บทที่ 268: จูบแห่งโชคชะตา

“ที่รัก เมื่อคืนนอนไม่หลับงั้นเหรอ?”

ภายใต้แสงแดดอันสดใสในยามเที่ยง สาวงามผมสีน้ำตาลแดงมองดูเด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขณะถาม

โรเอลกำลังนวดช่องว่างระหว่างคิ้วของตน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของชาร์ล็อต เขาก็เงยหน้าขึ้นหาดวงตาสีมรกตใสของเธอ เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

“ประมาณนั้นแหละ เมื่อคืนนี้ฉัน… ฝันร้าย”

“ฝันร้าย?”

“อืม มันเป็นฝันร้ายที่แปลกมาก”

โรเอลตอบด้วยรอยยิ้มที่ตึงเครียดพลางจ้องมองลงไปยังทิวทัศน์ที่อยู่ข้างใต้

ปัจจุบันทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของ หอคอยท้องฟ้าสีคราม ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนการค้า เดิมที่นี่เคยเป็นหออุตุนิยมวิทยา แต่ภายหลังได้รับการตกแต่งใหม่ให้กลายเป็นร้านอาหารสุดหรู

ร้านอาหารนี้ให้บริการเฉพาะชนชั้นสูง โดยมีเพียงที่นั่งกลางแจ้งที่ประกอบด้วยโต๊ะสองตัวในแต่ละระเบียงทั้งสี่ด้าน เปิดให้บริการเฉพาะเวลาอาหารเช้าและอาหารเย็น ซึ่งหมายความว่ามีลูกค้าเพียงสิบหกรายในแต่ละวัน

แม้จะมีฐานลูกค้าที่เล็ก แต่รายได้ของ หอคอยท้องฟ้าสีครามก็ยังคงติดอันดับหนึ่งในสามของร้านอาหารสุดหรูทั้งหมดภายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอาหารและบริการของที่นี่มีราคาแพงเพียงใด

แน่นอนว่าหอคอยท้องฟ้าสีครามนี้มีจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้ราคาที่สูงเสียดฟ้าดูมีเหตุ เช่น ทัศนียภาพอันสวยงามของอาคารเรียนและพ่อครัวระดับแนวหน้าของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล

โรเอลคงจะชอบการมารับประทานอาหารที่นี่ร่วมกับชาร์ล็อตแน่ ถ้าหากพวกเขานัดเจอกันที่นี่เมื่อวาน แต่ในวันนี้เมื่อมองลงไปยังทิวทัศน์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เพราะมันทำให้เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสถาบันแห่งนี้ในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขาเห็นเมื่อคืน

ฝันร้ายเมื่อคืนทำให้โรเอลมีคำถามมากมายในใจ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาที่ว่างเปล่า คนชุดดำที่น่าสะพรึงกลัว เสียงกระซิบของภาษาลึกลับ และเตียงที่ว่างเปล่า เขาไม่สามารถหาคำตอบสำหรับคำถามใด ๆ เหล่านี้ได้ และการตระหนักว่าเขาไม่ได้ทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียงของการใช้สัมผัสธารน้ำแข็งเองก็ทำให้เขายิ่งสับสนเกี่ยวกับธรรมชาติของฝันร้ายที่ตนเผชิญเขาไปอีก

มันเป็นการชี้นำของแหวนกุหลาบดำ หรือเป็นเพียงแค่ฝันร้ายกันแน่?

ถ้ามันเป็นการนำทางของแหวน มันต้องการให้เราทำอะไรกันแน่? เราต้องหาเบาะแสรวบรวมความจริง หรือเอาชนะสัตว์ประหลาดเหล่านั้นกัน?

ท้องถนนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา กลับเงียบสงัดในความฝันของโรเอล มันเป็นความแตกต่างที่สั่นสะเทือนจนทำให้เขาอึดอัด

ทันใดนั้นโรเอลก็ตื่นจากความงุนงง ด้วยมืออุ่น ๆ ที่แตะลงบนแก้มของเขา

“ที่รัก มีอะไรที่เจ้ากังวลรึเปล่า”

“หืม?”

โรเอลลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าชาร์ล็อตได้เดินเข้ามาหา เธอมองมาที่เขาด้วยสายตากังวลอย่างสุดซึ้ง ทำให้เด็กหนุ่มรีบปรับสภาพจิตใจและอธิบายถึงเรื่องนี้

“เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ และบทเรียนที่ฉันเรียนในตอนเช้าเองก็ค่อนข้างยากน่ะ”

“อาจารย์คริส เป็นที่รู้จักในเรื่องชั้นเรียนที่ยากลำบากของเธอ ดังนั้นข้าเกรงว่า ข้าคงจะช่วยเจ้าไม่ได้มากเท่าไหร่นัก”

ชาร์ล็อตพูดขณะนั่งลงบนขาของโรเอล

เด็กสาวโอบแขนรอบคอของโรเอล ความอบอุ่นในระยะใกล้ทำให้แก้มของเด็กหนุ่มแดงขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะผลักเธอออกไป เนื่องจากเขาเคยชินกับความใกล้ชิดนี้จากการผจญภัยที่มีร่วมกันเมื่อปีที่แล้ว

“แต่ถ้าเป็นเรื่องฝันร้ายล่ะก็ ข้าน่าจะช่วยได้นะ”

“หืม? หมายถึงในแง่ของการทำนายน่ะเหรอ?”

“ใช่แล้ว ความฝันเองก็จัดอยู่ในหมวดหมู่ของการทำนายเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นหนึ่งในสาขาที่ข้าเชี่ยวชาญ”

ชาร์ล็อตตอบพร้อมขยิบตา

จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปปิดตาของโรเอล

“อย่าขยับเชียวล่ะ นี่คือคาถาเวทที่จะปัดเป่าฝันร้ายออกไป”

“โอ้?”

โรเอลหลับตาอย่างเชื่อฟังตามคำสั่งของชาร์ล็อต อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตามมานั้นไม่ใช่คาถาเวท แต่เป็นการจูบที่ริมฝีปากของเขาอย่างอบอุ่น

“ชาร์ล็อต?”

“นี่คือจูบแห่งโชคชะตา มันมีผลอย่างยิ่งต่อผู้ที่ประสบปัญหาทุกข์ยากเช่นเจ้า ถ้าเจ้ายังต้องเผชิญกับฝันร้ายอีกล่ะก็ มาหาข้าสิ คราวหน้าข้าจะเตรียมวิธีที่ทรงพลังกว่านี้ไว้ให้”

ชาร์ล็อตตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบมาก ชวนให้นึกถึงพยาบาลที่เพิ่งฉีดยาให้กับคนไข้ ทัศนคติแบบมืออาชีพที่แปลกประหลาดของเธอได้ระงับความสงสัยทั้งหมดที่โรเอลมีอยู่ที่ปลายลิ้น

หืม? มีคาถาแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? แต่ก่อนหน้านี้มันไม่มีปฏิกิริยาของพลังเวทเลยนะ นี่เป็นคาถาเวทสายทำนายดวงชะตาที่ลึกลับมาก ๆ งั้นเหรอ… โอ้ เดี๋ยวก่อนนะ

“ชาร์ล็อต ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย… มีอาคารที่เกี่ยวข้องกับพวกโหราศาสตร์ในสถาบันของพวกเรารึเปล่า?”

“เหมือนหอคอยนี้ที่พวกเรากำลังนั่งอยู่งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว อะไรที่คล้าย ๆ กันกับที่นี่ ที่ชั้นสูงสุดมีลานเปิดโล่งที่ทำให้เห็นภาพรวมของเขตส่วนกลางทั้งหมด”

“เจ้ากำลังพูดถึงหอดูดาวเก่ารึเปล่า?”

ชาร์ล็อตถามพร้อมกับกะพริบตา

หอดูดาวเก่าที่ชาร์ล็อตหมายถึง คืออาคารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษอยู่เบื้องหลัง ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการทำนายเกี่ยวกับโหราศาสตร์ โดยชั้นบนสุดของมันมีลานกว้างอยู่ อย่างไรก็ตามมีอุปกรณ์เวทบางอย่างขัดข้อง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ที่นั่นถูกเลิกใช้งานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“ท่านย่าลอร่าบอกข้าว่าเธอต้องพยายามทำงานร่วมกับนักวิชาการโหราศาสตร์คนอื่น ๆ อย่างหนักกว่าจะต่อสู้ เพื่อได้สิทธิ์สำหรับหอดูดาวแห่งใหม่ มันเป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าในตอนนั้นเลยทีเดียว ด้วยเงินลงทุนจำนวนมากที่ต้องใช้สำหรับการสร้างมัน”

ชาร์ล็อตกล่าว

อย่างไรก็ตามมีเพียงสิ่งเดียวในใจของ โรเอลในตอนนี้

ทิวทัศน์ที่เราเห็นในความฝันมีอยู่จริง!

หอดูดาวเก่านั้นถูกทิ้งร้างไปนานแล้ว ทำให้ชั้นล่างใช้เป็นที่ทำการเท่านั้น โรเอลมั่นใจว่าเขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ควรนึกถึงสถานที่นั้นได้ในความฝันของเขา

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นั่นไม่ใช่แค่ฝันร้ายธรรมดา ๆ

การรับรู้นี้ทำให้หัวใจของโรเอลสั่นคลอน แต่เขาก็ยังสามารถปกปิดเอาไว้ได้ เมื่อนึกถึงการแสดงออกที่แปลกประหลาดของร่างในชุดดำและบทสวดที่คลุมเครือเหล่านั้น คำตอบก็เข้ามาในหัวของเด็กหนุ่ม

พวกนั้นน่าจะเป็นพวกคลั่งศาสนาหรือพวกนอกรีตจากเผ่าพันธุ์อื่น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นกลุ่มที่อันตรายอย่างยิ่ง เป้าหมายของพวกมันคืออะไร? การกระทำของพวกเขาใน ‘โลกนั้น’ จะส่งผลต่อความเป็นจริงหรือไม่?

หากผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายที่โรเอลพบนั้น สวดมนต์ไปที่กำแพงอันว่างเปล่าจริง ๆ เขาก็คงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ มันจะมีแค่นั้นจริง ๆ เหรอ?

โรเอลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ เขาตัดสินใจที่จะโยนความคิดอันน่าสะพรึงกลัวนี้ออกไปก่อน ตอนนี้เขามีข้อมูลน้อยเกินไป ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงการคาดเดาที่มืดบอด

เด็กหนุ่มรีบกลับสู่สภาพปกติและเริ่มสนทนากับชาร์ล็อตด้วยรอยยิ้ม แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับอนาคต สู้รับประทานอาหารอย่างมีความสุขใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งสวยงาม เพลิดเพลินไปกับเวลาอันมีค่าที่ได้ใช้ร่วมกับคู่หูดีกว่า

ความฝันที่โรเอลมีเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาอันเงียบงันทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญ ในทางกลับกันแล้วเขามีบางอย่างที่น่าหนักใจยิ่งกว่าเสียอีก

วันนี้เป็นวันที่ห้องเรียน ‘คริส’ ได้ต้อนรับโรเอลเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุด นอกจากลิเลียนที่เฉยเมยแล้ว บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและน่าดึงดูดใจ

เมื่อนับรวมโรเอลเข้าไปด้วย ห้องเรียน ‘คริส’ จึงมีสมาชิกสิบสองคน มีห้าคนในชั้นปีที่ 4 ที่กำลังยุ่งกับการร่ำเรียนเพื่อสำเร็จการศึกษา สามคนในชั้นปีที่ 3 และอีกสามคนในชั้นปีที่ 2 สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือทุกคนเป็นผู้หญิงทั้งหมด

ดังนั้น เมื่อพวกเธอตระหนักได้ว่ารุ่นน้องใหม่เป็นผู้ชายที่ดูดี และมีท่าทางที่อ่อนโยน อีกทั้งยังเป็นผู้ถือแหวน บรรยากาศก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในทันที

รุ่นพี่ทุกคนให้การต้อนรับโรเอลเป็นอย่างดีจนไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มาจากชั้นปีที่สอง อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เย็นชาของลิเลียน จึงไม่มีใครล่วงเกินขอบเขตและใกล้ชิดกับเขามากเกินไป นี่ทำให้โรเอลที่รับมือผู้หญิงไม่เก่งโล่งใจมาก

ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่หากพูดถึงบทเรียนแล้วล่ะก็ บทเรียนของห้องเรียน ‘คริส’ ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ มากมาย ซึ่งถือว่าโชคดีที่โรเอลนั้นยังสามารถจัดการกับหัวข้อส่วนใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามมีวิชาหนึ่งที่เขาประสบปัญหาอย่างหนัก นั่นก็คือวิชาคาถาเวทละเอียดอ่อน

“ไม่ว่าเธอจะเป็นช่างเทคนิคหรือทหารในอนาคต ความสามารถในการควบคุมพลังเวท เพื่อให้ได้คาถาเวทที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือทักษะสำคัญที่พวกเธอจะต้องเชี่ยวชาญ”

คริสจริงจังกับหัวข้อของวิชาคาถาเวทละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก เธอคาดหวังให้นักเรียนใช้พลังเวทในปริมาณที่น้อยที่สุดเพื่อสร้างคาถาเวท และลดอัตราการสูญเสียพลังเวทให้เหลือน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม นี่เป็นงานที่ยากมากสำหรับโรเอล

การอัญเชิญกรันด้า และเปตรา ใช้พลังเวทมากเกินไป เนื่องจากจำเป็นต้องได้รับการร่ายอย่างต่อเนื่อง มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมคาถานั้นด้วยความแม่นยำ

ด้วยเหตุนี้ โรเอลเลยเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่พลังการโจมตี พยายามทำลายล้างให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด

มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่โรเอลจะตกที่นั่งลำบาก เมื่อต้องควบคุมพลังเวทของตนอย่างละเอียดอ่อน นี่เหมือนกับการบอกคนตะกละที่เพิ่งกลืนอาหารลงไป ให้เริ่มควบคุมปริมาณแคลอรี่ให้อยู่ในระดับที่แม่นยำ!

ในตอนท้ายของคาบเรียน โรเอลมองดูเชือกพลังเวทที่หนาราวกับโซ่ในมือของตน ก่อนจะหันไปยังเส้นไหมเล็ก ๆ คล้ายผมในมือของลิเลียน ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่า ตนเองจะต้องเรียนซ่อมสำหรับวิชานี้

หากผู้ถือแหวนอย่างโรเอลสอบไม่ผ่าน ชื่อของเขาคงจะขึ้นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ของเช้าวันรุ่งขึ้นแน่ ซึ่งแม้ไม่ได้เห็นเขาก็สามารถจินตนาการได้เลยว่าพาดหัวข่าวจะเขียนว่าอย่างไร

‘เจ้าของสถิติสูงสุดใน ค่ำคืนแห่งปีศาจ สอบไม่ผ่าน! ความลำเอียงนี้มาจากคณาจารย์หรือจุดเริ่มต้นแห่งความหายนะของอัจฉริยะ?’

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

ที่แย่กว่านั้นก็คือ คริส ตั้งใจจะส่งจดหมายไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด ถ้าหากอลิเซียพบว่าโรเอลสอบตกล่ะก็ เขาคงจะต้องเสียศักดิ์ศรีในฐานะพี่ชายของเธอไปตลอดกาล!

อย่างน้อย ๆ โรเอลก็อยากจะรักษาชื่อเสียงของตนต่อหน้าอลิเซียเอาไว้ให้ได้!

ไม่นานนักก็ถึงเวลากลางคืน ในที่สุดโรเอลก็สามารถหยุดพักจากการเรียนทั้งหมด นักเรียนส่วนใหญ่เริ่มมุ่งหน้าไปยังถนนสำหรับนักชิมและถนนการค้า ทว่าเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งกลับกำลังเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม

โรเอลก้มศีรษะลง พยายามปกปิดตัวเองจากนักเรียนของ ‘ห้องเรียนของลอร่า’ และ ‘ห้องเรียนของเคทลีน’ ที่เดินผ่านไปมา เด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องเรียนที่14 ของตึก1 อย่างสุขุมแล้วเคาะประตูห้อง

“รหัสผ่าน”

แก้มของโรเอลกระตุกเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนเด็กที่กำลังเล่นเกมสายลับ โดยคิดรหัสผ่านเพื่อระบุตัวตนของกันและกัน เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความอับอายของตนก่อนที่จะบีบคำสองคำออกจากฟันที่กัดกัน

“ภารกิจของอาจารย์!”