เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ พลางคิดในใจ
คนพวกนี้มาได้รวดเร็วเสียจริง
เดิมทีเธอไม่คิดสร้างปัญหา เพราะเซวียนเอ๋อร์ยังอยู่ที่นี่จึงกลัวเขาจะบาดเจ็บ
แต่ตอนนี้ เธอคงเลี่ยงปัญหานี้ไม่ทันแล้ว
เมื่อหนีไม่พ้น ก็ต้องเผชิญหน้ากับมันก็เท่านั้น
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนไม่น้อย ทุกคนต่างถือดาบไว้ในมือ รูปร่างกำยำ
แต่เล่อเหยาเหยาก็ไม่หวั่นเกรง
เพราะเป็นลูกศิษย์ของนักพรตเทียนซาน เธอจึงฝึกฝนวรยุทธ์ทั้งวันทั้งคืน กระทั่งอาจารย์ของเธอต่างเอ่ยว่าแม้เธอจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์ แต่ชนะในด้านความขยัน จึงแก้ไขเรื่องการไร้พรสวรรค์นั้นได้
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นด้านล่าง เล่อเหยาเหยาจึงไม่หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก็เตรียมรับมือกับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น พวกสงเทียนป้า ด้านล่างเห็นชัดว่ามองเห็นเล่อเหยาเหยาที่อยู่บนชั้นสองแล้ว
เห็นเช่นนั้นสงเทียนป้า พลันชี้มาที่เล่อเหยาเหยาพร้อมตะโกนขึ้น
“น่าจะเป็นเจ้าคนตัวเล็กนั้น ไปจัดการมัน!”
“ขอรับ!”
เมื่อสงเทียนป้า ออกคำสั่ง ลูกน้องของเขานั้นพลันส่งเสียงรับ ก่อนรวมตัวกันตรงขึ้นไปบนชั้นสอง
เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาอดชักกระบี่อ่อนออกมาจากเอวไม่ได้ คิดจะประลองกับพวกเขาสักรอบ
ทันใดนั้นกลับเห็นบันไดที่ลูกน้องพวกนั้นกำลังเดินขึ้นได้ครึ่งทางพลันเกิดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นก่อนหักลงมา
ผู้คนที่เดินอยู่บนบันไดนั้น ต่างตั้งตัวไม่ทัน จึงตกลงไปทั้งหมด
ทันใดนั้นเสียงเหมือนสุกรถูกเชือดก็ดังขึ้นไม่หยุด
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นก็กวาดดวงตาคู่งามมองไปอย่างแปลกใจ
สายตาพลันกวาดมองรอบด้านในโรงเตี๊ยม
เพราะบันไดนี้มั่นคงอย่างยิ่ง ไม่หักลงไปอย่างไร้สาเหตุได้แน่นอน นอกจากเป็นฝีมือของคน!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ สายตาที่กวาดมองพลันหยุดที่มุมหนึ่งในชั้นล่างของโรงเตี๊ยม
เพราะมุมตรงนั้นลับตาคนอย่างมาก หากไม่มองให้ดีเดิมทีไม่รู้ว่ามีคนอยู่ที่นั่น
หากเล่อเหยาเหยาไม่สงสัย คงไม่มองละเอียดเช่นนี้
และเมื่อเห็นเงาร่างที่นั่งอยู่ตรงมุมลับตาที่สุดในโรงเตี๊ยมนั้น เล่อเหยาเหยาดุจถูกไฟดูด สั่นเทิ้มไปทั่วร่างกาย ทันใดนั้นแข็งทื่อดุจหินอยู่ตรงนั้น
ดวงตาคู่งามเพราะหวาดหวั่นแปลกใจจึงเบิกกว้าง กระพริบไปมาชั่วครู่ ก่อนมองไปยังคนที่อยู่ในมุมชั้นล่างของโรงเตี๊ยมผู้นั้น
เห็นเพียงคนผู้นั้นสวมชุดดำห่อหุ้มกาย รัดท่อนบนแน่น เผยรูปร่างแข็งแรงกำยำนั้นของเขาออกมาจนหมดสิ้น
แม้คนผู้นั้นจะนั่งเงียบๆ ในมือจิบชาอย่างช้าๆ อยู่ตรงนั้นอย่างสบายอกสบายใจ แต่กลิ่นอายเย็นชาดุดันที่กระจายออกมาจากตัวเขา ทำให้ไม่อาจดูแคลน
ชายผู้นี้คล้ายกระบี่หยกที่อยู่ในฝัก แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
ทว่าเล่อเหยาเหยาเสียใจที่สุดคือ ชายผู้นี้สวมหมวกคลุมหน้าสีดำไว้บนศีรษะปิดบังหน้าตา ทำให้เธอมองไม่เห็นหน้าตาของเขา
แต่เล่อเหยาเหยาจำชายผู้นี้ได้ เพราะครั้งก่อนเธอและตงฟางไป๋มองเห็นเขาจากชั้นสอง!
ขณะนั้นท่ามกลางฝูงชนเธอเห็นเขาตั้งแต่แวบแรก และทันทีที่เห็นเขา เธอรู้ว่าชายผู้นี้คือชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอผู้นั้น!
พอคิดถึงตรงนี้ โลกของเล่อเหยาเหยาคล้ายไม่เหลือผู้ใดอีกครั้ง
มองไม่เห็นเหล่าอันธพาลที่ถูกชายชุดดำสั่งสอน ที่ต่างนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ร้องโหยหวนเสียงดังอย่างน่าอนาถใจ
เพราะเวลานี้สายตาและในใจเธอมองเห็นเพียงเขา
“อวี๋ เป็นท่าน ข้ารู้ว่าเป็นท่าน!”
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยายกมุมปากขึ้น ก่อนพลันยิ้มแย้มอย่างดีใจดุจเสียสติออกมา
ทว่าน้ำตานั้น กลับไหลอาบสองแก้มลงมาผ่านรอยยิ้มดุจบุปผา สุดท้ายไหลลงสู่คางมน
“เสด็จแม่ เหตุใดจึงร้องไห้”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มและร้องไห้ เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างอดยื่นมือดึงชายเสื้อของเล่อเหยาเหยาอย่างกังวลใจไม่ได้
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นจึงพลันได้สติ คล้ายกลัวชายผู้นี้จะหนีหายไปจากชีวิตเธออีกครั้ง จึงรีบดึงมือเล็กของเหลิ่งอวี้เซวียนใช้วิชาตัวเบาลอยไปเหยียบลงบนชายฉกรรจ์ที่นอนเกลือกกลิ้ง ส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ด้านข้าง ก่อนหมุนตัวไปที่ด้านหน้าชายชุดดำผู้นั้น
จนกระทั่งหลังผ่านไปนาน เล่อเหยาเหยาจึงข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจตนเอาไว้ และไม่สนใจน้ำตาอาบทั่วสองแก้มนิ่มที่สั่นเทิ้มของตน ก่อนเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“อวี๋ คือท่านใช่หรือไม่ ท่านกลับมาแล้วใช่หรือไม่”
เล่อเหยาเหยามีสีหน้าตื่นเต้น สายตาจับจ้องบนตัวชายชุดดำตรงหน้า แววตาปรากฎความคาดหวังและระแวดระวัง
เพราะเธอกลัวว่าหลังจากตนต้องรอคอย คาดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่ากลับว่างเปล่าเท่านั้น
เพราะทุกคนต่างเอ่ยว่าอวี๋ตายแล้ว ตายไปกว่าห้าปีแล้ว หากเขายังไม่ตายจริง เหตุใดจึงไม่อยากพบหน้าตน!
หรือเขาไม่คิดถึงเธอเลยแม้แต่นิดเดียว!
หากเขาตายจริง ที่ผ่านมาเหตุใดเธอจึงรู้สึกอย่างเด่นชัด รู้สึกว่าเขายังไม่ตาย
และชายตรงหน้านี้ เหตุใดรูปร่างจึงคล้ายคลึงกับอวี๋ กระทั่งกลิ่นอายดุดันเย็นชาที่กระจายออกมา มีเพียงอวี๋คนเดียวเท่านั้นที่มี!
หากไม่ใช่เขา บนโลกนี้ยังมีชายหนุ่มที่คล้ายคลึงกับอวี๋เช่นนี้จริงๆ หรือ!
เล่อเหยาเหยาตื่นเต้น สงสัย คาดหวังในใจ จนหัวใจนั้นเต้นระรัว
เธอรอคำตอบจากชายหนุ่มตรงหน้า
รอคอยคำพูดของเขา
เพราะเงาร่างของอวี๋ แม้จะกลายเป็นเถ้าธุลีเธอก็จำได้ เสียงของเขามักดังอยู่ภายในหัวเธอตลอด ดังนั้นเธอย่อมไม่ลืมเลือน ดังนั้นเธอจึงรอให้ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยพูด
แต่หลังจากเธอรออยู่นาน ชายหนุ่มตรงหน้าเอาแต่จิบชา นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ คล้ายกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอ และมองไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างกายเขา
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนกำลังคิดเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยปาก คำพูดของบางคนกลับดังออกมาเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง
“ท่านลุงท่านนี้ ท่านพ่อของข้ากำลังพูดกับท่าน ท่านได้ยินหรือไม่ หากได้ยินแล้วไม่เอ่ยตอบ ถือว่าเสียมารยาทยิ่งนัก!”
เสียงเด็กน้อยอ้อแอ้ดังขึ้น นุ่มนวลไพเราะยิ่งนัก
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน เล่อเหยาเหยารับรู้ชัดเจนว่าร่างของชายชุดดำตรงหน้านี้สั่นเทิ้ม
แม้สั่นเพียงเล็กน้อย หากไม่สังเกตให้ดี จะไม่อาจรับรู้ได้
แต่สายตาเธออยู่บนกายเขาตลอดเวลา จึงย่อมรับรู้ได้
และรับรู้ว่าสายตาของชายหนุ่มเวลานี้กำลังมองผ่านผ้าสีดำนั้น มายังเหลิ่งอวี้เซวียนข้างกายเธอ
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ก้าวไปด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว ก่อนเอ่ยปากถาม
“ท่านคืออวี๋หรือไม่ โปรดตอบข้ามาเถิดว่าท่านใช่หรือไม่!”
แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของเล่อเหยาเหยาดูมั่นใจกว่าเจ็ดแปดส่วน
สายตาที่มองชายชุดดำนั้นเป็นประกายอย่างคาดหวัง สุกใสแวววาวราวกับจุดรวมแสงทั้งหมดบนโลกใบนี้ ระยิบระยับและงดงามอย่างไร้ที่เปรียบ
รวมทั้งความเปียกชื้นบนใบหน้าเล่อเหยาเหยานั้น ยังทำให้เธอดูสะดุดตาอย่างยิ่ง
แม้คนใจแข็งเห็นต่างต้องใจอ่อน
แต่หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ชายชุดดำยังคงเงียบงันต่อไป
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเจ็บปวดในใจ ขณะเธอคิดว่าชายชุดดำผู้นี้ไม่ตอบแน่นอน เขากลับเอ่ยปากขึ้น
“ขออภัย ท่านจำคนผิดแล้ว”
เสียงแฝงความแหบพร่า คล้ายโล่ถูกลากอยู่บนพื้นจนแหบแห้ง
แต่ว่าเมื่อได้ยินเสียงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยากลับเจ็บปวดอย่างรุนแรง
คล้ายมีคนควักหัวใจเธอออกไป ภายในจึงว่างเปล่าไร้สิ่งใด
ไม่ใช่เขา น้ำเสียงนี้ไม่ใช่อวี๋
เพราะอยู่กับอวี๋มาเป็นเวลานาน แม้เขาจะไม่ได้อยู่ข้างกายเธอมาห้าปีแล้ว แต่เสียงของอวี๋เพียงคำเดียว เธอสามารถฟังออก แต่เสียงที่ได้ยินตอนนี้ไม่ใช่อวี๋
หรือเธอคาดเดาผิดพลาด ชายตรงหน้านี้เพียงรูปร่างคล้ายคลึงกับอวี๋เท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดมีความสิ้นหวังและโศกเศร้าไม่ได้
คิดไม่ถึงสิ่งที่ตนรอคอยมาตลอด สุดท้ายเป็นเพียงความเพ้อฝันของตนเท่านั้น
อวี๋ตายแล้ว เขาจากเธอไปแล้ว
หากไม่ได้ตาย เขาต้องกลับมาอยู่ข้างกายเธอมิใช่หรือ!
ยิ่งคิด ในใจเล่อเหยาเหยายิ่งโศกเศร้า กระทั่งใบหน้าเล็กที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง ก็ปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
คล้ายกับไข่มุกอันสดใสแวววาวอย่างที่สุด ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละอองจึงพลันมืดมนไร้แสงสว่าง
เล่อเหยาเหยาเพียงตกอยู่ในภวังค์ความเสียใจของตนไม่หยุด เพิกเฉยต่อชายที่อยู่ข้างกาย จึงย่อมไม่รับรู้ว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้าเธอ เมื่อเห็นใบหน้าเล็กผิดหวังเสียใจนั้นของเธอ มือที่ถือถ้วยชาพลันกำแน่น
เรื่องนี้เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้
หลังรับรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่อวี๋ เล่อเหยาเหยาคล้ายวิญญานหลุดลอยออกจากร่าง ดวงตาเลื่อนลอย พลันหมุนกายช้าๆ คิดจูงเหลิ่งอวี้เซวียนจากไป
แต่เพราะการต่อสู้เมื่อครู่ ห้องโถงชั้นหนึ่งจึงระเนระนาดไปด้วยเศษไม้ กระเบื้องแตกกระจายมากมายนับไม่ถ้วน
เล่อเหยาเหยากลับไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งเจ็บปวดขึ้นที่ฝ่าเท้าเล่อเหยาเหยาจึงได้สติ แต่สายไปแล้ว
ฝ่าเท้าของเธอถูกเศษชิ้นส่วนบนพื้นบาดทะลุเข้า
นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าโศกเศร้าที่สุด เพราะหลังเธอได้สติพลันก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ทว่ากลับไม่คิดว่าข้างเท้ายังมีเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ดังนั้นภาพน่าอนาถใจจึงเกิดขึ้น
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายตนกำลังสูญเสียการทรงตัว เอนลงไปทางด้านหลังอย่างรุนแรง
หากเป็นยามปรกติ เธอเพียงหมุนกายก็สามารถกลับมาทรงตัวได้เช่นเดิม แต่เพราะความเจ็บที่ฝ่าเท้า ทำให้เธอไม่สามารถออกแรงได้ ดังนั้นการล้มครั้งนี้ เธอจึงเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่ความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น และเธอไม่ได้ล้มลงบนพื้น เพราะเธอถูกคนรับตัวไว้!
เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดทางด้านหลังที่กว้างใหญ่ ทรงพลัง และเต็มไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับคนในความทรงจำของเธอราวคนเดียวกัน
เมื่อรับรู้ถึงจุดนี้ เล่อเหยาเหยาสั่นไหวอย่างหนัก
จากนั้นเมื่อเธอได้กลิ่นหอมของอำพันทะเล ดวงตาคู่งามที่โศกเศร้าเสียใจพลันเบิกกว้าง
แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว น้ำเสียงจะเปลี่ยนแปลงไป แต่อ้อมกอด กลิ่นกาย เงาร่างอันคุ้นเคยนี้ นี่ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร!
………………………………………………………………………………..