บทที่ 179
เหลิ่งหานล้มลงบนพื้น บนพื้นเต็มไปด้วยหลุมและเศษหิน รวมไปถึงฮ่วนเย่ว์ที่จ้องอย่างดุดันอยู่ข้างๆ
หยู่ซินกลืนน้ำลาย มองลู่ฝานเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
หยู่ซินแผดเสียงต่ำออกมา กระบี่ฟ้าครามโดนเขาโยนออกมา เกิดเสียงดังสวบ กระบี่ปักไว้ตรงหน้าลู่ฝาน ให้ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง
ลู่ฝานมองกระบี่ฟ้าครามตรงหน้า แล้วยิ้มบางๆ หยู่ซินยอมจำนนแล้ว
ลู่ฝานหันไปมองหลิงเหยาแล้วพูดว่า “หลิงเหยา เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
หลิงเหยาส่ายหน้า ปล่อยเยียนหรานและรีบเดินเข้ามา ยืนข้างลู่ฝาน
หยู่ซินหันไปมองเยียนหรานที่สีหน้าซีดเผือด กัดฟันพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงขยับได้”
เยียนหรานกัดฟันพูดว่า “เห็นได้ชัดว่า พวกเราประเมินพวกเขาต่ำไป”
หยู่ซินกำหมัด กวาดตามองฮ่วนเย่ว์ที่กำลังยิ้มอยู่ข้างๆ
เงยหน้ามองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “เรื่องวันนี้ให้จบแค่นี้เถอะ ไอ้ปัญญาอ่อนเหลิ่งหานล่วงเกินนาย เขาก็ได้รับการสั่งสอนแล้ว”
ลู่ฝานดึงกระบี่ฟ้าครามขึ้นมา ชี้ไปยังหานเฟิงที่อยู่ด้านหลัง “แล้วเรื่องที่ศิษย์พี่ฉันโดนทำร้ายล่ะ จะจัดการยังไง”
ลู่ฝานยังไม่ทันพูดจบ หานเฟิงเด้งตัวขึ้นมา ตะโกนอย่างทรงพลังว่า “จบแค่นี้บ้าบออะไร ศิษย์น้องลู่ฝาน ไอ้นี่มันทำร้ายฉัน แย่งกระบี่ฉัน ต่อยหน้าฉัน แล้วจะจบแค่นี้เหรอ ศิษย์น้องลู่ฝาน นายเอากระบี่ให้ฉัน ฉันจะฟันมันให้ตาย”
เมื่อกี้หานเฟิงยังบาดเจ็บหนัก แต่ตอนนี้ดีขึ้นพอสมควรแล้ว
หยู่ซินพูดอย่างเย็นชา “งั้นพวกนายจะเอายังไง”
ลู่ฝานพูดว่า “ไม่เอายังไง ตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น”
หยู่ซินปล่อยพลังปราณของตัวเองออกมา พลังปราณอันแข็งแกร่งกลายเป็นชุดนักบู๊แบบเรียบง่าย มีคำว่าบู๊ตรงกลาง พลานุภาพมหาศาล
หยู่ซินเบิกตาโต พูดว่า “ไอ้เด็กน้อย อย่าคิดว่านายเอาชนะเหลิ่งหานแล้วจะเหิมเกริมได้ ต่อหน้าฉัน นายยังไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
เมื่อพูดจบ มีดสั้นสีแดงกระแทกลงบนตัวหยู่ซิน
มีดสั้นแทงลงบนไหล่หยู่ซินอย่างไม่รู้ตัว พลังปราณบนตัวเขาไม่สามารถป้องกันได้สักนิด
ทุกคนหันไปมอง เห็นฮ่วนเย่ว์มีรอยยิ้มบนใบหน้า “ลองพูดไร้สาระอีกสิ”
หยู่ซินตกใจมาก หันไปมองมีดสั้นสีแดงบนแขน
นี่ดูเหมือนมีดสั้นที่ดูมีพื้นผิว มากกว่ามีดสั้นจากเหล็กกล้าทั่วไป แต่เป็นแค่อาวุธที่ก่อตัวจากพลังปราณ
พละกำลังเช่นนี้ เหนือกว่าเขามาก และอีกฝ่ายไร้เหตุผลขนาดนี้ ทำให้หยู่ซินเกือบโมโหขึ้นมา
หานเฟิงอ้าปากค้าง สูดหายใจเฮือก จากนั้นกระซิบข้างหูลู่ฝาน “ผู้หญิงงดงามมาก ฉันรู้สึกเหมือนโดนลูกธนูยิงมาที่หัวใจ ลูกธนูนี้เรียกว่าความรัก ศิษย์น้องลู่ฝาน นี่เพื่อนนายเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าเป็นการตอบ ตอนนี้ในมือฮ่วนเย่ว์มีมีดสั้นสีแดงเพลิง อีกสองเล่ม “พูดต่อสิ นายเจ๋งมากไม่ใช่เหรอ พูดจริงๆ นะ ฉันอยู่ในคณะหยินหยางตั้งนาน เจอคนเจ๋งๆ มาตั้งเยอะ พวกเขายังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าฉัน นายกล้ามาก หยู่ซิน คนที่อยู่20 อันดับแรก ในอันดับบู๊”
ฮ่วนเย่ว์พูดเน้นคำว่าอันดับบู๊ด้วยเสียงสูง เป็นการเยาะเย้ยหยู่ซินให้โมโห จนแทบจะระเบิดออกมา
แต่เขาไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าแตะต้องจริงๆ เพราะเขาเห็นตอนที่ฮ่วนเยว์แปรเปลี่ยนมีดสั้นออกมา มีแสงขาวดำสว่างขึ้นมาเบาๆ
คนอื่นไม่รู้ แต่นักเรียนเก่าคณะหยินหยางอย่างหยู่ซินรู้เป็นอย่างดี
นั่นเป็นเคล็ดวิชาบู๊แข็งแกร่งของคณะหยินหยาง วิชาหยินหยางไทเก็ก
หยู่ซินรู้สึกว่าหัวใจตัวเอง กำลังสั่น คนที่สามารถฝึกวิชาหยินหยางไทเก็กสำเร็จได้ ทั้งคณะหยินหยาง นอกจากอาจารย์ซิงยวน ก็มีแค่ศิษย์พี่ใหญ่ที่เก็บตัวฝึกฝนอยู่
ผู้หญิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้……
ฮ่วนเย่ว์เดินเข้ามา “ตามกฎของคณะหยินหยาง ผู้แพ้ ต้องทิ้งของไว้ แล้วค่อยไสหัวไป”
หยู่ซินกัดฟันจนแทบแตก โมโหเป็นอย่างมาก
ฮ่วนเย่ว์เห็นหยู่ซินยังยืนนิ่ง จึงเดินเข้ามา ง้างมีดสั้นขึ้น
หยู่ซินรวบรวมพลังปราณทั้งตัวซัดหมัดโจมตีฮ่วนเย่ว์ แต่พลังหมัดของเขายังไม่ทันโดนตัวฮ่วนเย่ว์ ก็หายไปอย่างประหลาด
ลู่ฝานเห็นภาพนี้ แววตาวูบไหวทันที
มีดสั้นของฮ่วนเย่ว์ ปักลงบนแขนของหยู่ซินอย่างแม่นยำ มีดสั้นสีแดงเพลิงแทงทะลุแขนหยู่ซิน
ในเวลาเดียวกัน ฮ่วนเย่ว์เตะไปที่ช่วงล่างของหยู่ซิน
แค่เป็นผู้ชาย ตำแหน่งนี้ คือจุดสำคัญ ทันใดนั้น หยู่ซินหนีบขาเข้าหากันแน่น พลังปราณแตกสลาย ล้มลงบนพื้น
ลู่ฝานกับหานเฟิงเห็นแล้วรู้สึกเสียวตรงเป้าทันที
ตอนนี้ หานเฟิงไม่กล้าพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับฮ่วนเย่ว์อีกแล้ว เขารีบหุบปาก แล้วไปหลบหลังลู่ฝาน
หลิงเหยาหันไปทางอื่น เพราะทนดูไม่ได้
ฮ่วนเย่ว์สะบัดผมหางม้า แล้วพูดว่า “ยอมหรือยัง”
พูดพลาง ฮ่วนเย่ว์เตะลงบนท้องหยู่ซินอีกครั้ง
หยู่ซินผู้น่าสงสาร ในฐานะที่เป็นนักบู๊แดนปราณนอกอันแข็งแกร่ง ปกติเดินโอ้อวดในคณะหยินหยาง วันนี้ซวยจริงๆ เสียเปรียบเป็นอย่างมาก