ตอนที่ 166 ลอบสังหารอย่างไม่หยุดยั้ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

คนอื่น ๆ ต้องการที่จะตามไป ทว่าเกือบถูกเถาวัลย์ที่มีอยู่เกลื่อนพื้นจัดการเข้าเสียแล้ว

หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับกล่าว “สํานักโอสถของพวกเจ้าล้วนเป็นนักปรุงยาไม่ใช่หรือ ? จะไม่มีผู้ที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตอัคคีเลยหรืออย่างไร ?”

ตานกุนกรุ่นโกรธอย่างมาก “ถ้าหากพวกเราสำนักจี๋หั่วมีผู้บำเพ็ญภูตอัคคี เช่นนั้นคงได้ข่มเหงสำนักอัสนีลึกลับของเจ้าไปแล้ว จะปล่อยให้พวกเจ้ามาข่มเหงอยู่เรอะ”

หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับเกรี้ยวโกรธ เขากล่าว “ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเจ้าแล้ว มาคิดวิธีที่จะรับมือกับเถาวัลย์นี่กันเถอะ”

— ตูม!  ตูม! —

ทันใดนั้น มีคนบุกเข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง ซวนหยวนจือตะลึงตาค้าง

“บัดซบเอ๊ย! พันธมิตรเอียนหลัว สํานักจินติ่ง และนิกายเพลิงผลาญฟ้า  พวกนั้นมากันว่องไวได้ถึงเพียงนี้เชียวรึ ?” เดิมทีพวกเขาคิดจะฉวยโอกาสนี้เอาสมบัติประหลาดนั่นไปก่อนที่สํานักต่าง ๆ ในแคว้นชิงจะมาถึง ทว่าคนพวกนั้นมากันรวดเร็วยิ่งนัก

เวลานี้ชายวัยกลางคนผมแดงยิ้ม กล่าวขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ  คนของแคว้นจื่อเยี่ยช่างอ่อนแอนัก ถูกเถาวัลย์ขวางไว้อยู่ที่ทางเข้าเสียได้ ช่างน่าขันจริง ๆ  หลีกทางไปให้หมด!”

— ตูม! —

เปลวเพลิงที่เหมือนกับมังกรคลั่งพลันม้วนตัวเข้ามา ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุอัคคี ความแข็งแกร่งของเขารุนแรงอย่างที่สุด เขาเผาเถาวัลย์ที่อยู่รอบ ๆ จนเกลี้ยง

พวกเขาสูดลมเย็น ๆ เข้าไปเฮือกหนึ่ง ไฟสุดขั้วนั้นมีพลังมาก ไม่เสียทีที่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของแคว้นชิง

ภัยคุกคามจากเถาวัลย์ก่อนหน้านี้ถูกกำจัดไป พวกเขากล่าวอย่างเยือกเย็น “ไป!”

พื้นที่ใต้พื้นดินนี้กว้างขวางมากราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด  มู่เฉียนซีและพวกค้นหาที่นี่เป็นเวลานานมากแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย  มีความเป็นไปได้ว่าสมบัติประหลาดนั่นจมหายไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดรอดเร้นขึ้นมาแม้แต่น้อย

มู่เฉียนซีถามขึ้น “มู่อี พวกเราลงมาที่นี่ได้กี่วันแล้ว ?”

“สามวันแล้วขอรับ” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ “ข้ามาที่นี่นานมากแล้ว ไม่รู้ว่าท่านอาจะเป็นกังวลหรือไม่ สมบัติประหลาดอะไรนั่นไปอยู่ที่ไหนกัน ? มันคงเป็นแค่เรื่องหลอกคนกระมัง”

จวินโม่ซี “แม่สาวน้อย ใจเย็น ๆ อดทนหน่อยเถอะ”

มู่เฉียนซีพาคนตระกูลมู่เดินผ่านพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง แล้วจึงได้ยินเสียงการต่อสู้ลอยมาจากด้านหน้าชุดหนึ่ง

เวลานี้เอง ชายชราทั้งห้ากําลังปกป้องชายหนุ่มชุดขาว พวกเขาต่อสู้อยู่กับกลุ่มคนชุดดํา

ชายชรากล่าว “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ไปกันเถอะ”

เมื่อมู่เฉียนซีเห็นเด็กน้อยผู้นั้น พลันหมดคำพูดในทันใด ผู้นำของจวนกั๋วกง ไป๋มู่เฟิง เจ้าหนูนั่นก็มาเสี่ยงอันตรายที่นี่ด้วย

มู่เฉียนซีให้สัญญาณมือ กล่าวขึ้น “ลุย! เข้าช่วยเหลือ”

ชิงอิ่งกระโดดออกมาก่อน เขาลงมืออย่างดุดัน

— ตูม! —

ชายชุดดําเหล่านี้ตะลึงงัน “พวกเจ้าเป็นใคร ?! อย่าได้เข้ามาวุ่นวายให้สำนักเอียนหลัวของเราเสียเรื่อง!” การหาสมบัติในครั้งนี้ พันธมิตรเอียนหลัวก็มาด้วย  เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนบินผ่านมา มันปลิดชีวิตอย่างเงียบ ๆ

มู่อีและพวกฆ่าสังหารบุกฝ่าศัตรูเข้าไป ในชั่วพริบตา เขาฆ่าเหล่านักฆ่าไปบ้างบางส่วนแล้ว

ไป๋มู่เฟิง “ขอบคุณที่พวกท่านเข้าช่วยเหลือ…” “อ๊า!” เมื่อเขาได้เห็นภาพเงาสีม่วงที่คุ้นตา ทำให้ตกตะลึงไป

“ผู้นำตระกูลมู่ ที่แท้เป็นท่านเองหรือนี่! ท่านช่วยชีวิตข้าไว้สองคราแล้ว”

มู่เฉียนซี “เจ้ามาถึงที่แห่งนี้ ไม่กลัวอันตรายบ้างหรือ ?”

“ท่านปู่พาข้าออกมาฝึก หลังจากนั้นพวกท่านปู่ก็พบเจอเข้ากับฝูงหมาป่า เราเกิดพลัดหลงกัน ท้ายที่สุดแล้วข้าเจอนักฆ่าพวกนี้เข้า” ไป๋มู่เฟิงกล่าวอย่างทุกข์ร้อน

“จวนกั๋วกงเคลื่อนไหวแล้ว สมบัติล้ำค่านี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายแท้ ๆ” มู่เฉียนซีถอนหายใจ

ไป๋มู่เฟิงกล่าว “ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่จวนกั๋วกงส่งคนมาเท่านั้น ยังมีราชวงศ์ สํานักจินติ่ง สํานักเฟินเทียน และพันธมิตรเอียนหลัวก็ส่งคนมา พวกเขาบอกว่าสมบัติล้ำค่านี้เป็นยาวิเศษที่สามารถทําให้ผู้คนพัฒนาขึ้นไปยังระดับฮ่องเต้ได้”

การขึ้นระดับฮ่องเต้ ไม่ได้หมายความว่าได้เป็นจักรพรรดิของแคว้น แต่คือความแข็งแกร่งถึงระดับจักรพรรดิ

ขณะนั้นเอง จิตสังหารพุ่งเข้ามาหาเขา

มู่เฉียนซีรีบกล่าว “พาคุณชายน้อยของพวกเจ้าไปซะ!”

ทันใดนั้นเงาร่างสีดําปรากฏขึ้น ผู้นำของกลุ่มพวกนี้เป็นชายตาเดียวที่มีตาข้างหนึ่งถูกปกคลุมด้วยผ้าปิดตา

เขาชําเลืองมองมู่เฉียนซีและไป๋มู่เฟิงก่อนจะกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะโชคดีมาก จับแกะตัวใหญ่ได้ถึงสองตัว ผู้นําตระกูลมู่และคุณชายไป๋มู่เฟิง เจ้าทั้งสองล้วนเป็นเป้าหมายของภารกิจเรา  ลงมือ!”

สีหน้ามู่เฉียนซีเย็นชา นางกล่าวกลับไป “เหอะ! พันธมิตรเอียนหลัวของพวกเจ้าคงเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตแล้วกระมัง ถึงได้กล้าลงมือกับผู้นําตระกูลอย่างข้า!”

มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงและอู๋ตี้ออกมา ทั้งสองตัวพุ่งเข้าใส่ชายตาเดียวอย่างรวดเร็ว

กรงเล็บแมวแหลมคม กอปรกับเปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งเข้าใส่ชายตาเดียวในชั่วพริบตา เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

มู่เฉียนซี “วิ่งแยกกัน! เจ้าระวังตัวเองด้วย!”

“ได้! ท่านผู้นำตระกูลมู่ก็ระวังตัวด้วย!” ไป๋มู่เฟิงพยักหน้า เขารีบถอยไปด้านข้างภายใต้การคุ้มครองขององครักษ์ทั้งสองด้าน

นักฆ่าเหล่านั้นกล่าวขึ้น “ท่านรองผู้นํา พวกเขาทั้งสองแยกกัน พวกเราจะไล่ตามใครดี ?”

ชายตาเดียวกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ยังต้องถามข้าอีกรึ ?  ใครมีราคาสูงเจ้าก็ฆ่าคนนั้น รางวัลที่ฆ่าไป๋มู่เฟิงไม่ได้มากเท่าค่าหัวของผู้นําตระกูลมู่”

“ขอรับ!”

เห็นได้ชัดว่าชีวิตของมู่เฉียนซีมีค่าอย่างมาก นักฆ่าส่วนใหญ่ล้วนไปไล่จับนางกันจ้าละหวั่น

ทันใดนั้น ลมพายุพัดผ่านมาด้วยจิตสังหารอันเย็นยะเยือก คนผู้นี้เป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดัสอง การโจมตีนี้ไม่ใช่สิ่งที่จอมภูตระดับเล็ก ๆ จะสามารถต้านทานได้

เงาร่างชิงอิ่งพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซีเพื่อต่อต้านการโจมตีของชายตาเดียว

— ปัง! —

เสียงระเบิดดังสนั่น ชิงอิ่งถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร  มังกรตาเดียวมองชิงอิ่งด้วยความประหลาดใจ ชายสวมหน้ากากผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่ ?  บนร่างไม่มีคลื่นพลังวิญญาณหรือคลื่นพลังชีวิต กลับสามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้โดยง่าย

มังกรตาเดียวเรียกพวกพ้องของเขาให้มาล้อมมู่เฉียนซีไว้ ปากก็กล่าววาจาเย็นชา “ผู้นำตระกูลมู่ พวกข้ารู้ว่าเจ้ามีสิ่งของสำหรับช่วยชีวิตเจ้ามากมาย แต่วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

มู่เฉียนซีแค่นเสียง “เหอะ! ปากเจ้านี่ดีจริง ๆ  หากเจ้าสามารถก็ลองดู”

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ในตอนนั้นเอง นักฆ่าเหล่านี้ต่อสู้กับมู่เฉียนซี ชิงอิ่ง จวินโม่ และยังมีองครักษ์เงาของตระกูลมู่

มู่เฉียนซีโบกมือ เข็มยานับไม่ถ้วนบินออกไป  เข็มบาง ๆ เหล่านี้ทําให้นักฆ่าทั้งหลายตื่นตะลึง มู่อีและพวกก็ไม่รอช้า เปิดแขนเสื้อเอาหน้าไม้ เอาอาวุธลับออกมา  อาวุธลับและพิษพุ่งตรงเข้าใส่เหล่านักฆ่าราวกับดอกไม้ที่กระจัดกระจาย

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเยียบเย็น “ไปกันเถอะ!”

— ปัง! —

หมอกพิษรบกวนสายตาของพวกเขา เมื่อนักฆ่ามีปฏิกิริยากลับมา มู่เฉียนซีและพวกก็ถอยทัพออกไปแล้ว  …แต่ปัญหาเก่ายังไม่ทันจบสิ้น ปัญหาใหม่มาเกิดขึ้นอีก

หลบเลี่ยงนักฆ่าของเหล่าพันธมิตรเอียนหลัวแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่

สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ ดูเหมือนว่ามีผู้คนมากมายที่ต้องการให้นางตายในดินแดนลับนี้  แม้ว่าจํานวนของพวกเขามีเพียงสามสี่คน แต่แต่ละคนของพวกเขาล้วนอยู่ในระดับจักรพรรดิ

จวินโม่ซีเข้ามาตรงหน้า กล่าวว่า “มู่เฉียนซีเจ้ารีบไปเร็วเข้า! เป้าหมายของพวกมันคือเจ้า”

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือท่านผู้นําตระกูลมู่ ขอเพียงนางหนีไปก่อน ก็จะสามารถลดความกดดันจากพวกมันได้ การต่อกรกับยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเหล่านี้ การลอบโจมตีจะเป็นประโยชน์ต่อพวกนางมากกว่า

อู๋ตี้และเสี่ยวหงเปิดทางให้นาง มู่เฉียนซีอุ้มเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ รีบถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว

ฉับพลันทันใดเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น “จับมัน อย่าให้มู่เฉียนซีหนีไปได้!”

.