ตอนที่ 258 ก้มหัวให้อำนาจญาติบรรพกาล

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“อะไรนะ เจ้า…เจ้าบอกว่าเจ้าคือเสิ่นอิงหรือ!”

สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความตกใจ พูดจาก็เริ่มตะกุกตะกักขึ้นมา

อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ที่บาดเจ็บล้มอยู่กับพื้นก็มองหญิงชุดขาวที่อยู่ไม่ไกลอย่างสับสนงุนงงเช่นกัน

เสิ่นอิง? ล้อกันเล่นหรือเปล่า!

สุสานมังกรเหมันต์เป็นหลุมฝังศพของมังกรเสิ่นอิงไม่ใช่หรือ

หากผู้เฝ้าสุสานของตำหนักสวรรค์เป็นเสิ่นอิงละก็ เท่ากับว่านางสร้างสุสานให้ตัวเองแล้วมาเป็นผู้เฝ้าสุสานเล่นๆ น่ะสิ

เล่นแบบนี้ได้ที่ไหนกัน!

หญิงชุดขาวพยักหน้าจริงจัง ตอบคำถามของสวีเสี่ยวหลานอย่างหนักแน่น “ข้านี่แหละเสิ่นอิง เจ้าของสุสานมังกรแห่งนี้”

สวีเสี่ยวหลาน “…”

อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ “…”

ไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน หญิงชุดขาวสะบัดมือ ค่ายกลรักษาขนาดใหญ่ผุดขึ้นมา รักษาอาการบาดเจ็บของทุกคน

“การทดสอบพลังต่อสู้ในครั้งนี้ แค่เพียงต้านทานข้าได้เกินสิบอึดใจก็ถือว่าผ่านแล้ว ตั้งแต่ข้าลงมือแต่แรกจนถึงตอนที่สนทนากับสหายสวีเสี่ยวหลาน ผ่านมาสิบสองอึดใจแล้ว ฉะนั้นยินดีกับพวกเจ้าด้วยที่ผ่านการทดสอบพลังต่อสู้” หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเสิ่นอิงพูดยิ้มๆ

พวกอันหลินได้ยินก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง เสิ่นอิงเป็นถึงยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า อยากเอาชนะนางนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การต่อสู้ก่อนหน้านี้มาย้อนคิดตอนนี้ยังนึกพรั่นใจ

การรักษาของค่ายกลยังคงดำเนินต่อไป อาการบาดเจ็บของพวกอันหลินก็ทุเลาลงไม่น้อย จึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ก็กลับเข้าแหวนมิติ เริ่มสูบหินปราณเสริมพลัง ซ่อมแซมบาดแผลเองอัตโนมัติ

การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้หุ่นสองตัวนี้ดูดซึมไปนับแสนกว่าหินวิญญาณแล้ว โชคดีที่อันหลินเป็นเศรษฐี มิเช่นนั้นคงจะปวดใจเจียนตายแน่

ขณะที่ทุกคนฝืนยอมรับความจริงที่ว่าหญิงชุดขาวคือเสิ่นอิงนั้น เสิ่นอิงก็เอ่ยปากอีกครั้ง

นางคุยกับสวีเสี่ยวหลาน เห็นได้ชัดว่าสนใจสวีเสี่ยวหลานเป็นอย่างมาก “สหายสวีเสี่ยวหลาน ขอให้ข้าได้ใช้คาถาหนึ่งกับเจ้าได้ไหม”

สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างระแวดระวังว่า “คาถาอะไรหรือ”

“คาถาตรวจสอบสายเลือด บอกตามตรง ข้าคิดว่าเจ้ากับข้าเป็นญาติกัน”

“ความหยิ่งทะนงของเชวี่ยเอ๋อร์ ไม่มีทางยอมรับนักพรตที่มีเพียงพลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าร่างกายเจ้าจะมีกลิ่นอายที่ข้าคุ้นเคย…” เสิ่นอิงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง นัยน์ตาแฝงความคาดหวัง

สวีเสี่ยวหลานขบคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง

ความสามารถอย่างเสิ่นอิง หากอยากปองร้ายนาง ไม่ว่าจะใช้คาถาอะไร นางก็ต้านทานไม่ไหว เสิ่นอิงเป็นฝ่ายขอร้อง เป็นการแสดงออกว่าเคารพนาง นางเองก็กำลังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับตำหนักสวรรค์เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ

อันหลิน ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ต่างก็เบิกตากว้าง ก่อนหน้านี้เคยคาดเดาไว้แล้วว่า สุสานมังกรแห่งนี้เป็นของตระกูลสวีเสี่ยวหลาน ไม่คิดว่าตอนนี้แม้แต่เจ้าของสุสานอย่างมังกรเสิ่นอิงก็อยากจะพิสูจน์เช่นนี้ด้วยเหมือนกัน…

ลำแสงสีแดงสาดออกจากเรียวนิ้วของเสิ่นอิง แตะเบาๆ ที่หน้าผากของสวีเสี่ยวหลาน

สวีเสี่ยวหลานหลับตาพริ้ม แพขนตาสั่นระริก ใบหน้าหยาดเยิ้มแลดูลุ้นระทึก

อันหลินจ้องอากัปกิริยาของเสิ่นอิงอย่างใจจดใจจ่อ มองใบหน้านางจากเรียบเฉยไปถึงงุนงง จากนั้นก็กระจ่างใจ

เสิ่นอิงลดมือลง สิ้นสุดการใช้คาถา

ไม่มีเหตุการณ์สะเทือนฟ้าดินอะไร ระหว่างนี้ล้วนนิ่งสงบอย่างยิ่ง

สวีเสี่ยวหลานลืมตาขึ้นมองหญิงสาวงามสง่าตรงหน้า ทั้งหวั่นวิตกและคาดหวัง

ดวงตาของเสิ่นอิงเป็นประกาย สีหน้าที่มองสวีเสี่ยวหลานก็อ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

“ลูกเอ๋ย ข้ารู้แล้ว ข้ารู้หมดแล้ว ให้ข้าบอกความจริงกับเจ้าเถอะ…”

ฟังคำพูดของเสิ่นอิง อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์รู้แล้วว่ามีข่าวดี!

เสิ่นอิงพูดเสียงนุ่มว่า “ลูกสาวของลูกชายของลูกสาวของลูกสาวของลูกสาวของลูกชายของพี่ข้าก็คือเจ้านี่เอง!”

สวีเสี่ยวหลานอ้าปากหวอ “ฮะ”

อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ต่างก็นิ่งเป็นหิน

เสิ่นอิงอธิบายอีกครั้งว่า “พูดอีกอย่างก็คือ น้องสาวของแม่ของพ่อของแม่ของแม่ของแม่ของพ่อเจ้าก็คือข้า!”

อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋นิ่งเป็นหิน

ริมฝีปากของสวีเสี่ยวหลานสั่นระริก นางรู้แล้ว นางรู้แล้วว่าตนกับเสิ่นอิงเป็นญาติกัน!

แต่ว่า…ศักดิ์ที่น่ากลัวปานนี้ นางควรจะเรียกญาติคนนี้อย่างไร…

“ท่าน…ท่านย่าเสิ่นอิง…” สวีเสี่ยวหลานขานเรียกอย่างขัดเขิน

เสิ่นอิงหน้าบูดบึ้ง “เรียกพี่!”

สวีเสี่ยวหลานสะดุ้งโหยง แต่ด้วยบารมีของยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า นางก็จำต้องทำตาม “พี่เสิ่นอิง…”

พูดเสร็จนางก็เริ่มตระหนักได้ถึงปัญหาที่จริงจังมากประการหนึ่ง นางเรียกเสิ่นอิงว่าพี่ แล้วแม่ของนางจะเรียกเสิ่นอิงว่าอะไร

เสิ่นอิงพยักหน้าหลังได้ยินคำว่า ‘พี่’ จากสวีเสี่ยวหลาน ใบหน้าฉายความรักใคร่เอ็นดูอีกครั้ง ลูบศีรษะสวีเสี่ยวหลานเบาๆ ทอดถอนใจ “ไม่คิดว่าลูกสาวของลูกชายของลูกสาวของลูกสาวของลูกสาวของลูกชายของพี่สาวข้าจะโตขนาดนี้แล้ว…”

สวีเสี่ยวหลาน “…”

ในที่สุดอันหลินก็ได้สติ เหตุการณ์ชวนสติแตกเช่นนี้ ทำให้เขาตะลึงไม่หยุด ขณะเดียวกันก็อดค่อนแคะในใจไม่ได้ว่า ‘เสิ่นอิงน่าจะไม่เคยเห็นแม้แต่ลูกชายของลูกสาวของลูกสาวของลูกสาวของลูกชายของพี่สาวนางเลยด้วยซ้ำ…ลูกสาวของลูกชายของลูกสาวของลูกสาวของลูกสาวของลูกชายของพี่สาวนางโตเป็นสาวขนาดนี้มันปกติมากไม่ใช่หรือ! รำพันแบบนี้หมายความว่าอย่างไร!’

“ร่างของเจ้ามีสายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกรเรา แถมยังเป็นสายเลือดโดยตรงที่บริสุทธิ์ที่สุด แม่เจ้าน่าจะเป็นทายาทของสำนักวิหคชาด เจ้าจึงมีสายเลือดของพญาหงส์ด้วย สายเลือดที่น่ากลัวปานนี้ซ่อนเร้นอยู่…นี่คงเป็นสาเหตุสำคัญที่วิหคมังกรเลือกเจ้าเป็นแน่…” เสิ่นอิงพยักหน้ารัวๆ

จากนั้นก็เหมือนนางจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก พูดยิ้มๆ ว่า “ดูแล้วคงจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆ ตอนนั้นที่ข้าตีกระบี่วิหคมังกร ข้าอยากสร้างอาวุธเทวะที่ผสานพลังหงส์มังกรไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ปรากฏว่าเมื่อสร้างเสร็จ ข้ากลับไม่ใช่คู่ของมัน…” ขณะที่พูด นางก็มองสวีเสี่ยวหลานอีกครั้ง “ไม่คิดว่าแปดพันปีให้หลัง มันจะได้พบเจ้า เจ้าที่มีสายเลือดวิหคมังกร บางทีอาจทำให้พลังของกระบี่วิหคมังกรถูกสำแดงออกมาอย่างแท้จริงก็ได้…”

“พรหมลิขิต วิเศษเกินบรรยาย!” อันหลินพูดแขวะออกมา

สวีเสี่ยวหลานมองกระบี่วิหคมังกรในมืออึ้งๆ

ใช่แล้ว ทุกอย่างช่างบังเอิญเหลือเกิน นี่น่ะหรือบุพเพสันนิวาส…

กระบี่วิหคมังกรดังวิ้ง หลุดออกจากมือไป ลอยรอบๆ เสิ่นอิงด้วยความอาลัยอาวรณ์ และเหมือนว่ากำลังโต้แย้งคำว่า ‘ไม่ใช่คู่’ ที่นางว่า

เสิ่นอิงลูบกระบี่วิหคมังกรเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อยรอยยิ้มบางๆ

นางมองสวีเสี่ยวหลานประหนึ่งคิดตกแล้ว โพล่งออกมาว่า “สายเลือดมังกรของเจ้ายังไม่ฟื้นคืนชีพ สาเหตุหลักเพราะสายเลือดพญาหงส์ของเจ้าฟื้นคืนชีพไว จึงยับยั้งการคืนชีพของพลังสายเลือดมังกร”

“ไม่เป็นไร ให้ข้าช่วยปลุกพลังสายเลือดมังกรให้เจ้า ถือโอกาสยกมรดกและสมบัติที่เหลืออยู่ที่นี่ของข้าให้เจ้าด้วย”

เมื่อสิ้นคำพูดนี้ สวีเสี่ยวหลานก็ยืนนิ่งกับที่

อันหลินไม่ยอม ยกมือขึ้นโต้แย้งว่า “พี่เสิ่นอิง มรดกนี่ไม่ใช่ทำการทดสอบ คัดเลือดอย่างยุติธรรมแล้วค่อยว่ากันหรอกหรือ!”

เสิ่นอิงหัวเราะร่า “ตอนแรกยังเหลือการทดสอบสายเลือดกับการทดสอบสำนึกตน แต่ตอนนี้ข้าถูกชะตากับน้องสวีเสี่ยวหลาน จึงมอบให้นาง ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ”

“ไม่ยุติธรรมเลยโฮ่ง!” ต้าไป๋โอดครวญน้ำตาอาบหน้า

มันเดินทั่วสุสาน พบอันตรายปางตายต่างๆ นานา ผลสุดท้ายไม่ได้อะไรเลย มันไม่ยอม!

“สุสานนี้เป็นของข้า สมบัติข้าเป็นคนแจก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า!” เสิ่นอิงเชิดหน้าขึ้น สายตามองเย้ยทุกคน พูดด้วยเสียงเย็นเจืออานุภาพอันไร้เทียมทาน

อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์สะดุ้งโหยง ประโยคนี้ทำเอาพวกเขาพูดไม่ออก

นั่นสิ สุสานนี้เป็นของนาง จะยกสมบัติให้ญาติแล้วอย่างไร

ทุกคนก้มศีรษะลง ก้มหัวให้กับอำนาจญาติบรรพกาล