณหนูใหญ่ สาวใช้เรือนคุณหนูสามมาขอพบท่านเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังหลันซินก็หัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ ในแววตาของนางแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย “คุณหนูกำลังจักไปที่เรือนคุณหนูสาม แต่พวกนางก็มาพอดีเลยเจ้าค่ะ”

ท่าทีและคำกล่าวของหลันซินช่างเหมือนกับหมิงซินยิ่งนัก

หลายวันมานี่หลันซินพยายามสังเกตพฤติกรรมของหมิงซินเพื่อเลียนแบบนิสัยยามอยู่ข้างกายอันหลิงเกอ รวมไปถึงงานปกติที่ต้องทำให้อันหลิงเกอ มีงานส่วนไหนบ้าง นิสัยการพูดจาเป็นเยี่ยงไร สิ่งเหล่านี้นางศึกษาจนเข้าใจดีแล้วจึงกำจัดหมิงซินตัวจริงออกไป

แต่น่าสงสารหมิงซินผู้นั้นที่คิดว่าตนฉลาด ตอนนี้ได้กลายเป็นผีเฝ้าทะเลสาบไปแล้ว

ในตอนนี้แววตาของหลันซินแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย ด้านหนึ่งเลียนแบบหมิงซิน อีกด้านหนึ่งรู้สึกดูถูกหมิงซิน

เมื่อได้ฟังคำรายงาน แววตาของอันหลิงเกอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ให้คนไปนำตัวสาวใช้ของอันหลิงอีเข้ามาในเรือน

“คารวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

ผู้มาเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งที่คอยอยู่ข้างกายอันหลิงอี เมื่อเดือนก่อนเพิ่งถูกยกตำแหน่งขึ้นจากสาวใช้ขั้นสองมาแทนตำแหน่งว่างของไป๋อวี่หรือฉู่หยูนั่นเอง

นางคำนับอันหลิงเกออย่างเคารพและให้เกียรติแล้วเอ่ยออกมา “หลายวันก่อน บ่าวเห็นสาวใช้ในเรือนของคุณหนูใหญ่ถกเถียงกับท่าน วันนี้นางยังแอบเข้ามาที่เรือนของคุณหนูสามด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อีกด้วยเจ้าค่ะ มิรู้ว่านางได้ทำอันใดไปบ้าง น่าเสียดายที่สาวใช้ผู้นั้นปิดหน้าไว้ทำให้มองโฉมหน้ามิออก คุณหนูสามยังคิดว่าเป็นโจรจึงสั่งคนทุบตีนางจนตาย ภายหลังถึงได้ทราบว่านางเป็นสาวใช้ของคุณหนูใหญ่ ดังนั้นคุณหนูสามจึงสั่งให้บ่าวมาขอโทษคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวเยี่ยงนั้น ว่ากันว่าบ่าวมีนิสัยตามเจ้านาย แต่บ่าวผู้นี้มิได้หลอกง่ายเช่นอันหลิงอี เพียงฟังคำกล่าวมิกี่คำก็รู้ว่ามิธรรมดา

ในคำกล่าวของสาวใช้ผู้นี้บอกว่าคนของอันหลิงอีทุบตีสาวใช้ของนางจนตาย อีกด้านก็ตำหนิสาวใช้เรือนฉีอู๋ว่าทำตัวน่าสงสัยจนนำไปสู่ความตายเอง มิแน่ว่าเรื่องนี้อาจเป็นเพราะนางดูแลคนอย่างหละหลวมจึงส่งผลให้เกิดเรื่องขึ้น

หากพูดให้ร้ายแรงกว่านี้ก็เหมือนกับสาวใช้กำลังบอกว่านางเป็นผู้ส่งคนไปที่เรือนอันหลิงอีโดยมีแผนการบางอย่าง

ทว่าคุณหนูสามรู้ทันจึงให้คนตีสาวใช้ของนางจนตาย หลังจากตีเสร็จถึงได้ยอมรับผิดและส่งคนมาขอโทษ

เพียงมิกี่คำของสาวใช้ผู้นี้ก็สามารถกล่าวหานางว่ามีความผิด ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าอันหลิงอีรู้จักกาลเทศะ สาวใช้ที่เฉลียวฉลาดเยี่ยงนี้ถูกนำมาเป็นบ่าวข้างกายอันหลิงอี ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

ความหมายของสาวใช้ผู้นี้แสดงไว้อย่างชัดเจนว่าได้ตีสาวใช้จากเรือนฉีอู๋จนตายไปแล้ว ภายนอกมาแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ ทำให้นางมิอาจจัดการกับเรื่องนี้ได้

เพียงแค่สาวใช้ขั้นสองผู้หนึ่ง ในเรือนนี้มีมากจนมิขาดแคลน หากนางปะทะกับอันหลิงอีเพียงเพราะสาวใช้เพียงผู้เดียว ฮูหยินผู้เฒ่าจำต้องตำหนินางว่ามิรู้จักใจกว้างอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น อันหลิงเกอก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาแต่แววตาเรียบนิ่ง “ถ้าเยี่ยงนั้นข้าต้องขอบคุณน้องหญิงสามที่ช่วยข้าจัดการคนใช่หรือไม่ ? ”

“มิกล้าเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวทำตามกฎมาโดยตลอด ครั้งนี้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นจึงเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ บ่าวมาเพราะได้รับมอบหมายจากคุณหนูสามให้มาขอโทษคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” สาวใช้ยังคงยิ้ม มิว่าถูกอันหลิงเกอจ้องด้วยสายตาเย็นชาเพียงใด นางก็ทำราวกับมองมิเห็น

อันหลิงเกอรู้สึกโกรธแต่มิรู้จักระบายอารมณ์เยี่ยงไร เป็นเหตุให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมาว่า “ช่างเถิด สาวใช้ผู้นั้นเดิมทีก็มิได้ซื่อสัตย์กับข้า ในเมื่อน้องหญิงสามจัดการไปแล้วก็ให้คนฝังศพนางเถิด”

ที่แท้คุณหนูใหญ่ก็มิได้เห็นนางอยู่ในสายตาจริง ๆ

หลันซินคิดอยู่ในใจ จากนั้นมือก็กำเข้าหากันแน่น แววตาแฝงไปด้วยความโกรธแค้น

เดิมทีนางทำงานให้คุณหนูใหญ่ด้วยใจ แต่คุณหนูใหญ่มิเคยเห็นค่าของนางแม้แต่น้อย

โชคดีที่ฮูหยินรองพบนางแล้วเห็นความสำคัญ มิฉะนั้นจักมีวันใดที่นางได้เชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย อนาคตสามารถแต่งงานกับพ่อบ้านกลายเป็นนายหญิงที่ร่ำรวยได้

แม้หลันซินคิดเช่นนี้ แต่กล่าวออกมาอีกอย่าง “คุณหนูเจ้าคะ หลันซินผู้นั้นทำผิด ท่านกลับปล่อยนางไปโดยง่าย ถึงตอนนี้ยังให้คนฝังศพนางอีก ท่านใจอ่อนเกินไปแล้วอาจโดนผู้อื่นรังแกได้นะเจ้าคะ”

น้ำเสียงที่กล่าวออกมาของหลันซินช่างเหมือนหมิงซินยิ่งนัก อันหลิงเกอมิได้สงสัยอันใดเลย “สาวใช้ผู้นั้นตายไปแล้ว ถือว่าเรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้วเช่นกัน”

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็ถอนหายใจยาวออกมาแล้วมองไปยังสาวใช้ของอันหลิงอี “เจ้ากลับไปบอกน้องหญิงสามว่าให้นางส่งคนฝังศพสาวใช้ผู้นั้นให้ดี เรื่องนี้ก็ถือว่าแล้วไปเถิด”

สาวใช้ตอบรับอย่างให้เกียรติ จากนั้นก็เดินออกไป

ในเมื่อนางหันหลังจากไปแล้วจึงมองมิเห็นแววตาดำมืดของอันหลิงเกอเพราะแววตานั้นถูกขนตายาวบดบังจึงมิมีผู้ใดทันสังเกต

ปี้จูบ่นหลังจากที่สาวใช้นางนั้นจากไปได้มินาน “สาวใช้ของคุณหนูสามวาจาช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทำให้บ่าวมิรู้ควรเริ่มกล่าวจากตรงไหนทีเดียว คำดีคำร้ายล้วนถูกนางแย่งพูดไปจนหมดแล้วเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้า ปี้จูที่ยืนบ่นอยู่ข้างกายจึงรีบนำหมอนอิงสีน้ำเงินขาวลายดอกโบตั๋นมาไว้ด้านหลังให้นั่งพิงแล้วรินน้ำชาร้อนให้ จากนั้นปี้จูก็หันไปทางหมิงซิน “ปกติเจ้าฝีปากเก่งที่สุด เหตุใดวันนี้จึงกล่าวเอาชนะคนของคุณหนูสามมิได้ คงมิใช่เพราะถูกผู้อื่นเปลี่ยนตัวไปแล้วหรอกนะ ? ”

เดิมทีปี้จูแค่พูดเล่น มิได้มีใจกล่าวโทษหมิงซินแต่อย่างใด แต่คำว่าเปลี่ยนตัวกลับทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรงขึ้นมาทันที ในดวงตามีความหวาดกลัวฉายชัด

“เจ้าพูดบ้าอันใด สาวใช้ของคุณหนูสามฝีปากเก่งกล้าจริง ข้าคงทะเลาะกับนางมิได้ เช่นนั้นจักเอาหน้าของคุณหนูใหญ่ไปไว้ที่ใด ? ”

หลันซินพยายามสงบใจ น้ำเสียงเรียบนิ่งจนแทบจับสังเกตมิได้

อันหลิงเกอเห็นพวกนางกำลังโต้เถียงกันจึงโบกมือให้พวกนางถอยออกไป “ช่างเถิด แค่สาวใช้ที่หักหลังเจ้านายเพียงผู้เดียวโดนน้องหญิงสามตีตายก็แล้วไปสิ พวกเจ้าจักได้มิต้องระแวงนางด้วย นี่ก็ค่ำแล้วพวกเจ้าออกไปเถิด”