ตอนที่ 182 ยังมิตาย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 182 ยังมิตาย

อันหลิงเกอมองผู้ที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า หลังจากนั้นแววตาก็เผยความอ่อนโยนและดีใจขึ้นมา

“คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

หมิงซินยืนอยู่ตรงหน้าอันหลิงเกอ นางสวมเพียงชุดขาวตัวในเท่านั้นส่วนเสื้อผ้าด้านนอกโดนถอดออกตอนที่หลันซินผลักลงทะเลสาบ

แม้เป็นเช่นนั้นอันหลิงเกอก็ยังดูออกว่าคนที่ยืนตรงหน้าต่างหากเป็นหมิงซินตัวจริง

อันหลิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเห็นเส้นผมและเสื้อผ้าของหมิงซินยังเปียกน้ำอยู่ นางจึงเดินไปเอาเสื้อของตนมาสวมให้หมิงซิน

“นี่เจ้าตกน้ำได้อย่างไร ? ”

อันหลิงเกอถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้เดาได้ว่าอันหลังอีมีแผนการบางอย่างแต่คาดมิถึงว่าจักใช้กลยุทธ์ต้นหลิวตายแทนต้นท้อเยี่ยงนี้ อันหลิงอีอยากให้หมิงซินตายในทะเลสาบอย่างเงียบ ๆ แล้วให้หลันซินแปลงกายเป็นหมิงซินเพื่ออาศัยในเรือนฉีอู๋

หากมิได้มีการป้องกันเอาไว้ก่อน ครั้งนี้หมิงซินอาจโชคร้ายจริง ๆ ก็ได้

หมิงซินเห็นท่าทางเป็นห่วงของอันหลิงเกอก็ยิ้มออกมาราวกับมิได้เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ “โชคดีที่คุณหนูรู้ว่าหลันซินมิน่าไว้ใจจึงให้บ่าวเตรียมตัวเอาไว้ก่อน วันนี้หลังจากหลันซินวางยาบ่าวก็มีหญิงชราผู้หนึ่งนำหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาให้นาง อีกทั้งพวกนางยังร่วมมือกันโยนบ่าวลงไปในทะเลสาบเจ้าค่ะ”

หมิงซินเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดวงตาฉายแววภาคภูมิใจในตนเอง “แต่พวกนางหลงลืมไปอย่างหนึ่งว่าในเมื่อคุณหนูเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ บ่าวในฐานะสาวใช้คนสนิทของคุณหนูจักมิพกยาแก้พิษติดตัวไว้บ้างหรือ ? ตั้งแต่หลันซินเริ่มวางยา บ่าวก็เริ่มกลั้นหายใจและแกล้งหมดสติล้มไปที่พื้น จากนั้นแอบกินยาแก้พิษที่ซ่อนเอาไว้ ดังนั้นการหมดสติของบ่าวจึงเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น ทำให้ทุกคำที่พวกนางสนทนากันและเรื่องที่พวกนางกำลังทำ บ่าวรู้หมดแล้วเจ้าค่ะ ”

หมิงซินมีนิสัยซื่อตรงพึ่งพาได้ น้อยครั้งที่จักมีความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในตนเองราวกับเด็กน้อยเช่นนี้ อันหลิงเกอเผยรอยยิ้มจาง ๆ “เกรงว่าพวกนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามาจากเขตชิงเหอถนนเจียนหนาน คนที่นั่นว่ายน้ำเก่งมาก แม้อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ก็ยังเอาชีวิตรอดได้”

เนื่องจากชานเรือนของอันหลิงอีติดทะเลสาบ อันหลิงเกอจึงคาดการแผนของอันหลิงอีจากความรู้สึก ซึ่งบังเอิญกับหมิงซินว่ายน้ำเก่งมาก ฉะนั้นอันหลิงเกอจึงมอบเรื่องนี้ให้หมิงซินไปทำ แต่ผู้ใดจักรู้ว่าแผนการของอันหลิงอีเป็นดั่งที่คาดเอาไว้จึงทำให้หมิงซินรอดมาได้

“คุณหนูเจ้าคะ แล้วปี้จูรู้เรื่องนี้หรือไม่ หากนางโดนหลันซินหลอก…”

หมิงซินนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แววตาพลันเกิดความกังวลสุดแสน

อันหลิงเกอยกยิ้มให้พร้อมบอกให้นางวางใจ “แม้ว่าปี้จูฉุนเฉียวง่ายไปบ้าง แต่นางรู้จักสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น เจ้ามีนิสัยใจคอเยี่ยงไรนางย่อมรู้ดีแก่ใจ หลันซินเพิ่งเลียนแบบเจ้าได้มิกี่วัน ท่าทางเต็มไปด้วยช่องโหว่และแน่นอนว่าปี้จูย่อมรู้สึกได้จึงมิใกล้ชิดกับหลันซินเท่าไร ก็มีแต่หลันซินคนเดียวเท่านั้นที่หลงนึกว่าตนทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ คิดว่าสามารถหลอกพวกเราทุกคนได้”

คาดมิถึงว่าคุณหนูใหญ่มองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหลันซินมิใช่นาง ทำให้ดวงตาของหมิงซินฉายแววดีใจจากก้นบึ้งของจิตใจออกมา

พวกนางล้วนคาดมิถึงว่าข้างกายหลี่ซื่อจักมีผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้ากากหนังมนุษย์และคาดมิถึงว่าหลันซินจักมีวิชาเลียนเสียง สามารถเลียนเสียงผู้อื่นได้ แต่ในขณะเดียวกันพวกหลี่ซื่อก็คาดมิถึงว่าหมิงซินว่ายน้ำเก่ง มิเพียงยังมิตายแต่ยังแข็งแรงอีกด้วย

ในตอนนี้ปล่อยให้หลันซินปลอมเป็นตัวนางก็เพราะต้องการใช้แผนซ้อนแผน ล่อเสือออกจากถ้ำเท่านั้น

เพื่อให้หลันซินเชื่อว่าการปลอมตัวยังมิโดนจับได้ ช่วงนี้หมิงซินจึงมิสามารถปรากฏตัวขึ้นในเรือนฉีอู๋ อันหลิงเกอจึงดึงตัวหมิงซินให้เข้ามาใกล้ จากนั้นกระซิบบางอย่างข้างหู หลังจากนั้นหมิงซินก็พยักรับอย่างจริงจัง

เมื่อตอนกลับมาที่เรือน นางต้องหลบหลีกผู้คนเช่นไรเมื่อกลับออกไปก็ต้องหลบหลีกสาวใช้ในเรือนฉีอู๋เช่นนั้น เพราะหมิงซินมีหน้าที่แบ่งงานให้บ่าวในเรือน นางจึงล่วงรู้วิธีหลบหลีก ดังนั้นจึงมิมีใครสักคนพบเห็นตัวนาง

หลายวันผ่านไป เมื่อพบว่าในวันรุ่งขึ้นจักเป็นวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า หลันซินที่ปลอมตัวเป็นหมิงซินก็ทนมิไหว นางแสร้งกล่าวออกมาว่า “คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของท่านฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว คุณหนูต้องการตรวจสอบของขวัญที่เตรียมไว้หรือไม่เจ้าคะ ? ”

นางมิรู้ว่าอันหลิงเกอได้เตรียมของขวัญอันใดไว้บ้าง ดังนั้นคำกล่าวของนางจึงคลุมเครือ หากมิตั้งใจฟังก็มิพบความผิดปกติ

แต่อันหลิงเกอรู้ความจริงตั้งนานแล้ว แน่นอนว่ามิถูกหลอก

“ไม่ ข้าเก็บของขวัญไว้ดีแล้ว หากตรวจสอบของขวัญแล้วไปกระแทกจนเกิดความเสียหายขึ้นมาก็มิมีเวลาหาของขวัญชิ้นใหม่อีก” อันหลังเกอปิดตำราในมือลง ปี้จูจึงรีบยกน้ำชามาให้

อันหลิงเกอกล่าวอย่างจงใจก็พบว่าใบหน้าของหลันซินเกิดความกังวลเล็กน้อยดังคาด “บ่าวคิดว่าควรตรวจสอบดีกว่าเจ้าค่ะ หากของขวัญมีปัญหา คุณหนูจักได้มีเวลาแก้ไข”

จากการสังเกตหลันซินมาหลายวันนี้อันหลิงเกอพบว่าหลันซินปกปิดตัวตนได้ค่อนข้างดี มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่กล่าวถึงเรื่องของขวัญอย่างผิดปกติ

เมื่อนางตริตรองก็พบว่าหลันซิน ไม่สิ หรือจักบอกว่าเป้าหมายของหลี่ซื่อและอันหลิงอีคือของขวัญในครานี้

พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของฮูหยินใหญ่แล้ว หลันซินมิมีโอกาสเข้าใกล้ของขวัญแม้แต่น้อยจึงมิแปลกที่วันนี้จักรู้สึกร้อนรน

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น อันหลิงเกอก็ส่งสายตาให้ปี้จู ความหมายมีแต่ปี้จูและอันหลิงเกอสองคนเท่านั้นที่รู้กัน

“หมิงซิน เจ้าช่างระมัดระวังเกินไปแล้ว คุณหนูเตรียมของขวัญมาตั้งนาน ทั้งยังส่งคนไปเฝ้าไว้โดยเฉพาะแล้วจักเกิดเรื่องผิดพลาดได้เยี่ยงไร ? ” ปี้จูทราบจากอันหลิงเกอเรื่องหลันซินแปลงกายเป็นหมิงซินแล้ว หลายวันนี้ก็มิได้มีพิรุธออกไป พอได้รับการส่งสายตาของอันหลิงเกอ นางจึงให้ความร่วมมือ

ในเมื่อพวกนางมิยอมนำของขวัญออกมา หลันซินจึงมิรู้ว่าของขวัญอยู่ที่ใดและมิสามารถลงมือได้ ดวงตานางกวาดไปมาทำหน้าราวว่าเป็นห่วงอันหลิงเกอ “บ่าวก็แค่เป็นห่วง หากคุณหนูกลัวว่าเอาของขวัญออกมาแล้วกระแทก เช่นนั้นให้บ่าวไปดูว่าของขวัญเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”

หลันซินพยายามกล่าวออกมาเพื่อให้รู้ว่าของขวัญที่อันหลิงเกอเตรียมไว้คือสิ่งใดเพราะหลี่ซื่อเพียงแค่ให้นางแฝงตัวอยู่ข้างกายอันหลิงเกอและสืบหาให้แน่ชัดว่าอันหลิงเกอเตรียมของขวัญอันใดไว้ให้ฮูหยินผู้เฒ่า พอถึงตอนนั้นแค่ส่งข่าวให้หลี่ซื่อ ส่วนเรื่องที่เหลือมิจำเป็นต้องให้นางเข้าไปยุ่ง

อันหลิงเกอกล่าวเช่นนั้นก็เพียงอยากให้หลันซินรู้สึกร้อนรนและกังวลใจ เพราะอีกฝ่ายไปพึ่งพาฝังหลี่ซื่อและอันหลิงอีสองแม่ลูก สำหรับนางแล้วหลันซินก็คือผู้ทรยศและเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ นางจักมิลงมือกับหลันซิน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักมิสร้างปัญหาให้หลันซินเช่นกัน

ตอนนี้หลันซินกล่าวออกมาก็เห็นได้ชัดว่าร้อนใจแล้ว มีแต่ได้เห็นของขวัญแล้วนำไปบอกหลี่ซื่อ หลี่ซื่อจึงสามารถลงมือได้ง่าย แล้วอันหลิงเกออาจสามารถจับแผนการของหลี่ซื่อได้ด้วย

ท่าทางคิดหนักของอันหลิงเกอทำให้หลันซินรู้สึกประหม่าไปหมด หลังจากเป็นกังวลอยู่นานสุดท้ายอันหลิงเกอก็เอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ให้ปี้จูพาเจ้าไปดูแล้วกัน แต่ห้ามนำของขวัญออกมาเด็ดขาด”

หลันซินมิรู้ตำแหน่งที่วางของขวัญ อันหลิงเกอจึงให้ปี้จูไปกับนางด้วย