ตอนที่ 259 ฟังข้าเล่านิทาน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เสิ่นอิงดีกับสวีเสี่ยวหลานขนาดนี้ ทำให้สวีเสี่ยวหลานทำตัวไม่ค่อยถูก

แม้แต่การทดสอบก็งดเว้น มอบมรดกให้นางอย่างผ่าเผยเช่นนี้ นี่มันของดีตกลงมาจากฟ้า[1]ไม่ใช่หรือ

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยปลุกพลังสายเลือดมังกรให้เจ้าก่อน” เสิ่นอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม อากัปกิริยาเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดูที่ผู้อาวุโสมีต่อลูกหลาน

สวีเสี่ยวหลานพยักหน้า ปัญหาเรื่องพลังสายเลือดมังกรแม้แต่พ่อนางก็แก้ไขไม่ได้ ไม่คิดว่าวันนี้จะแก้ไขปัญหานี้ที่สุสานมังกรเหมันต์ได้ เกรงว่าคงจะเป็นบุญคุณที่ใหญ่หลวงอย่างยิ่งสำหรับนางแล้ว

นัยน์ตาของเสิ่นอิงกลายเป็นสีทอง อานุภาพมังกรอันสูงส่งแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว ปานเทพเจ้าที่อยู่เหนือทุกผู้ทุกคน

มีค่ายกลสีทองขนาดใหญ่ก่อตัวบนผิวดิน แผ่คลุมทั่วผืนแผ่นดินลอยฟ้า

พลังปราณเริ่มซัดสาด อักขระสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏให้เห็นกลางอากาศ หมุนรอบสวีเสี่ยวหลาน

เสิ่นอิงพึมพำเป็นภาษามังกร นิ้วเรียวดุจต้นหอมเคลื่อนไหว ประสานอินอย่างคล่องแคล่ว

“อานุภาพแห่งบรรพชน ทลายหมื่นต้องห้าม!”

ในที่สุดเสิ่นอิงก็พูดประโยคที่อันหลินฟังรู้เรื่อง จากนั้นนางก็ชูสองนิ้วแตะที่หว่างคิ้วของสวีเสี่ยวหลาน

ครืน! ค่ายกลทำงานอย่างรวดเร็ว อักขระมากเหลือคณานับแทรกซึมในร่างกายของสวีเสี่ยวหลานอย่างบ้าคลั่ง

สวีเสี่ยวหลานขมวดคิ้ว ครวญครางด้วยความเจ็บปวด

สิบห้านาทีต่อมา ราวกับมีอะไรบางอย่างฟื้นคืนชีพอย่างไรอย่างนั้น

กลิ่นอายของสวีเสี่ยวหลานแปรเปลี่ยนโดยพลัน มันเป็นกลิ่นอายของราชินีผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

นัยน์ตาของนางกลายเป็นสีทอง ปีกของพญาหงส์กางออก มีมังกรสีเขียวห้อมล้อมเรือนร่างอรชร ขับให้นางสูงส่งเกินอาจเอื้อม

อันหลินเห็นสวีเสี่ยวหลานในสภาพแบบนี้ ก็เกือบจะศิโรราบแล้ว

นี่เป็นสวีเสี่ยวหลานเวอร์ชั่นปรับปรุงแล้ว! สะดุดตาจังเลย!

ไม่นานดวงตาของสวีเสี่ยวหลานก็กลับมาเป็นสีขาวดำสุกใสเช่นเดิม เริ่มเก็บงำกลิ่นอายแล้ว

เสิ่นอิงกลับเสียการทรงตัว ประหนึ่งว่าออกแรงมากเกินไป

สวีเสี่ยวหลานรีบเข้าไปประคองเสิ่นอิง พูดอย่างซาบซึ้งใจและกังวลว่า “ขอบคุณพี่เสิ่นอิง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”

เสิ่นอิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร…เรามาเริ่มรับมรดกในขั้นต่อไปกันเถอะ ข้าจะมอบความรู้ การหยั่งรู้ รวมถึงพลังสายเลือดที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดของข้าให้เจ้าทั้งหมด”

เมื่อพูดจบ นางก็ไม่สนปฏิกิริยาของสวีเสี่ยวหลาน ยกนิ้วจรดหน้าผากของสวีเสี่ยวหลานอีกครั้ง…

ครั้งนี้มรดกเรียบง่ายขึ้นมากโข รอบตัวแทบจะไม่มีคลื่นอะไรเลย

เวลาเดินผ่านไปช้าๆ อันหลินนอนฟุบอยู่บนตัวต้าไป๋ ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร ทำได้เพียงชื่นชมหญิงงามที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเงียบๆ

“นี่ ต้าไป๋ ในผู้หญิงสองคนนี้ เจ้าชอบใครมากกว่า” จู่ๆ อันหลินก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ต้าไป๋เพิ่งตกใจกับท่าทางของสวีเสี่ยวหลาน บัดนี้จึงตอบอย่างไม่ลังเลว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นสวีเสี่ยวหลานสิ โฮ่ง!”

ปึก!

หัวของต้าไป๋ถูกทุบด้วยความโมโหจนปูดโปน

“ให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง” อันหลินพูดเสียงเย็น

ต้าไป๋ “…เสิ่นอิง”

อันหลินถึงได้พยักหน้าพอใจ เป็นสัตว์เลี้ยงจะชอบผู้หญิงคนเดียวกับเจ้านายได้อย่างไร

ขณะที่หนึ่งคนหนึ่งสุนัขกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้น การสืบทอดของสวีเสี่ยวหลานก็สิ้นสุดลงอย่างไม่รู้ตัว

เสิ่นอิงลดมือที่จรดหน้าผากของสวีเสี่ยวหลานลง ใบหน้าฉายความโล่งอก

นางชูนิ้วขึ้นเล็กน้อย มิติแผ่ริ้วคลื่นเป็นระลอกๆ แหวนมิติสีขาวพร่างพราวกระโดดออกจากมิติ จากนั้นจรดที่ปลายนิ้วเบาๆ

มือขาวสะอาดของสวีเสี่ยวหลานถูกนางกุมไว้ ค่อยๆ สวมแหวนให้ช้าๆ

รัศมีสีขาวสาดกระทบร่างทั้งคู่ ทิ้งวงกลมบนพื้นตัดขาดจากภายนอก ก่อเป็นพื้นที่ส่วนตัว ราวกับว่าโลกใบนี้เหลือเพียงพวกนางสองคน

เสิ่นอิงยิ้ม รอยยิ้มเป็นธรรมชาติงดงาม สวีเสี่ยวหลานลนลานเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ

หญิงงามเพริศพริ้งสองคน แลกแหวนกันเสร็จสิ้นภายในตำหนักอันงดงาม ภายใต้การสาดส่องของรัศมีศักดิ์สิทธิ์

อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์มองฉากนี้อึ้งๆ คิดว่างดงาม ลงตัว ในใจเหมือนมีนิสัยบางอย่างกำลังจะตื่น

อันหลินได้สติทันใด จู่ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนสวีเสี่ยวหลานจะถูกแย่งไป

โชคดีที่พิธีแลกแหวนสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว รัศมีที่สาดส่องมาก็จางหายไปแล้ว

“พี่เสิ่นอิง…” สวีเสี่ยวหลานเหม่อมองหญิงสาวตรงหน้า

เสิ่นอิงไม่ได้ช่วยปลุกสายเลือดของนาง ประทานอาวุธเซียนให้นางเท่านั้น แต่ยังมอบการหยั่งรู้ ความรู้ ถึงขั้นว่ามอบให้แม้กระทั่งพลังแห่งสายเลือดที่หลงเหลือให้นางด้วย…ประสบการณ์ที่วิเศษเหล่านี้ ทำให้นางรู้สึกเหมือนฝันไปจนถึงบัดนี้ นางมีอะไรดี เสิ่นอิงถึงได้ดีกับนางเช่นนี้

เสิ่นอิงเพียงแย้มยิ้ม กวาดตามองทุกคนแล้วพูดเสียงนุ่มว่า “ไม่ทราบว่าพวกเจ้าสนใจอยากฟังนิทานสักเรื่องไหม”

“สนใจสิ สนใจ” พวกอันหลินพยักหน้ารัวๆ

พวกเขารู้ว่าหากตอบ ‘ไม่สนใจ’ ต้องถูกตบหน้าแน่

ใบหน้าของเสิ่นอิงฉายอาการหวนรำลึก อากัปกิริยาอ่อนโยนกว่าเดิม ประหนึ่งหญิงสาวอ่อนหวานแห่งหมู่บ้านริมน้ำเจียงหนาน พูดเสียงเบาว่า “งั้นก็ดี ต่อไปข้าจะเล่านิทานให้พวกเจ้าฟัง นิทานเกี่ยวกับ…เรื่องของข้า”

อันหลินหยิบเก้าอี้เล็กๆ ออกจากแหวนมิติแล้วแจกจ่ายให้ทุกคน ให้พวกเขานั่งฟัง

ทุกคนนั่งอย่างเรียบร้อย จ้องหน้าเสิ่นอิงอย่างพร้อมเพรียง ท่าทาง ‘เตรียมตัวพร้อมแล้ว ขอให้ท่านเริ่มการแสดงได้เลย’

มุมปากของเสิ่นอิงกระตุกเล็กน้อย รู้สึกเหมือนบรรยากาศถูกทำลายนิดหน่อย

แต่เสิ่นอิงสมกับเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุมรรค เพียงครู่เดียวก็เตรียมใจพร้อม เริ่มบอกเล่านิทาน แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ สิ่งที่นางเปล่งออกมาไม่ใช่คำพูด แต่เป็นเสียงขับร้องที่งดงามอย่างยิ่ง

ท่วงทำนองที่น่าฟังลอยล่องในอากาศ มันเป็นเสียงสวรรค์ เป็นเสียงเพลงที่สวยงามที่สุด

ฟังเสียงเพลงของเสิ่นอิง ภาพเหตุการณ์ฉายวาบในสมองของทุกคนอย่างต่อเนื่อง มันไม่ใช่ภาพธรรมดา แต่เป็นภาพที่แฝงความทรงจำ ความรู้สึกและการหยั่งรู้ของคนคนหนึ่ง

พวกเขาเห็นวังมังกรสว่างไสวภายใต้ทะเลลึก เห็นเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่ในผ้าห่อ นางมีนามว่าเสิ่นอิง

อันหลินฟังไม่ออกว่าเสิ่นอิงกำลังร้องอะไร แต่กลับสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสา ความเยาว์วัยและบริสุทธิ์ที่มีเฉพาะในวัยแรกเกิดจากเสียงเพลงได้อย่างชัดเจน

เสิ่นอิงน่ารักน่าเอ็นดู มีเขามังกรสมบูรณ์แบบที่ใครๆ ก็อิจฉา มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของบรรพชน กายงามนัยน์ตาน่ามองแต่กำเนิด เป็นที่หนึ่งในเผ่าพันธุ์

การบำเพ็ญเพียรของนางก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เปลี่ยนจากเจียว[2]เป็นมังกร จากมังกรเป็นมังกรมีเขา

นางมีรูปโฉมงามดั่งแคว้นแดนสรวง ฝีมือเหนือกว่ารุ่นเดียวกัน ภายในวังมังกรมีไข่มุกที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง แม้แต่เจ้ามังกรเองก็ชื่นชมในตัวนาง ถูกชาวโลกขนานนามว่า ธิดามังกรสวรรค์

เสียงเพลงค่อยๆ ไต่ขึ้นสูง มีชีวิตชีวา

เสิ่นอิงท่องแผ่นดินบรรพกาล อาศัยความสามารถเหนือชั้นและรูปโฉมอันน่าตะลึง ทำให้สมญานามของธิดามังกรสวรรค์ลือเลื่องไปทั่วแผ่นดิน นางไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนหวานอ่อนโยน กลับกันตลอดการเดินทางนี้ นางกำจัดมารพิทักษ์มรรคอย่างเด็ดขาดไม่ลังเล พรรคนอกรีตที่ถูกนางขุดรากถอนโคนมีนับไม่ถ้วน พลังยุทธ์ก็เพิ่มพูนขึ้นทุกวันตามการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง

นางมุ่งหน้าทางตะวันตกจนเข้าสู่แดนจิ่วโจว

ในแดนจิ่วโจว นางถูกสำนักลิทธิมารอย่างสำนักชิงฮวน ศัตรูอันดับหนึ่งเพ่งเล็ง

สำนักชิงฮวนมีผู้อาวุโสแปลงจิตแปดคนออกปฏิบัติการ ร่วมมือกันวางค่ายกลสังหารพันธนาการนาง

ค่ายกลนี้ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง สามารถสังหารนักพรตระดับต่ำกว่าหวนสู่ความว่างเปล่า แม้เสิ่นอิงจะมีวรยุทธ์แก่กล้า แต่ไม่ถึงระดับหวนสู่ความว่างเปล่า จึงมีเพียงจุดจบที่ถูกผลาญพลังจนตายทั้งเป็นเท่านั้น

มันเป็นทางตันสำหรับนาง แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ จู่ๆ ก็มีบุรุษที่โดดเด่นปานพญาหงส์ปรากฏตัวในชีวิตของนาง

ตงฟางหมิง ศิษย์เอกรุ่นแรกแห่งสำนักวิหคเพลิง

………………….

[1] ของดีตกลงมาจากฟ้า หมายถึง ได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง

[2] เจียว เป็นมังกรเขาเดียว อาศัยอยู่ในน้ำ