บทที่ 266
บทที่ 266

“นายท่านจะให้พวกเราจัดการมันอย่างไรดี ?” พวกทหารหันมาถามถังหยิน

จ้านหูถูกจับกุมในสภาพหมดสติ แถมยังถูกกินยาสลายปราณเข้าไปอีก เลยทำให้เขาแทบขยับตัวไม่ได้เลย และเมื่อถังหยินเดินเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มก็พลันเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยภาษามอร์ฟีส “ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลย แถมยังมีพละกำลังที่มากนั่นอีก แล้วทำไมถึงมาเป็นโจรได้กัน ?”

จ้านหูเงยหน้าขึ้นแล้วเบี่ยงหน้าหนีไป ส่วนพวกทหารที่ไม่เข้าใจคำพูดนี้จึงได้แต่แสดงสีหน้างงงวย แต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังร้องขอความตายจากถังหยินอยู่

ชายหนุ่มโบกมือห้ามทุกคนเอาไว้ไม่ให้เสียมารยาท และเมื่อเห็นว่าจ้านหูไม่ได้โกรธอะไร เขาก็พูดต่อ “ตอนนี้เจ้ามี 2 ทางเลือก คือตายตรงนี้กับมีชีวิตรอด เจ้าจะเลือกอะไร ?”

จ้านหูขมวดคิ้วแล้วถาม “เจ้าหมายความว่ายังไง ?”

“ถ้าเจ้าอยากจะเป็นโจรต่อ ข้าก็จะฆ่าเจ้าทิ้งเสียตอนนี้ แต่ถ้าเจ้าเลิกที่จะเป็นโจรแล้วติดตามข้ามา ข้าจะมอบชีวิตที่ดีกว่านี้ให้กับเจ้า”

จ้านหูมองไปยังพวกหน่วยลับที่อยู่ไม่ไกลออกไป ด้วยเขาบอกได้เลยว่าคนพวกนี้เก่งกาจและไร้ปราณีมากจนพวกโจรเทียบไม่ติดเลย และเมื่อคิดแบบนี้ จ้านหูก็พลันกลืนน้ำลายแล้วก้มหน้าลง

ถ้าหากเป็นคนอื่นถังหยินคงฆ่าทิ้งไปแล้ว แต่ว่าจ้านหูคนนี้มีความสามารถมากเกินไปจนเตะตาเขา และในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็จึงเป็นชายหนุ่มที่พูดขึ้นมาก่อน “ถ้างั้นก็แสดงว่าเจ้าสนใจข้อเสนอของข้า ?”

“หา ? ข้อเสนออะไร ?” จ้านหูไม่เข้าใจ

“เป็นลูกน้องของข้า”

จ้านหูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเสียใจดีแล้วจึงส่ายหัว “เจ้าไม่ยอมรับข้าง่าย ๆ เช่นนั้นหรอก”

“ทำไมล่ะ ?”

“ดูนี่สิ” จ้านหูว่าแล้วแลบลิ้นออกมา เผยให้ลิ้นของเขาที่มีสัญลักษณ์วงกลมอยู่ และข้างในวงกลมนั่นก็มีหกเหลี่ยมอยู่อีกที ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าเขาเคยเป็นทาสมาก่อนนั่นเอง

อย่างนี้นี่เอง ถังหยินไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเลือกที่จะกลายเป็นโจรทั้ง ๆ ที่มีฝีมือมากขนาดนี้

ถังหยินตะลึงแต่ก็ยิ้มออกมา “ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร เพราะในสายตาของข้า เจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา และตราบเท่าที่เจ้ายอมรับเป็นลูกน้องข้า ก็จะไม่มีใครมองเจ้าเป็นทาสอีกแล้ว เจ้าจะได้เป็นแม่ทัพเชียวนะ ดีกว่าเป็นโจรฆ่าคนเยอะเลย !”

ถ้าไม่เข้าตาจนจริง ๆ ก็คงไม่มีใครอยากเป็นโจร และจ้านหูก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนั้นเช่นกัน ซึ่งหลังจากหนีมาได้เขาก็ถูกจับตัวโดยโจรทะเลทราย และถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง จนทำให้จ้านหูตราตรึงใจมากและยอมเข้าเป็นพวก ทว่าหลังจากได้ยินคำเชิญของถังหยินจิตใจของเขาก็พลันไขว้เขว “ข้า…จะเป็นแม่ทัพได้หรือ ?”

“แน่นอน ตราบเท่าที่เจ้าภักดีและทำงานให้กับข้า” ถังหยินพยักหน้าให้

ตอนนี้จ้านหูเริ่มคิดหนักขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะทำการสังเกตชายตรงหน้าเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งเมื่อสังเกตเสื้อผ้าและอายุของอีกฝ่ายอย่างละเอียด เขาก็ไม่พบข้อมูลใดที่พอจะเป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย

ถึงถังหยินจะดูเป็นคนธรรมดา แต่ดูจากท่าทางแล้วยังไงก็ไม่ใช่แน่ ๆ แถมคนรอบข้างก็ยังทำตัวแบบนี้อีก ดังนั้นจ้านหูจึงได้ถามขึ้น “ถ้าข้าไปกับเจ้า อย่างน้อยก็ช่วยบอกตัวตนของเจ้าหน่อยเถอะ”

“ข้าคือถังหยิน ผู้ว่ามณฑลเทียนหยวน”

จ้านหูไม่รู้หรอกว่ามณฑลเทียนหยวนหรือตำแหน่งผู้ว่าคืออะไร ดังนั้นเขาจึงได้ถามต่อไปว่า “ถ้างั้นเจ้าจะพาข้ากลับไปที่เฟิงด้วยหรือ ?”

“ใช่ แล้วเจ้าจะมากับข้าหรือไม่ ?”

จ้านหูไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว เมื่อทราบว่าตัวเองจะได้ออกจากดูกี “ข้าไปด้วย !”

ถังหยินจ้องมองอีกฝ่าย แล้วสุดท้ายก็พูดขึ้น “เจ้าชื่ออะไร ?”

“ข้าไม่มีชื่อ และทุกคนก็เรียกข้าว่าจ้านหู”

ถังหยินพยักหน้าให้ “ถ้างั้นข้าก็จะเรียกเจ้าว่าจ้านหูเช่นกัน” เขายิ้มออกมาแล้วตบบ่าอีกฝ่าย “จ้านหู จากนี้ไปเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว !”

เขาหันไปบอกพวกทหาร “ปล่อยตัวเขาซะ แล้วเอายารวบรวมปราณให้เขาด้วย”

เฉิงจินไม่พอใจที่ถังหยินเชื่อใจอีกฝ่ายมากเกินไป ด้วยถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายหนีไปกลางทางล่ะ ?

ถังหยินโบกมือให้กับทุกคน “ไม่ต้องห่วง ข้าเชื่อใจเขา”

ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ได้หุบปากเงียบ เพราะไม่เคยมีใครที่ถังหยินกล้าพูดรับรองแบบนี้ออกมาก่อนเลยสักครั้ง

ถึงจะไม่เข้าใจว่าทุกคนกำลังพูดถึงอะไรกัน แต่ดูจากสีหน้าแล้วจ้านหูก็พอจะเดาได้

ถึงจ้านหูจะตัวใหญ่และไร้สมองขนาดไหน แต่เมื่อพวกทหารปล่อยตัวเขาออกมาแบบนี้ มันก็ทำให้ความคิดของเขาเริ่มเอนเอียงไปทางถังหยินแล้ว

จ้านหูที่แต่เดิมเคยเป็นทาสของรัฐดูกี และก่อนหน้านี้ไม่นานก็เป็นโจรในทะเลทราย ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่น่าคบหา หากแต่ใครจะไปคิดกัน ว่าในอนาคตข้างหน้าเขาจะกลายเป็นแม่ทัพหูเว่ยที่เก่งกาจทัดเทียบกับสี่แม่ทัพใหญ่ของถังหยินเลยทีเดียว !!!

ถังหยินดีใจมากกับผลลัพธ์ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าการเดินทางไปดูกีของเขาในครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว เหลือแค่เพียงการเข้าไปเจรจากับพวกดูกีก็เท่านั้น

ถึงแม้ว่าพวกลูกน้องคนอื่นจะคุยกับจ้านหูไม่รู้เรื่อง แต่พวกเขาก็ยังพอจะสื่อสารจนเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฟิลิปที่โดนค้อนทุบเข้าไป ที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปถามไถ่ว่าต้องฝึกยังไงถึงจะมีพละกำลังแบบนั้น

พวกเขาไม่ดูถูกจ้านหูเพราะเป็นทาสเลย ออกจะกลับกัน ที่พวกเขาต่างก็ยกย่องด้วยซ้ำไป

จ้านหูเองก็เป็นคนฉลาด เขาไม่ได้พูดอะไรมากมายและไม่มีใครถามเขาเกี่ยวกับอดีตเลย ทำให้เขาทำได้เพียงแค่พยายามตอบคำถามของพวกลูคัสที่กำลังรุมถามเรื่องต่าง ๆ นา ๆ เท่านั้น และแม้ว่ามันจะเหนื่อยกว่าการต่อสู้ หากแต่ในใจของเขาก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก

ณ เมืองดูกี เมืองหลวงของรัฐดูกีอันเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธรัฐมอร์ฟีสที่มีเขตแดนติดกับทะเลทรายตะวันตก

ดูกีเป็นรัญที่ขาดแคลนทั้งทรัพยากรและกองทัพอันเกรียงไกร ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกปล้นใครที่ไหนได้ต่างจากพวกเบสซ่า และก็เรียกได้ว่าเป็นรัฐที่เกือบจะเล็กที่สุดในสมาพันธรัฐมอร์ฟีสแล้วก็ว่าได้

เมื่อพวกถังหยินมาถึงใกล้กับเมืองดูกี พวกกองทหารก็พากันล้อมเข้ามา

ทำให้ถังหยินต้องรีบยกมือเพื่อให้พวกทูตหยุดรอตรงนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาแอบแฝงใดหรือไม่

และแม้ว่าจ้านหูจะอยู่พวกเดียวกับถังหยินแล้ว หากแต่เขาก็ยังหวาดกลัวพวกทหารดูกีอยู่ดี ซึ่งมันก็ทำให้เขาเผลอยกผ้าพันคอขั้นมาปิดใบหน้าส่วนล่างเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

ถังหยินตบบ่าของเขา “จ้านหูไม่ต้องกลัวหรอก เจ้าเป็นพวกเดียวกับข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้ใครทำอันตรายเจ้าแน่”

“ขอรับ นายท่าน” สองวันที่ผ่านมาจ้านหูเริ่มคุ้นชินกับคนอื่นแล้ว จึงทำให้เขาสามารถเรียกถังหยินว่านายท่านได้อย่างเต็มปาก

ไม่นานนักพวกทหารม้าดูกีก็เข้ามาที่หน้าถังหยิน ซึ่งพวกเขาก็มากันทั้งหมด 2 พันนายได้ โดยม้าของพวกเขานั้นมีสีแดงฉาน และไม่มีขนเลยแม้แต่เส้นเดียว

หัวหน้ากองทหารม้าใส่เกราะเหล็กกล้า โดยเฉพาะคนตรงกลางที่ใส่เกราะทองพร้อมกับเพชรที่ด้ามดาบที่บ่งบอกถึงตำแหน่งแม่ทัพสูงสุดของเขาได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ดูมีอายุราว ๆ 20 ปีเท่านั้น กับเส้นผมสีทอง ดวงตาสีฟ้าและรัศมีขุนนางที่สูงมาก

และเมื่ออีกเข้ามาใกล้ถังหยิน เขาก็พลันลงจากหลังม้าแล้วมองทุกคนพร้อมกัน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาชัวน่าที่อยู่ตรงกลางกลุ่ม “องค์หญิงชัวน่า ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”