ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 134 อิงหลงถู ร่างจิตนภา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เขาไร้พรมแดนปล้นหยกหิ่งห้อยสายฟ้า ทว่าก็ไม่ได้ลงมือจนโหดเหี้ยมเกินไปนัก ภายหลังยังชดใช้ด้วยของล้ำค่าส่วนหนึ่งให้แก่ตำหนักอัสนีสวรรค์อีกด้วย เพื่อให้ครบถ้วนวัตถุประสงค์ในการค้าขาย

ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ถูกเมืองทะเลมรกตและเขาไร้พรมแดนต้อนมาอยู่ตรงกลาง จึงทำได้แค่เพียงกล้ำกลืนความคับแค้นนี้ไว้

ทว่าการบังคับซื้อขายครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาไร้พรมแดนกับตำหนักอัสนีสวรรค์ที่เดิมทีก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จอมยุทธ์ระดับล่างของทั้งสองฝ่ายก็จะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงไม่หยุดหย่อน

ครั้งนี้อำนาจของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้กลับฟื้นคืนเหมือนก่อนหน้านี้

กระนั้นเขากว่างเฉิง เขาไร้พรมแดน และเมืองทะเลมรกต ทั้งสามสำนักต่างก็ไม่ได้ได้ใจ เพราะพวกเขารู้ว่าบัดนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์กำลังเก็บเรื่องราวไว้ในใจ และพยายามอดกลั้นเพื่อที่จะปะทุออกมาหลังจากนี้ เพื่อรอให้หวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนออกฌานโดยสมบูรณ์

ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะเลือกยืนอยู่ในฝั่งเดียวกับเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกต ทว่าเขาไร้พรมแดนก็ไม่ใช่พวกเรื่องเยอะเช่นกัน

เขาไร้พรมแดนทุ่มกำลังปิดผนึกข้อมูลที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำอย่างมาก สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ได้รับเพียงรายงานข่าวสารพื้นๆ เพียงเศษเล็กเศษน้อยเท่านั้น

ทว่าด้วยเจตนาของเขาไร้พรมแดน ข่าวสารที่เยี่ยนจ้าวเกอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนักข่าวลือต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายกว่างเฉิงก็เผยแพร่ออกไปในโลกแปดพิภพ

เยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีระยะนี้เป็นที่สนใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว พริบตาเดียวชื่อเสียงก็ขจรไกลไปกว่าเดิมอีก

อีกทั้งไม่ใช่ชื่อเสียงที่ไม่ดีอีกด้วย เขาไร้พรมแดนแอบสร้างชื่อให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างลับๆ เป็นเรื่องจริงที่ยกยอเขาว่าล้ำค่า บนสวรรค์มีอยู่น้อย บนโลกมีอยู่จำกัด

เมื่อฟังผิวเผินในครั้งแรก ย่อมทำให้รู้สึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอเป็นที่หนึ่งในคนรุ่นเยาว์ของโลกแปดพิภพ น่าตกตะลึงด้วยศักยภาพ เยินยอโอ้อวดยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋ บิดาของเขาในตอนนั้นเสียอีก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการสังหารทางอ้อม โดยการชื่นชมจนเกินเหตุ

เพียงชั่วขณะเดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนแล้วจริงๆ

ถังตะวันออกก่อนหน้านี้ เซียวเซิงและเฉาหยวนหลงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ให้แก่เขาอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงที่ลือเลื่องเป็นอย่างมากแล้ว บัดนี้ก็ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คนเข้าไปอีก

เพียงแต่ว่าหนึ่งในนั้น นอกจากนภาพิภพอันเป็นที่ตั้งของเขากว่างเฉิงแล้ว ยังรวมไปถึงเขตพื้นที่อื่นๆ ภายในวารีพิภพ อันเป็นที่ตั้งของเมืองทะเลมรกต ซึ่งต่างก็ตั้งข้อสงสัยมากกว่าจะยอมรับ

วรยุทธ์นั้นไร้ที่สอง คนรุ่นเยาว์ส่วนมากที่ทะนงตนยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

ไม่ได้ประลองกันจริงๆ มาก่อน ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ยากยิ่งนักจะทำให้ผู้คนปักใจเชื่อได้

อีกทั้งเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันแล้ว ระดับสูงของแต่ละสำนักใหญ่ต่างก็เริ่มมองเยี่ยนจ้าวเกอใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์

ยอดฝีมือระดับสูงของสำนัก ย่อมมีแง่มุมในการไตร่ตรองไม่เหมือนเดิมแล้ว

หากกล่าวว่าเรื่องราวของจ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์ในอดีตออกจะไกลตัวไปบ้างแล้ว เช่นนั้นเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอในเวลานั้นก็ยังคงชัดเจนในสายตา

เพียงแต่การต่อสู่ในระดับชั้นเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้สิ่งที่เขากำลังสนใจคืออีกเรื่องหนึ่ง

เด็กชายคนที่จ้าวหมิงและจิ่งอวิ๋นจือปกป้องไว้ คล้ายกับจะเข้าใจแล้วในที่สุดว่าบิดามารดาของเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก บาดแผลในจิตใจเช่นนี้สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว ไม่ต่างอะไรกับฟ้าถล่มทลายลงมา

ภายในดวงตาของฮานหลงเอ๋อร์ไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณอยู่บ้าง เปี่ยมไปด้วยความงุนงงและหยดน้ำตา

บางทีเขาอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของความตายอย่างแท้จริง ทว่าเขาก็รับรู้แล้วว่าบิดามารดาจากเขาไปไกลแล้ว

เฟิงอวิ๋นเซิงทอดถอนใจ เข้าไปจับมือเขาไว้อย่างแผ่วเบา แต่ผู้ใดจะรู้เล่าว่าช่วงเวลาขณะนี้จะจูงเดินไม่ไป

“เอ๋?” เฟิงอวิ๋นเซิงประหลาดใจเล็กน้อย จึงลองเพิ่มแรงที่อุ้งมืออีกระดับหนึ่ง ทว่าฮานหลงเอ๋อร์ออกแรงสะบัดครั้งเดียวก็พ้นจากการเกาะกุมของนางทันที

เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ใช่หญิงอ่อนแออะไร แม้ว่าภายใต้มือนั้นจะมีการยั้งแรง แต่เมื่อครู่เป็นการตั้งใจทดลอง หากนางออกแรงทั้งหมดที่มี ไม่มีทางที่เด็กอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งจะสามารถสลัดหลุดได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงอวิ๋นเซิงยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถึงพลังของฮานหลงเอ๋อร์ที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตา แม้กระทั่งสั่นสะเทือนจนนางที่ไม่ได้ออกแรงทั้งหมดเกิดอาการชาที่ง่ามนิ้ว

“เด็กคนนี้โจมตีจอมยุทธ์พรรคโลหะเอกจนบาดเจ็บ ทางพรรคกับโหวเสียงนั่นมาเยือนเพราะต้องการคน เป้าหมายคงไม่ใช่เพียงแค่พ่อแม่ของเขาอย่างเดียวเท่านั้น ยังคงรวมไปถึงตัวเด็กคนนี้ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามาพลางกล่าว

ตอนนี้ไม่มีคนของเขาไร้พรมแดนอยู่แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจึงพูดกล่าวอย่างไม่พะว้าพะวังอะไร

ครั้นได้ฟังชายหนุ่มพูดแล้ว ฟู่เอินซูก็สนใจฮานหลงเอ๋อร์เช่นกัน

ทันใดนั้นจ้าวหมิงและจิ่งอวิ๋นจือก็ตื่นตัวบ้าง “ไม่ผิด ตอนนั้นก็ได้ยินคำกล่าวนี้ พวกเรายังคิดว่าคนของพรรคโลหะเอกหาเรื่องอยู่เลย แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เด็กคนนี้ดูท่าจะมีความแปลกประหลาด!”

สายตาของฟู่เอินซูประหนึ่งกับของแข็ง กำลังปกคลุมฮานหลงเอ๋อร์ไว้

ฮานหลงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ดวงตาโตคู่หนึ่งหันกลับมามองยังฟู่เอินซู

ฟู่เอินซูส่งเสียง ‘เอ๋?’ เบาๆ ครั้งหนึ่ง ไม่โกรธเคืองแต่กลับยินดี “ปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวนัก”

ด้วยระดับวรยุทธ์ของนาง แม้ว่าจะเป็นเพียงการสอดส่องสายตา แต่โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธ์ระดับล่างไม่เพียงไม่สามารถขัดขืนได้ ยังถึงขั้นยากที่จะสังเกตเห็นได้

ฮานหลงเอ๋อร์กลับรู้สึกได้ ทำให้พอที่จะอธิบายได้ว่านอกจากพลังมหาศาลทั่วกายที่เกินกว่าจะจินตนาการได้แล้ว ความสามารถในการรับรู้ของเขาก็เหนือกว่าปกติเช่นกัน

“ร่างกายดุจเพชร จิตใจดุจกระจกใส พรสวรรค์และคุณสมบัติของเด็กคนนี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!” ฟู่เอินซูเยินยอไม่ขาดปาก “ราวกับเทพเซียนเก็บซ่อนกายไว้ได้อย่างไรอย่างนั้น ยามปกติไม่ปรากฏต่อภายนอก ตัวเขาเองไม่เผยเบาะแสออกมาเลย แม้กระทั่งข้าก่อนหน้านี้ก็มองพลาดไป”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เอ็นและกระดูกตั้งแต่กำเนิดดุจนาคคชสาร จิตใจผ่องใสราวกับบรรลุเป็นเทพ ข้าเคยอ่านในตำราโบราณมาก่อน นี่คือร่างจิตนภาที่ดีงามจนสามารถฝึกวรยุทธ์ได้อย่างโดดเด่น หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ยังถือว่าเป็นการค้นพบครั้งแรก”

เฟิงอวิ๋นเซิง ซือคงจิง และคนอื่นๆ ได้ฟังต่างก็ตะลึงงัน จ้าวหมิงกล่าวถามด้วยความลังเลอยู่บ้าง “แต่เด็กคนนี้ดูไปแล้วออกจะ…เอ่อ เชื่องช้าอยู่บ้าง หากจะฝึกวรยุทธ์ยังพอทำได้อยู่หรือ”

“วางใจเถิด ด้านอื่นอาจจะช้า แต่หากศึกษาวรยุทธ์ละก็ กระบวนการคิดว่องไวกว่าคนบนโลกนี้เสียอีก” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม

ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็เดินไปถึงด้านหลังของฮานหลงเอ๋อร์ นิ้วมือของเขาวาดลงเบาๆ เสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม ก่อนที่มันขาดออกเป็นสองส่วนจนเผยให้เห็นแผ่นหลัง

ปลายปราณกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเก็บปล่อยดังใจนึก ไม่ว่าฉีกเสื้อผ้าที่แนบชิดติดกายของผู้คนจนขาด หรือจะเขียนอักษรบนพื้นผิวเสื้อผ้าของผู้คน อีกฝ่ายก็ล้วนไม่รู้สึกตัวใดๆ เลย

ทว่าร่างกายของฮานหลงเอ๋อร์กลับมีการเคลื่อนไหว เขาหลบไปข้างหน้าอย่างเห็นได้ชัด ฟู่เอินซูและคนอื่นๆ ที่มองอยู่ต่างผงกศีรษะติดต่อกัน

ปฏิกิริยาโต้ตอบของฮานหลงเอ๋อร์อยู่ในการคาดการณ์ล่วงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่เขาปล่อยกระบี่ออกไปก็นับอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ทว่าก็ยังคงฉีกเสื้อของฮานหลงเอ๋อร์ออกได้อย่างราบรื่น จึงเห็นว่าบนแผ่นหลังของเด็กชายมีจุดเล็กๆ อยู่สามสิบหกจุด คล้ายกับรอยฟกช้ำบนผิวหนัง

ทว่าท่ามกลางรอยฟกช้ำเหล่านี้มีแสงมีทองจางๆ เปล่งออกมาหลายส่วน

สามสิบหกจุดเล็ก พอดีกับจำนวนของดาวเหนือเทียนกัง ในช่วงเวลาอันคลุมเครือก็ปรากฎรูปร่างมังกรขึ้น มันคล่องแคล่วปราดเปรียวราวกับมีชีวิต กำลังอำนาจไม่ธรรมดา

ฟู่เอินซูเห็นดังนั้นก็วางใจลงโดยสิ้นเชิง นางเงยหน้ายิ้มให้กับท้องฟ้า พลางกล่าวว่า “ต้นทุนแต่กำเนิดเพียบพร้อม ในโลกปัจจุบันหากไม่กล่าวว่าแข็งแกร่งที่สุด ก็มีจำนวนน้อยจนสามารถนับด้วยมือได้! เขาไร้พรมแดนกลุ่มนั้นไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรดีไม่ดี รอให้เสียใจภายหลังไปเถิด”

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปทางจ้าวหมิงและจิ่งอวิ๋นจือ “ตอนที่ถามชื่อเด็กคนนี้ เขาเอาแต่พูดว่า ’ฮานหลงเอ๋อร์’ นั่นน่าจะเป็นชื่อเล่นมากกว่า เจ้ารู้ชื่อจริงของเขาหรือไม่”

จิ่งอวิ๋นจือพูด “ตามที่บิดามารดาของเขาบอก ทั้งคู่ได้บุตรยามชรา ทั้งเขายังซื่อและไร้เดียงสา ก็เลยยิ่งรักและทะนุถนอมอย่างสุดหัวใจ กลัวว่าจะเลี้ยงดูไปไม่รอด จึงตั้งเพียงชื่อเล่นว่า ‘ฮานหลงเอ๋อร์’ ก่อนเท่านั้น ยังไม่มีชื่อจริง แต่ถ้าถามถึงแซ่แล้วละก็ เขามีแซ่ ‘อิง’”

“ท่านอาจารย์ฟู่ขอรับ ข้ากระทำเกินหน้าที่ไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

ฟู่เอินซูผงกศีรษะ “เดิมทีควรจะให้อาจารย์เป็นผู้ตั้งชื่อให้ แต่ถ้าหากไม่ได้เจ้า ทางสำนักก็อาจจะตกหล่นเขาไปเช่นกัน ตั้งชื่อให้เขาตามแต่ใจเจ้าเลยเถอะ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองลวดลายรูปมังกรบนแผ่นหลังของฮานหลงเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า “เช่นนั้นก็ชื่อ ‘อิงหลงถู’[1] แล้วกัน”

ฮานหลงเอ๋อร์หันศีรษะกลับมามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความงุนงนอยู่บ้าง เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย อารมณ์ของเด็กชายสงบนิ่งลงไปมากแล้ว คล้ายกับว่าจะรับรู้ได้ถึงเจตนาดีของผู้ที่ยิ้มให้ จึงยกมุมปากขึ้นยิ้มตอบ

………………..

[1]อิงหลงถู (应龙图) : อิงคือแซ่ (应) หลงคือมังกร (龙) ถูคือภาพ (图)