ตอนที่ 165 กองกำลังทั้งสี่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าววาจาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน “ดูเหมือนว่าสำนักนิกายใหญ่อย่างพวกท่านไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก อุตส่าห์พากันมาตั้งนานแล้ว กลับยังไม่เจออะไร”

จวินโม่ซี “มู่เฉียนซีสาวน้อย เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว  สำนักนิกายของพวกเขาอยู่ในระดับไหนกัน พวกเขามีความสามารถมากเท่าไหร่ นี่น่ะหรือสำนักนิกายใหญ่ที่ผู้คนร่ำลือฮือฮา”

นับตั้งแต่คราก่อนที่จวินโม่ซีพูดเสียดสีซวนหยวนหลี่เทียน มู่เฉียนซีก็เห็นความสามารถในการเสียดสียั่วยุโดยวาจาของจวินโม่ซีมากขึ้น

จวินโม่ซีกล่าวแทงใจดำอย่างตรงจุด ทำให้ราชวงศ์ซวนหยวนและเจ้าสำนักตานจี้โกรธเกรี้ยวขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผู้อาวุโสของสำนักตานจี้กล่าวขึ้นว่า… “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ในเมื่อเจ้าคิดว่าพวกเราไร้ความสามารถที่จะหาสมบัติแปลกประหลาดนั่นเจอ เช่นนั้นเจ้าก็ลองหาดูหน่อยเป็นไร”

เจ้าสำนักนิกายซวนเหลยกล่าว “ข้าได้ยินมา ผู้คนลือกันให้ทั่วว่าท่านผู้นำตระกูลมู่มีความสามารถเก่งกาจยิ่งนัก เช่นนั้นก็ลองหาดูได้เลย”

ซวนหยวนจือกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อืม… หากซีเอ๋อร์สามารถหาเจอ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว จะได้ช่วยคลายปมในใจพวกเราได้ด้วยว่าซีเอ๋อร์นั้นเก่งกาจจริง”

อวิ๋นซินหรานหันไปกล่าวถามคำถามกดดัน “ท่านผู้นำตระกูลมู่คงจะมั่นใจในตัวเองใช่หรือไม่”

กองกำลังทั้งสี่มุ่งเป้ามาที่มู่เฉียนซี  มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีหันมองหน้ากัน จากนั้นมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกท่านหาไม่เจอก็มาให้ข้าเป็นผู้ค้นหา หากข้าเป็นผู้ที่ค้นหาเจอ พวกท่านคงจะลงมือแย่งชิง เช่นนั้นข้าไม่ขาดทุนแย่รึ ?”

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางมั่นใจของนางต่างก็พากันไม่เชื่อ เจ้าสตรีอายุน้อยนี่ กล่าววาจาโอ้อวด โอหังนัก

ผู้อาวุโสของสำนักตานจี้กล่าว “หากเจ้าหาทางเข้าได้ ข้าจะมอบสูตรยาเจิ้นซานและสูตรยาวิญญาณวิเศษให้กับเจ้า”

เจ้าสำนักนิกายซวนเหลยกล่าว “หากเจ้าหาทางเข้าได้ ข้าก็จะมอบวรยุทธ์เจิ้นซานและเก้าสายฟ้าลี้ลับให้กับเจ้า ผู้นำตระกูลมู่”

เจ้าสำนักทั้งสองนิกายออกหน้าอย่างใจกว้างเสียจนราชวงศ์ซวนหยวนเกิดความลำบากใจ

ทว่าซวนหยวนจือจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปเป็นแน่ เขากล่าว “หากซีเอ๋อร์หาทางเข้าเจอ ต่อไปจากนี้การค้าสมุนไพรปรุงยาของราชวงศ์ ข้าก็จะมอบให้ตระกูลมู่เป็นผู้ดูแล”

นี่เป็นของล้ำค่ายิ่งนัก ดูเหมือนว่าราชวงศ์ซวนหยวนคงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงยอมทุ่มถึงเพียงนี้

อวิ๋นซินหราน “ได้ยินมาว่าท่านผู้นำตระกูลมู่สนใจในสมุนไพรวิญญาณยิ่งนัก ตระกูลอวิ๋นมีสวนสมุนไพรวิญญาณ ยินดีที่จะมอบให้ท่านผู้นำตระกูลมู่เช่นกัน”

มู่เฉียนซีมองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แต่ละคนเสนอของมีค่าน่าสนใจ แต่ละอย่างช่างยั่วยวนเย้าใจนางเสียจริง!

อวิ๋นซินหรานกล่าวต่ออีกว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเราต่างก็แสดงความจริงใจออกมาแล้ว ไม่ทราบว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะนำอะไรออกมาแสดงความจริงใจรึ ?”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าบอกข้ามาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าพวกเจ้าปรารถนาสิ่งใด”

อวิ๋นซินหราน “พวกเรามีกองกำลังสี่กอง หากท่านผู้นำตระกูลมู่มิอาจหาเจอได้ ตระกูลอวิ๋นต้องการทรัพย์สมบัติหนึ่งส่วนสี่ของตระกูลมู่”

ตานคุน “พวกเราสำนักตานจี้ต้องการส่วนแบ่งหนึ่งในสี่ของทรัพย์สมบัติตระกูลมู่เช่นกัน”

เจ้าสำนักซวนเหลยรีบกล่าว “ข้าก็เช่นกัน!”

ซวนหยวนชิงอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซวนหยวนจือดูราวกับผู้ไม่มีตัวตนในเวลานี้เลย เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความห่วงใย กองกำลังทั้งสี่กำลังบีบบังคับให้นางหมดหนทาง!  เฉียนซีแน่ใจหรือว่าจะหาทางเข้าเจอ ?

ในที่สุดซวนหยวนจือกล่าวขึ้นว่า… “ราชวงศ์ซวนหยวนก็ต้องการทรัพย์สมบัติหนึ่งส่วนสี่ของตระกูลมู่เช่นเดียวกัน”

ถึงอย่างไรเขาไม่สบายใจเลย เดิมทีแล้วทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่ทั้งหมดควรเป็นของราชวงศ์ซวนหยวน  มิใช่หรือ ?

ในวันนี้ราชวงศ์ซวนหยวนกลับยากจนเงินทอง ในเมื่อมีโอกาสจะได้ทรัพย์สินเหล่านั้นมา แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงหนึ่งส่วนสี่ มันก็เพียงพอที่จะนำมาบรรเทาทุกข์ได้ ดังนั้นเขาจึงจำใจต้องแบ่งกับคนเหล่านี้

หากรอให้เขาจัดการกับมู่อวู่ซวง ก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ บางทีกว่าจะจัดการกับมู่อวู่ซวงได้ ราชวงศ์ซวนหยวนอาจจะยากจนข้นแค้นจนไม่เหลืออะไรแล้วก็เป็นได้

ทันใดนั้นมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เพียงแค่กล่าววาจาอย่างเดียวคงไม่พอ เรามาทำสัญญาโลหิตกันจะดีกว่า”

พวกเขากล่าว “ไม่มีปัญหา สัญญาด้วยโลหิตไม่มีผู้ใดกล้ากลับคำเป็นแน่!”

พวกเขาได้เขียนสัญญาโลหิตว่า …หากมู่เฉียนซีสามารถหาที่ซ่อนสมบัติล้ำค่าได้ พวกเขาจะมอบสิ่งที่ได้กล่าวคำมั่นสัญญาเอาไว้เมื่อครู่นี้ให้กับมู่เฉียนซี แต่หากว่ามู่เฉียนซีไม่สามารถหาได้ ทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน  มอบให้กับพวกเขาแต่โดยดี

หลังจากเขียนสัญญาโลหิตเสร็จสิ้น อวิ๋นซินหรานกล่าว “อา… ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญเริ่มหาที่ซ่อนของล้ำค่านั้นได้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแข็งขัน “ได้!”

ปลายจมูกของนางขยับเล็กน้อย กลิ่นของยาเมื่อคืนจางหายไปมากแล้วในเวลานี้ ถึงแม้ว่าเจ้าสำนักตานจี้จะสัมผัสไม่ได้ ทว่ามู่เฉียนซีสัมผัสได้  ร่างกายของนางเคลื่อนไปที่ด้านซ้ายของหน้าผาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นท่าทีที่ดูเหมือนนางจะหาเจอ ต่างขมวดคิ้วขึ้นทันที

เป็นไปไม่ได้!  สตรีมู่ผู้นี้ไม่มีทางหาเจอเด็ดขาด นางเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นตบตาก็เท่านั้น

มู่เฉียนซีหยุดยืนอยู่กับที่ กล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง ถล่มตรงนี้เร็ว”

ร่างสีเขียวเคลื่อนไหวไปข้าง ๆ มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มลงมือ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ชิงอิ่ง กินเสียก่อนที่เจ้าจะลงมือ พลังจะได้เพียงพอ”

ชิงอิ่งกลืนยาระดับสองและยาระดับสามเข้าไปหลายขวดอย่างไม่เกรงใจ ผู้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกอกตกใจแทบเป็นลม

สวรรค์! ต่อให้ตระกูลมู่ร่ำรวยเงินทองเพียงใด แต่จะมากินยาระดับสองระดับสามมากมายเช่นนี้ไม่ได้ สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยเกินไปจริง ๆ

หลังจากที่ชิงอิ่งกลืนยาหมด เขาพลันระเบิดหมัดที่น่ากลัวออกมา

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เสียงระเบิดดังสนั่น ในที่สุดปากถ้ำถูกเปิดโดยชิงอิ่ง

“ข้าหาเจอแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมีชัย

สีหน้าของซวนหยวนจือเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “ซีเอ๋อร์ เจ้าระเบิดโพรงออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วบอกว่านี่คือทางเข้า เช่นนี้ไม่นับว่าหาเจอ”

มู่เฉียนซี “จะใช่หรือไม่นั้น เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง” กล่าวจบ นางโบกมือเรียกให้องครักษ์เงาทั้งหมดตามนางเข้าไป

ภายในถ้ำแห่งนี้มืดสนิท เมื่อมองเข้าไปดูเหมือนจะไม่มีทางสิ้นสุด ด้านหน้าเป็นเพียงทางตรงเท่านั้น ไม่มีทางที่ผู้เข้าไปจะหลงทางได้

ซวนหยวนจือ อวิ๋นซินหราน และคนอื่น ๆ  ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งใจไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะหาทางเข้าเจออย่างแท้จริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าเดินอยู่ในถ้ำแห่งนี้นานเท่าไหร่แล้ว  ในที่สุดพวกเขาก็เห็นทางออกเบื้องหน้า

มู่เฉียนซีเดินออกไปที่ทางออกนั้น  และแล้ว… ทุกอย่างกระจ่างชัดตรงหน้านาง  ทว่าในขณะที่นางก้าวออกไป เถาวัลย์ที่อยู่บนพื้นถ้ำเลื้อยเข้ามาพันขานาง กวาดนางไปทันที

นางตะโกนด้วยความตกใจ “ระวัง!”

— วิ๊ง! —

นางรีบฉวยเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา   ขณะที่จวินโม่ ชิงอิ่ง และองครักษ์เงาคนอื่น ๆ รีบตอบโต้ในทันที!

คนของราชวงศ์ซวนหยวน คนของสำนักตานจี้ และคนของสำนักซวนเหลยต่างรีบกุลีกุจอออกมา

สุดท้าย พวกเขาก็ต้องเผชิญกับการห้อมล้อมของเถาวัลย์นี้ด้วยเช่นกัน

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

กระบี่มังกรเพลิงมีอานุภาพที่ร้ายแรงยิ่งนัก มู่เฉียนซีสามารถใช้มันตัดเถาวัลย์ขาดออกไปอย่างง่ายดาย

มู่เฉียนซี “จวินโม่ซี ข้าลืมบอกเจ้าว่าข้ายังมีไก่ย่างเลิศรสอยู่  เจ้าใช้พลังธาตุอัคคีเผาทำลายเถาวัลย์เหล่านี้ หากเปิดทางให้ข้าได้ ไก่ย่างทั้งหมดก็จะเป็นของเจ้า”

จวินโม่ซียิ้ม กล่าวขึ้น “โอ้แม่สาวน้อย… เจ้าอย่าลืมรักษาสัจจะ  ข้าจะเริ่มประเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้นทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยพลังธาตุอัคคี จวินโม่ซีตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“เปิดทาง!

— ตูม! —

เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นพสุธา จากนั้นเปิดทางได้สำเร็จ ทางถูกเปิดแล้ว!

“ไปกันเถอะ” มูเฉียนซีนำทางองครักษ์เงามุ่งไปด้านหน้าทันที

.